นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 92 เหล่าไท่ไท่ด่าทอ1
ลูกสาวน้อยคนนี้นับวันจะยิ่งโตแต่ตัวจริงๆ!
“ชิวเซียง ข้ามาเยี่ยมแม่เจ้าและเจ้ากับพี่กุ้ยหลานของเจ้า ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง” เหล่าไท่ไท่ดึงโจวกุ้ยหลานเพื่อส่งสัญญาณให้นางเงียบ และทักทายโจวชิวเซียงด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
นี่คือลูกสาวของนาง ไหนเลยจะให้ใครมารังแกได้ แม้แต่ยัยชิวเซียงที่กำลังถูกพิษก็ไม่ได้!
โจวกุ้ยได้รับคำใบ้ของเหล่าไท่ไท่ จึงปล่อยให้นางจัดการเอง
ตัวนางโจวกุ้ยหลานไม่ใช่คนที่ทำความดีตอบแทนความชั่ว ถ้าไม่ต้องสนชิวเซียงได้นางก็ขี้เกียจจะใส่ใจ
“นางน่ะเหรอมาเยี่ยมข้า มาดูว่าข้าตายแล้วหรือยังเหรอ ตอนนี้เจ้าดีใจไหมล่ะ เจ้าภูมิใจล่ะสิ”
ใบหน้าซีดขาวของโจวชิวเซียงเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ตอนด่าก็ยังใส่อารมณ์เต็มที่ และดวงตาก็มีแต่ความเกลียดชัง
โจวต้าซานโกรธมากจนเอาบ้องยาสูบมากระแทกที่ขอบเตียงเตาและตะคอกอย่างโมโห “ชิวเซียง!”
ตอนนี้อารมณ์ลุงใหญ่โมโหมากแล้ว โจวชิวเซียงตกใจกับความโกรธของพ่อ เมื่อกลับมาคิดว่าตัวเองกำลังไม่สบายแต่พ่อยังปกป้องนังสารเลวนี่ นางก็ยิ่งคับข้องใจ
นางยิ่งคิดยิ่งคับข้องใจจนน้ำตาไหล “พ่อตะคอกใส่ข้า! ข้าไม่รู้เลยว่าข้าหรือโจวกุ้ยหลานกันแน่ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อ!”
โจวต้าซานโกรธมากจนง้างบ้องยาสูบอีกรอบเพื่อจะตีโจวชิวเซียง
โจวชิวเซียงตกใจจนเอาสองมือกุมศีรษะตัวเองและหดตัวเป็นก้อนกลม
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ รีบห้ามเขา เอื้อมมือไปคว้าบ้องยาสูบและเกลี้ยกล่อม “พี่ใหญ่ ยัยชิวเซียงไม่รู้อะไรควรไม่ควรอย่าไปตีเลย นางโตจนอีกไม่นานต้องแต่งงานแล้ว แถมตอนนี้ก็ป่วยอยู่ด้วย พี่ใหญ่ใจเย็นๆ เอาไว้ค่อยๆ สั่งสอนนางเถอะ!”
เมื่อถูกเกลี้ยกล่อมโจวต้านซานจึงระงับความโกรธในใจ
เพราะถูกพิษยังไงก็ไม่ได้อยากตีจริงๆ อยู่แล้ว จึงได้แต่ทิ้งความโกรธไป
เหล่าไท่ไท่ดูจากท่าทางจึงรู้ว่าเขาไม่ตีจริงๆ แล้วเลยปล่อยมือ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โจวชิวเซียงจึงแอบมองพ่อ เห็นว่าพ่อวางมือไม่คิดตีนางแล้ว นางจึงนอนลงดีๆ อีกครั้ง แต่น้ำตายิ่งไหลกว่าเดิม
“ท่านแม่ ที่เราจะมาเยี่ยมก็เยี่ยมแล้ว ด่าได้ขนาดนี้คงจะไม่มีอะไรน่าห่วง เรากลับกันเถอะ จะได้ไม่รบกวนนางพักผ่อน” โจวกุ้ยหลานดึงชุดของเหล่าไท่ไท่พลางพูดกับนาง
เหล่าไท่ไท่พยักหน้า รู้สึกว่าลูกสาวตัวเองพูดถูก
โจวชิวเซียงที่อยู่บนเตียงได้ยินคำพูดนี้ก็กัดฟันแน่นอย่างโกรธจัดอยากจะด่า แต่เมื่อเหลือบไปเห็นโจวต้าซานที่อยู่ข้างๆ จึงจำต้องกลืนคำพูดลงไป
“งั้นเรากลับแล้วนะ อยู่กันดีๆ ล่ะ” เหล่าไท่ไท่กำชับ
โจวต้านซานกับซานเฉียงตอบรับ สองแม่ลูกจึงเดินออกจากบ้านโจวต้าซาน
กระทั่งออกมาข้างนอกแล้วโจวกุ้ยหลานถึงได้สบายใจ
บ้านโจวต้าซานอึดอัดมาก อากาศไม่สดชื่นเหมือนข้างนอก
“ป้าใหญ่ของเจ้าน่าสงสารจริงๆ เกรงว่าต่อไปสถานการณ์ของครอบครัวนี้จะแย่ลงไปอีก” เหล่าไท่ไท่ถอนใจ อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“แต่คนน่าสงสารต้องมีจิตใจที่น่าเกลียดชัง!”
“อะไร พูดอะไรน่ะ” เหล่าไท่ไท่ถามลูกสาวอย่างแปลกใจ
โจวกุ้ยหลานใจกระตุกแต่ใบหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกว่านางน่าสงสารที่นางสอนลูกไม่ได้ดี”
เหล่าไท่ไท่ไม่สืบสาวต่อ เพราะนางก็รู้สึกว่าพี่สะใภ้เองก็ไม่ค่อยลงรอยกันของตัวเองนั้น สอนลูกสาวจนกลายเป็นแบบนี้
“ไม่พูดเรื่องพวกเขาแล้ว เจ้ากลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้แม่จะสอนวิธีด่าคนให้เจ้า!”
โจวกุ้ยหลานนึกถึงก่อนหน้านี้แม่ของนางบอกว่าจะช่วยระบายความโกรธให้นาง จึงตามนางกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น
กระทั่งถึงบ้านเหล่าไท่ไท่ ทั้งสองเข้าบ้านไป เหล่าไท่ไท่รินน้ำหนึ่งชามก่อนจะถือเก้าอี้และชามใส่น้ำเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานมองอย่างแปลกใจ “ท่านแม่ เวลาท่านด่าคนต้องนั่งด่าเหรอ”
เหล่าไท่ไท่ถลึงตาใส่นาง “เจ้าจะรู้อะไร อีกสักพักต้องมีประโยชน์ วันนี้จะให้เจ้าเรียนรู้อะไรดีๆ!”
เจอพูดใส่แบบนี้โจวกุ้ยหลานจึงรีบทำท่าปิดปาก แล้วเดินตามเหล่าไท่ไท่ไปทางประตู
หลังจากวางเก้าอี้ เหล่าไท่ไท่ก็ว่าชามใส่น้ำลงบนเก้าอี้ ให้สองเท้าแยกความกว้างเท่าไหล่ สองมือเท้าเอว ท่าทางห้าวหาญไม่ยำเกรงใคร
โจวกุ้ยหลานเห็นแล้วชะงักอึ้ง เหล่าไท่ไท่มีออร่ายิ่งใหญ่นัก!
“ไอ้ลูกเต่าสมควรตายคนไหนมาทำลายแปลงผักของกุ้ยหลานของข้า”
เพิ่งอุทานเสร็จ เหล่าไท่ไท่ก็พูดขึ้น เสียงดังมากจนหูนางเกือบหนวก นางรีบถอยหลังไปสองก้าวถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
“กล้าไปทำแล้วไม่กล้าออกมายอมรับหรือ งั้นก็ควรตัดไอ้นั่นทิ้งไปซะ!”
โจวกุ้ยหลานยกนิ้วโป้งตัวเองใส่ด้านหลังเหล่าไท่ไท่
นี่คือการด่าในตำนาน ชี้หน้าด่าคนอื่นอย่างเก่งกล้า
ง่ายๆ และหยาบคายมาก
ที่สำคัญคือระบายอารมณ์ได้สะใจมาก!
“ไอ้คนเป็นหมัน ถ้ามีความสามารถก็มายืนต่อหน้าข้าสวีเหมยฮวา! ไอ้เศษสวะ สองปีก่อนเจ้าไม่อดอยากหิวตายนั่นเพราะสวรรค์ละเว้นเจ้า ยังจะได้ใจที่ไม่ถูกฟ้าผ่าตายอีกเหรอ”
เหล่าไท่ไท่ด่าต่อ โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าความโกรธในอกนางลดลงไปไม่น้อย
โจวกุ้ยหลานก้าวเข้าไปใกล้หูเหล่าไท่ไท่ที่ยังด่าไม่หยุด โจวกุ้ยหลานบอกเรื่องที่ตัวเองสงสัย “ท่านแม่ ข้าสงสัยว่าเฉินโหยวซวนเป็นคนทำ ไม่ได้สงสัยใครอื่นอีก”
“อะไรนะ” เหล่าไท่ไท่หันมา
โจวกุ้ยหลานพยักหน้ายื่นยันกับเหล่าไท่ไท่
“ไอ้ลูกเต่า!”
เหล่าไท่ไท่ด่าแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ให้ชุ่มคอ แล้วยืนหันไปยังทิศทางบ้านเฉินโหยวซวน อ้าปากกว้างแล้วด่าอีก “หนอย ไอ้แก่ยังมีชีวิตอยู่เหรอ มึงยังไม่ตายอีกเหรอ ไอ้ครอบครัวก้อนอึหนู!”
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ทางนี้ยิ่งด่าดังขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ก็ยิ่งมาเต็ม ปกติจะมีคนเดินผ่านบ้านนางเป็นระยะ แต่ตั้งแต่เหล่าไท่ไท่เริ่มด่า ในรัศมีห้าลี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
โจวกุ้ยหลานถือชามกลับเข้าบ้าน รินใส่ชามใหญ่ออกมาวางบนเก้าอี้ รอให้เหล่าไท่ไท่กระหายน้ำจะได้ดื่ม
จากนั้นตัวเองจึงถือเก้าอี้มานั่งข้างเหล่าไท่ไท่ ชื่นชมการด่าของเหล่าไท่ไท่เงียบๆ
ด้วยพลังการต่อสู้นี้ จะเดินไปทั่วหมู่บ้านก็ยังได้!
นางอยากรู้จริงๆ ว่าแม่ของนางมีคำด่ามากมายไม่ซ้ำขนาดนี้ได้อย่างไร สมองปราดเปรื่องจนน่าทึ่ง!
นี่ก็เป็นพรสวรรค์ ไม่งั้นอยู่มาหลายปีแต่เจ้าของร่างเดิมไม่ได้เรียนรู้เลย
“ยังอยู่บ้านให้แม่อุ้มป้อนนมอยู่เหรอ ยังจะหลบซ่อนไม่ออกมาอีก ถ้ากล้าก็ออกมา วันนี้ข้าสวีเหมยฮวาจะจัดการเจ้า!”
“ขี้ขลาดทั้งครอบครัว สามารถเลี้ยงเจ้าออกมาเป็นคนแบบนี้ ข้าว่าแม่เจ้าคงตาบอดสมองไม่ดี พ่อเจ้าก็คงไม่มีอะไรดี ไอ้ลูกหนูคิดอยากจะเป็นพังพอนงั้นเหรอ”
บ้านผู้ใหญ่บ้าน
หวังโหยวเกินกำลังนั่งปั่นเชือกป่านอยู่ในบ้าน ได้ยินสวีเหมยฮวาด่าก็ถอนหายใจ “ใครไปทำให้สวีเหมยฮวาโกรธอีกล่ะคราวนี้”
ซิ่วเหลียนลูกสะใภ้ของเขาเอ่ยตอบ “คนที่ทำลายแปลงผักบ้านกุ้ยหลานน่ะสิ ด่าอะไรด่าไปเถอะ ด่าให้ตายไปเลยยิ่งดี!”