บทที่ 281 แก่นแท้ของอาจารย์ไป๋

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 281 แก่นแท้ของอาจารย์ไป๋

ระหว่างที่ค่าประสบการณ์ของไป๋เยี่ยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเข้าใจในศาสตร์การแพทย์ฉุกเฉินของเขาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ไป๋เยี่ยยังได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจโดยบังเอิญ

นั่นคือตั้งแต่ที่อาคามอสและโยฮันจากองค์การอนามัยโลกเข้ามาร่วมมือ ค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการประมวลผลก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูเหมือนว่าค่าประสบการณ์จากการประมวลผลจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับศักยภาพของสมาชิกในทีมด้วย

หลังจากที่พินิจพิจารณาดูแล้ว ไป๋เยี่ยก็ได้แต่หวังว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาเข้าร่วมกับเขาเพีมขึ้นอีก เพื่อที่ค่าประสบการณ์ของเขาจะได้เพิ่มเร็วขึ้น

ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากสมาชิกในทีมที่ไม่ค่อยมีศักยภาพเริ่มลดน้อยลงไปอีก

ทว่าไป๋เยี่ยกลับเข้าใจในส่วนนี้ดี อย่างไรหลังจากที่ผู้คนได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ก็มีไม่กี่คนที่จะสรรค์สร้างนวัตกรรมและงานวิจัยใหม่ๆ ประมวลผลข้อมูลต่างๆ และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นออกมาโดยมุ่งตรงไปยังวัตถุประสงค์โดยอาศัยเพียงความรู้พื้นฐานได้

นี่คือปัญหาเรื่องศักยภาพ

อย่างไรไป๋เยี่ยก็ไม่อยากบังคับผู้อื่น ทว่าประเด็นนี้กลับทำให้ไป๋เยี่ยเกิดความคิดที่จะจัดตั้งทีมวิจัยระดับสูงขึ้นเพื่อศึกษาสาขาเฉพาะทางต่างๆ เช่น สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน หากมีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคนเข้าร่วม ทุกคนก็จะสามารถปรับปรุงตนเองผ่านการอภิปรายและประมลผลข้อมูลต่างๆ ได้ ซึ่งนี่ถือเป็นวงจรที่เป็นไปในทิศทางที่ดี

ทว่าขีดจำกัดก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ

ตอนนี้สมาชิกในทีมของอาคามอสเพิ่งจะทำการผ่าตัดและรวบรวมข้อมูลของวันนี้เสร็จ ทว่ากลับไม่มีใครรู้สึกเหนื่อยเลย กลับกัน ทุกคนดูจะตื่นเต้นมากกว่า

อาคามอสหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่เขาพกติกตัวออกมาพร้อมปากกาด้ามหนึ่ง หลังจากที่เขาได้ฟังคำแนะนำจากไป๋เยี่ย เขาก็พบว่าความคิดของตนนั้นได้ขยายกว้างขึ้นในทันที เขารู้สึกว่าเมื่อก่อนเขาเอาแต่อยู่ในกะลา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงคิดค้นวิธีการและมาตรการที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าไป๋เยี่ยกำลังนำทางเขาไปสู่เส้นทางที่เขาจะไม่มีทางย้อนกลับมาอีกครั้ง…

วันนี้ระหว่างที่อาคามอสกำลังผ่าตัด เขาก็ได้ค้นพบปัญหายิบย่อยมากมาย เขาจึงรอจนกว่าจะถึงช่วงการบรรยายและขอคำแนะนำจากอาจารย์ไป๋เยี่ย ใช่แล้ว ตอนนี้อาคามอสชินกับคำเรียกขานแบบนี้ไปแล้ว อีกทั้งเขายังเรียกออกมาได้อย่างเต็มปากด้วย

เมื่อเทียบกันอาคามอสแล้ว ตั้งแต่วันที่สองโยฮันก็เอาแต่พูดถึงไป๋เยี่ยไม่หยุด เขาเรียกหาศาสตราจารย์ไป๋แทบทั้งวัน จนทำให้อาคามอสอดคำนึงถึงตำแหน่งของไป๋เยี่ยไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นไป๋เยี่ยก็ยังเป็นหัวหน้างานของเขาอยู่ดี…

ทีมของอาคามอสมีสมาชิกทั้งหมดประมาณห้าสิบคน ซึ่งทุกคนล้วนเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการบรรยาย เพียงแต่ว่า…สมาชิกคนอื่นๆ ยังมีความกดดันอยู่มากเมื่อเทียบกับอาคามอสแล้ว

เหตุใดถึงพูดแบบนั้น

ก็เพราะพวกเขาไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดสักเท่าไหร่…

ใช่แล้ว! ก็เพราะว่าพวกเขาฟังไม่ออก ทำให้บ่อยครั้งพวกเขายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าไป๋เยี่ยกำลังพูดถึงอะไร

แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากระดับภาษาอังกฤษของไป๋เยี่ย แต่เป็นเพราะไป๋เยี่ยคิดว่าระดับการศึกษาของคนเหล่านี้ค่อนข้างสูง ทั้งหมดล้วนเป็นด็อกเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์จากทั่วทุกมุมโลก คนเหล่านี้จึงมีศักยภาพที่ค่อนข้างสูง

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่พวกเขาศึกษาได้ศึกษาประเด็นต่างๆ และประมวลผลออกมาแล้ว ค่าประสบการณ์ที่ไป๋เยี่ยได้รับก็ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นประเด็นที่ไป๋เยี่ยกำลังให้ความสนใจอยู่

ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงบรรยายความรู้ที่ค่อนข้างซับซ้อนให้พวกเขาได้สัมผัส และเพื่อที่ไป๋เยี่ยจะได้รับค่าประสบการณ์มากขึ้นด้วย…

ทว่า…

การสื่อสารด้วยความรู้ทางวิชาการนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ทว่าคนเหล่านี้กลับคิดว่าวิธีการเผยแพร่ความรู้ของไป๋เยี่ยแตกต่างจากวิธีการรับรู้ของพวกเขามาก!

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามอย่างยิ่งในการเก็บทุกคำพูดของไป๋เยี่ย เพราะว่าคำเพียงคำเดียวก็อาจจะเป็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง!

เมื่อสองวันก่อน โยฮันเขียนบทความขึ้นจากคำพูดทั่วๆ ไปของไป๋เยี่ย ปรากฏว่าบทความของเขามีมาตรฐานมากจนอาจจะได้ตีพิมพ์ลงวารสารนิวอิงแลนด์ด้วยซ้ำ

จากนั้นทุกคนก็ได้รู้ว่าไป๋เยี่ยนั้นน่ากลัวมากแค่ไหน

ตอนนี้ทุกคนกำลังมองโยฮันด้วยสายตาที่แตกต่างกัน พวกเขาคิดว่าโยฮันเป็นคนมีสติปัญญาล้ำเลิศ ทั้งยังเป็นคนเก่งที่เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี!

ในขณะที่อาคามอสนั้นมองว่าการใช้ชีวิตเป็นเด็กเกาะเบาะแบบโยฮันก็ดูจะมีความสุขไม่น้อยเลย…

ไม่นานหลังจากนั้น ไป๋เยี่ยก็แหวกม่านออกและเดินเข้ามาในเต็นท์ก่อนจะเอ่ยกับทุกคน “วันนี้ผมจะมาพูดถึงแนวคิดเรื่องกระบวนการสร้างกระดูกหลังการผ่าตัด”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป๋เยี่ย ทุกคนก็มีพลังขึ้นมาทันที!

ด็อกเตอร์คนหนึ่งถอนหายใจเบาๆ “สุดยอดเลย แค่ประโยคเดียวก็ทำให้งงแล้ว! คืนนี้คงไม่ได้นอนแล้วล่ะ ฉันจะไปทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้ดีเลย เผื่อว่ามันจะนำพาไปสู่ประเด็นที่ใหญ่ขึ้นได้!”

ทุกคนมองไป๋เยี่ยอย่างใจจดใจจ่อเพราะกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป

หากอิงตามคำพูดของโยฮันก็คือ ‘จุดที่ทรงพลังของอาจารย์ไป๋เยี่ยคือทุกคำพูดของเขาสามารถสรุปออกมาเป็นข้อเท็จจริงได้‘

อันที่จริงการบรรยายครั้งนี้กินเวลาไปเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการบรรยาย เพราะหกสิบเปอร์เซ็นต์ของเวลาถูกใช้ไปกับการพูดคุยและตั้งคำถาม ซึ่งโดยทั่วไปไป๋เยี่ยจะพยายามไขข้อสงสัยให้กับทุกคน

การตอบคำถามของผู้อื่นก็เป็นหนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองของไป๋เยี่ยเช่นกัน ไม่ว่าความรู้ใดๆ ก็ย่อมต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ก่อนที่จะสรุปเป็นแนวคิดของตัวเราเอง

หลังจากการบรรยายจบลง ไป๋เยี่ยก็กำลังจะเดินออกไป ทว่าอาคามอสกลับรีบตามเขาออกมา

“ไป๋…อาจารย์ไป๋ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง…ถึงมันจะดูขอมากเกินไปแต่…” อาคามอสเอาแต่พูดติดๆ ขัดๆ จนพูดไม่จบสักที

ไป๋เยี่ยผงะไปชั่วครู่ เขาถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งและเตรียมตั้งท่าโต้กลับ “ศาสตราจารย์อาคามอส คุณ…”

อาคามอสสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดสิ่งนั้นออกมา “คือว่าเพื่อนสนิทของผม ‘โมลโด’ อยากมาร่วมงงานด้วยน่ะครับ ก่อนจะมาที่นี่ผมเคยชวนให้เขามาทำวิจัยด้วย แต่ว่าผมดันเผลอไปพูดแนวคิดของคุณเนี่ยสิ ตอนนี้เขาก็เลยอยากเข้าร่วมทีมของพวกเรามาก…คุณคิดว่าไงบ้าง”

ไป๋เยี่ยขมวดคิ้วพลางพึมพำกับตนเอง โมลโด? ชื่อคุ้นๆ แฮะ เหมือนจะเคยเห็นชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อนเลย…

ไป๋เยี่ยพึมพำ “เอ…ชื่อคุ้นๆ นะครับ แต่ผมนึกไม่ออกเลยว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหน…”

อาคามอสแทรก “ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ไกลจากคุณมาก แต่เขาก็เป็นที่รู้จักในแวดวงศัลยกรรมกระดูกนะ เขาเป็นหัวหน้าสถาบันวิจัยคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก และเป็นรองประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมกระดูกและข้อนานาชาติ”

ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าตนเคยอ่านหนังสือของโมลโดมาก่อน ที่แท้ก็เป็นเขา! ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมกระดูกระดับแนวหน้าของโลกจากเยอรมัน เขามุ่งเน้นไปที่การศัลยกรรมกระดูกโดยอิงตามโครงสร้างทางกายวิภาค สิ่งที่เขาแสวงหาคือการทำให้กระดูกกลับคืนสู่โครงสร้างเดิม และด้วยเครื่องมือสุดล้ำของเยอรมนี เขาจึงสร้างโครงกระดูกที่เหมือนกับกายวิภาคของมนุษย์ออกมาได้สำเร็จ และงานวิจัยล่าสุดของเขาก็คือการประยุกต์เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติเข้ากับการศึกษาโครงสร้างของมนุษย์นั่นเอง

เขาเป็นคนที่สุดยอดมากจริงๆ!

ถ้าเขามาที่นี่ได้ เขาจะต้องกลายเป็นกำลังสำคัญอย่างแน่นอน แถมตอนนี้เราเองก็กำลังขาดแคลนบุคลากรชั้นนำแบบเขาด้วย อยากได้อะไรก็ได้จริงๆ แฮะ!