บทที่ 93 เหล่าไท่ไท่ด่าทอ2

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 93 เหล่าไท่ไท่ด่าทอ2
เวลานี้ทุกคนต่างมีไม่พอกิน ยังจะกล้าทำลายสวนผักของคนอื่น การกระทำแบบนี้ถือว่าเอาชีวิตคนอื่นแล้ว

กุ้ยหลานเป็นคนมีเหตุมีผล และรู้การให้เกียรติพวกเขาด้วยการให้สิ่งของต่างๆ แต่ก็ยังมีคนไปรังแกนาง จะให้ไม่โกรธแทนนางได้ยังไง

หวังโหยวเกินก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ชาวนานั้นไม่ใช่ว่ารอทั้งปีเพียงเพื่ออาหารแค่เล็กน้อยหรอกเหรอ ยังไม่ทันได้กินก็มาถูกทำลาย แบบนี้ต้องจัดการให้สิ้นซาก!

“ท่านดูแลหมู่บ้านยังไง ปล่อยให้คนมาทำเรื่องแย่ๆ ข้าดูสิ ต้องจับมากระทืบให้หนัก!”

ซิ่วเอ๋อร์กระทืบเท้าอย่างแรงเพราะโกรธมากเช่นกัน

“งั้นสวีเหมยฮวาเป็นฝ่ายรังแกได้ง่ายเหรอ ถ้ารังแกถึงบนหัวนางงั้นนางไม่ด่าคนนั้นจนตายเหรอ ข้าเกรงว่าพอสืบได้แล้วสวีเหมยฮวาจะเอาเรื่องจนวุ่นวาย…”

เป็นเรื่องดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้าน และเขาก็จะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านไปตลอด

คำพูดนี้ซิ่วเอ๋อร์ไม่ชอบ ฟังจากคำด่าของสวีเหมยฮวาข้างนอก ตนจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ต่อไปไม่ต้องกลัวที่จะไปทะเลาะกับนางสู้ไม่ได้

บ้านหวังชุยฮวา

หวังชุยฮวาถือเก้าอี้มานั่งที่ประตู ฟังคำด่าด้วยความตื่นเต้นและแอบรู้สึกดี

ฟังไปๆ ใจก็เต้นแรงและอยากด่าตามบ้าง

บ้านเฉินโหยวซวน

เฉินโหยวซวนซึ่งนอนอยู่บนเตียงกำหมัดแน่น โกรธจนตาแดงก่ำ

ไอ้ครอบครัวเวรนั่น!

เขาดึงผ้าห่มออกและลุกขึ้นเดินออกจากห้องตัวเอง เฉียนต้ายาที่กำลังปะชุนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโถงรีบวิ่งเข้ามาจับเขาไว้ “เจ้าลุกขึ้นอะไร เข้าไปนอนเดี๋ยวนี้!”

เฉินโหยวซวนสะบัดมือนางออก ก่อนจะตะโกนลั่น “ข้าจะไปฆ่าอีแก่นั่น แล้วก็นังสารเลวโจวกุ้ยหลานนั่นด้วย!”

ทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้เฉียนต้ายาก็ทนไม่ไหว “โอ้ยไอ้ลูกคนนี้ เจ้าจะโมโหทำไม พวกนางจะด่าก็ด่าไป ไม่ได้ด่าเราสักหน่อย เจ้าใจเย็นๆ เดี๋ยวตอนเที่ยงแม่ทำอาหารให้เจ้ากินดีไหม”

ลูกชายเป็นแบบนี้จะให้เขาออกไปได้ยังไง

แต่นางตำหนิสวีเหมยฮวาไม่ได้ ไปตบไปตีก็ไม่ได้ ออกไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ!

“ใครว่านางไม่ได้ด่าข้า ท่านแม่ไม่ได้ยินเหรอว่านางด่าว่าข้าเป็นหมัน นั่นไม่ใช่ว่าด่าข้าหรอกหรือไง” เฉินโหยวซวนโกรธจนตวาดลั่น

นี่คือความเจ็บปวดในหัวใจเขา สวีเหมยฮวายังมาด่าตรงจุดเจ็บเขา เขาทนได้ก็บ้าแล้ว

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฉียนต้ายาก็รู้สึกผิด แต่ตอนนี้ก็ให้ลูกชายรองออกไปไม่ได้ นางรีบห้ามปราม “ลูกเอ้ย เจ้าอดทนหน่อยสิ ตอนนี้นางไม่ได้ด่าพวกเรา นั่นด่าคนอื่น!”

“นางด่าข้า! หัวเราะเยาะข้า คนทั้งหมู่บ้านก็หัวเราะเยาะข้าที่เป็นหมัน” เฉินโหยวซวนโกรธจนเหวี่ยงเฉียนต้ายาออก

เขาไม่ได้ควบคุมกำลัง เฉียนต้ายาถูกแรงเยอะของเขาผลักจนล้มลงพื้น กระดูกก้นกบกระแทกลงกับพื้น นางเจ็บปวดจนพูดไม่ออกไปนานมาก

“อย่าห้ามข้า! ตอนนี้คิดว่าข้าเป็นลูกแล้วเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะห่วงเรื่องเงินข้าคงรักษาหายไปนานแล้ว! ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ จนข้าไม่ใช่ผู้ชายแล้ว!” เฉินโหยวซวนมองเฉียนต้ายาด้วยสายตาเกลียดชัง

หมอบอกว่าไม่เป็นไร แม่ก็ห่วงแต่เรื่องเงิน แล้วปรากฏเป็นยังไง เขาต้องเป็นหมัน! ใช้งานไม่ได้ไปแล้ว! เดือนที่แล้วหมอบอกว่าถ้าไม่ตัดนกเขาจะต้องตาย!

ตอนนี้เขารอดแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายอีกแล้ว!

ฮ่าฮ่า!

เขาเฉินโหยวซวนกลายเป็นขันทีแล้ว เขาเป็นหมันแล้ว!

“ทุกอย่างเป็นเพราะท่านนาย! เป็นเพราะยายแก่อย่างนาย!”

เฉินโหยวซวนเป็นบ้าแล้ว ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเฉียนต้ายาเป็นศัตรู เขายกขาเตะเฉียนต้ายาที่อยู่บนพื้นอย่างแรง

เฉียนต้ายากลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้ายตรงศีรษะ จึงรีบกุมศีรษะและหลบไปข้างๆ “ข้าเป็นแม่นะ! โหยวซวน เจ้าทำร้ายแม่ไม่ได้!”

ตอนนี้เฉินโหยวซวนบ้าไปแล้ว จะสนใจเรื่องพวกนั้นได้ยังไง เตะต้นขาแม่ของเขาอย่างหนักจนเกิดเสียงดัง “ป้าบ”

ความเจ็บปวดที่ต้นขาทำให้เฉียนต้ายาพูดไม่ออก นางอยากขยับไปด้านข้าง แต่เฉินโหยวซวนไม่ยอมให้นางหลบ ยกขาขึ้นเตะเฉินโหยวซวนสะเปะสะปะ

แม่งั้นเหรอ

นี่ไม่ใช่แม่ของเขา นี่คือศัตรูของเขา!

แม่ที่มองดูเขากลายเป็นขันทีโดยไม่ทำอะไรเลย!

เฉินโหยวซวนกัดฟันแน่นเตะเฉินต้ายาอย่างรุนแรง

เสียงด่าจากข้างนอกกระตุ้นเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเป็นบ้า

เฉียนต้ายาขดตัวบนพื้น “โหยวซวน…อย่า…อย่าเตะ…”

เมื่อลูกสะใภ้ใหญ่กลับมา เห็นภาพนี้ก็กรีดร้องอย่างตกใจ รีบพาลูกวิ่งออกไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินเถี่ยซวนที่ไปทำงานข้างนอกรีบวิ่งกลับมา เห็นแม่ร้องครางอยู่บนพื้นแล้วเขาก็ดวงตาเบิกกว้าง เอาไม้คานที่ถืออยู่ในมือตีหัวเข้าเต็มเปา

“เจ้ากล้าทำร้ายแม่งั้นเหรอ ทำได้ยังไง” เฉินเถี่ยซวนก็ลงมือหนักเช่นกัน ตีเฉินโหยวซวนด้วยความรวดเร็วและรุนแรง

เฉินโหยวซวนถูกทุบตีอย่างหนักจนไม่สามารถทุบตีแม่ของเขาได้อีก ได้แต่คว้าจับไม้คานของเฉินเถี่ยซวน

หลังจากคว้าได้ เขาก็ใช้ขาเตะเข้าท้องของเฉินเถี่ยซวน เฉินเถี่ยซวนจึงถูกเตะล้มลงกับพื้น

สะใภ้ใหญ่เห็นผู้ชายของตัวเองถูกทำร้าย ก็อยากจะพุ่งเข้าไป แต่ถูกลูกชายอายุยี่สิบต้นๆ จับไว้

ลูกชายคนนั้นหยิบแท่งเหล็กนอกบ้านมาฟาดหลังเฉินโหยวซวนอย่างแรง

เฉินโหยวซวนโกนตีล้มลงกับพื้น เจ็บปวดเนื้อตัวไปหมดจนสูญเสียพละกำลัง

“ไอ้เด็กเวร!” เฉินเถี่ยซวนลุกขึ้นเตะเฉินโหยวซวนอย่างรุนแรง ก่อนจะก้าวไปอุ้มเฉียนต้ายาขึ้น

เฉียนต้ายาร้องไห้เสียงดัง “ข้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ข้าให้กำเนิดไอ้สิ่งนี้ได้ยังไง”

“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเจ้า! ล้วนเป็นเพราะพวกเจ้าไม่รักษาให้ข้า! ทุกอย่างเป็นความผิดพวกเจ้า! ยังมีนังสารเลวโจวกุ้ยหลานนั่น! นางไม่คู่ควรจะมีสวนผัก! น่าจะเผาบ้านนางไปเลย! เผาให้พวกมันตาย! ใช่ เผาให้พวกมันตายไปเลย!”

ใบหน้าของเฉินโหยวซวนเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ปากก็แยกเขี้ยวยิงฟัน

ลักษณะแบบนี้ทำให้สะใภ้ใหญ่ตกใจ รีบกระตุ้นให้ลูกชายตัวเองมัดเฉินโหยวซวนไว้

เด็กหนุ่มแข็งแร็งมีพละกำลังรีบไปเอาเชือกป่านที่ห้องครัวมามัดเฉินโหยวซวน แล้วโยนเข้าไปในห้องของเขาเอง

เฉียนต้ายาถูกวางบนเตียงตัวเอง นางตะโกนเสียงดัง “โอ้ย ข้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้! ให้กำเนิดไอ้สิ่งนี้มาได้ยังไง! สวีเหมยฮวาก็มาชี้หน้าด่าพวกเรา ครอบครัวเราจะอยู่ยังไง…”

ในห้องมีความวุ่นวาย สะใภ้ใหญ่รีบลงกลอนประตูบ้านตัวเอง

โจวเหล่าไท่ไท่ด่าไปครึ่งชั่วโมงจนเหนื่อยไปพอสมควร

โจวกุ้ยหลานเห็นแบบนี้จึงรีบนำน้ำมาให้นาง เหล่าไท่ไท่ดื่มน้ำในชามหมดและหย่อนก้นลงบนเก้าอี้

“ท่านแม่พักก่อนไหม”

ด่ามานานท่านแม่คงเหนื่อยมากแล้ว

เหล่าไท่ไท่หอบหายใจ “ข้ายังด่าไม่จบ”

พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้และเริ่มด่าต่อ

โจวกุ้ยหลานถือโอกาสโน้มน้าวแม่ตัวเอง ที่แท้นี่แค่จบด่านแรก และตอนนี้กำลังเริ่มด่านที่สอง

สิ่งนี้ทำร้ายร่างกายมากแต่ยังไม่ได้ทำให้คนอื่นโกรธ ถึงมันจะทำให้ร่างกายตัวเองเหนื่อยล้าก็ตาม

“เอาล่ะท่านแม่ ท่านแม่รีบพักนะ ช่วงนี้เราไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีก ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่จะไปดูตัวยังไง”