นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 91 ต้องแยกบ้าน!
หลี่ซิ่วยิงอาจได้ยินเสียงสวีเหมยฮวาเลยพยายามลืมตา หลังจากเห็นสวีเหมยฮวา จึงพยายามดึงมือสวีเหมยฮวามาที่เตียงเตา พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ “น้องสะใภ้ เจ้าพูดสิทำไมถึงจ้ะเป็นหย่อางนี้น่ะ ข้าตายไปดีกว่า!”

“เดี๋ยวก็ดีขึ้น เจ้าอย่าพูดไร้สาระ” เหล่าไท่ไท่รีบปลอบ

“ป้าใหญ่ดูแลตัวเองดีๆ นะ หมอบอกว่าครบสามเดือนก็ลงพื้นได้แล้ว” โจวกุ้ยหลานแทรกพูด

แม้ว่าจะไม่ชอบหลี่ซิ่วยิงคนนี้นัก แต่ตอนนี้มาเห็นนางทรมานทั้งที่อายุมากแล้ว ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

หลี่ซิ่วยิงเพิ่งเห็นโจวกุ้ยหลาน คิดว่าเมื่อวานถ้าไม่ใช่เพราะนาง ทั้งตัวเองกับชิวเซียงคงไม่ต้องเกิดเรื่องร้ายแบบนี้ แต่นั่นเป็นเพราะลูกสาวตัวเองทำเรื่องไม่บริสุทธิ์ใจ สิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นตำหนิได้แค่ตัวพวกนางเองเท่านั้น

เวลานี้ยัยเด็กนี่ยังมาเยี่ยมนางก็นับว่ามีมโนธรรม อีกอย่างเมื่อคืนสวีฉางหลินก็ไม่ได้พักผ่อนเลย ต้องวิ่งกลับไปกลับมา สิ่งเหล่านางก็รู้ดี ความโกรธในใจนางหายไปแล้ว

“กุ้ยหลานก็หมดห่วงแล้วสิ ยังไงก็แต่งงานไปแล้ว” หลี่ซิ่วยิงถอนหายใจ นับว่าต่างฝ่ายต่างหาหนทางไป

โจวกุ้ยหลานฝืนยิ้ม คำพูดนี้ไม่มีทางตอบ เพราะโจวชิวเซียงเป็นแก้วตาดวงใจของหลี่ซิ่วยิง นางพูดอะไรเขาคงไม่อยากฟัง

เหล่าไท่ไท่เกลี้ยกล่อมนาง “พี่สะใภ้วางใจ วันเวลายังอีกอยาวไกล พี่สะใภ้จะดูแลอย่างดีและยังจะคอยรับใช้ครอบครัวนี้ต่อไปในอนาคต”

คำพูดเหล่านี้ส่งถึงใจหลี่ซิ่วยิง หยาดน้ำตาในดวงตานางไหลลงมาพร้อมกับพูดว่า “น้องสะใภ้ พี่เป็นอัมพาตแบบนี้ไม่ได้เลยนะ ซานเฉียงยังไม่ได้แต่งงานเลย ถ้าข้าเป็นอัมพาตแล้วอีกลูกสาวบ้านไหนจะมาแต่งกับเขา! ส่วนชิวเซียงก็ยังไม่ได้แต่งเหมือนกัน ตอนนี้เข้าไปในตำบลก็ไม่ได้แล้ว ไม่รู้เลยว่าต่อไปจะหาใครได้”

พูดไปๆ น้ำตานางก็ยิ่งไหลเร็วขึ้นอีก “ข้าอยากเอาหัวชนฝาตายให้สิ้นเรื่องไปเลย แต่ข้าไม่อยากทำเพราะต้าเฉียงของข้า! ไปเป็นทหารหลายปีแล้วยังไม่กลับมาสักที พวกเขาบอกว่าเขาตายแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอก ต้าเฉียงข้ายังไม่ตาย ข้าอยากรอเขากลับมาแล้วอยากเห็นเขาอีกครั้ง!”

เมื่อพูดถึงจุดที่เจ็บ หลี่ซิ่วยิงควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป จับมือของเหล่าไท่ไท่พลางร้องไห้โฮ

เมื่อคิดถึงพี่ใหญ่ของตัวเอง เอ้อร์เฉียงก็ดวงตาแดงเรื่อแล้วยืนหันหลังให้

เหล่าไท่ไท่ปลอบโยนหลี่ซิ่วยิงอยู่ข้างๆ โจวกุ้ยกลานไม่ค่อยสบายใจนัก

ถ้าพูดขึ้นมาจริงๆ หลี่ซิ่วหยิงนับว่าเป็นคนน่าสงสาร ลูกชายถูกเกณฑ์ไปรบเมื่อสิบปีก่อนเพราะความแข็งแรง ไม่เคยได้ยินข่าวมาหลายปีแล้ว คนในหมู่บ้านคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่บ้านโจวต้าซานไม่เชื่อ ยังเฝ้ารอมานานหลายปี

หลี่ซิ่วยิงไม่ดีต่อนางเลย แต่นางรักลูกมาก ถ้ามองในมุมของนางก็พอเข้าใจได้

บรรยากาศแบบนี้โจวกุ้ยหลานไม่ชอบ จึงออกจากบ้านมา เห็นลุงใหญ่นั่งหลังค่อมอยู่บนธรณีประตูและกำลังสูบยาเส้น

นางเปลี่ยนทิศทางเดินเข้าไป นั่งลงบนธรณีประตูตามเขาข้างๆ

โจวต้าซานเหลือบมองนางที่มานั่งข้างๆ แล้วแบ่งที่นั่งให้นางมากขึ้น

“ถ้ากระหายน้ำก็ไปรินน้ำเอานะ มาบ้านลุงก็ทำตัวตามสบาย”

โจวต้าซานพูดจบก็สูบยาเส้นแล้วพ่นควันออกมา ควันโขมงในฉับพลัน

“ไม่กระหาย ลุงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง หมอบอกว่าป้าใหญ่จะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ เราต้องก้าวไปข้างหน้านะ” โจวกุ้ยหลานพูดโน้มน้าวโจวต้าซาน

โจวต้าซานวางสองมือบนขาผอมบางของตัวเอง มองดูผักในสวน “ต้องก้าวไปข้างหน้าเหรอ แม้ว่าป้าใหญ่ของเจ้าจะดีขึ้นในภายหลังก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ที่บ้านไม่มีผู้หญิงการจัดการเรื่องต่างๆ ก็จะไม่เรียบร้อย”

ที่บ้านยังมีผู้หญิง แต่เมื่อคิดถึงความประพฤตของหวังหยู่ชุน โจวกุ้ยหลานก็กลืนถ้อยคำลงไป

นั่นมันคนอะไร ถ้าพึ่งพานางได้ฝนคงตกลงมาเป็นน้ำแดงมั้ง

“ในอนาคตต้องการใช้อะไรข้ากับฉางหลินลุงใหญ่บอกมาได้เลย” โจวกุ้ยหลานพูด

นางสามารถเมินเฉยหลี่ซิ่วยิงหรือโจวชิวเซียงได้ แต่ลุงใหญ่ไม่ต่างจากพ่อของนาง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากเขา สมัยนั้นนำอาหารของตัวเองมาให้นางกับเหล่าไท่ไท่และโจวต้าไห่ได้ประทังชีวิต หากภัยแล้งยังดำเนินต่อไป เกรงว่าเขาคงจะพาครอบครัวตายไปพร้อมกับครอบครัวของเจ้าของร่างเดิม

และก่อนหน้านี้ที่นางสร้างบ้านใหม่ เขาพาครอบครัวมาช่วยแรงงาน ตอนแรกเขาไม่รู้ว่านางจะให้เงิน

เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบุญคุณ ถ้ามีใครดีต่อนางหนึ่งส่วน นางจะตอบแทนให้คนผู้นั้นห้าส่วน

“ที่บ้านยังมีแรงงานที่แข็งแรงอีกมาก ครอบครัวไม่มีทางอดตาย แค่ไม่รู้ว่าการแต่งงานของซานเฉียงกับชิวเซียงต้องล่าช้าออกไปหรือเปล่า” โจวต้าซานพูดแล้วสูบยาเส้นอีกครั้ง

ที่บ้านเกิดเรื่องมากมาย ใจเขากังวลไม่จบสิ้น

โจวกุ้ยหลานไม่พูดอีก แค่นั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนโจวต้าซาน

นี่คือชาวนาที่ซื่อสัตย์และน่านับถือ เมื่อน้องชายสองคนจากไป เขาแทบจะดูแลทั้งสามครอบครัว เป็นชีวิตที่ช่างเหน็ดเหนื่อย

นางไม่เชื่อว่าคนแบบนี้จะพ่ายแพ้ต่อความยากลำบากในปัจจุบัน ปลอบใจไปก็ไม่มีประโยชน์ นางจึงแค่นั่งเป็นเพื่อนเขา

เสียงร้องไห้ในบ้านค่อยๆ ลดลง และได้ยินว่าโจวเหล่าไท่ไท่เริ่มวางแผนให้หลี่ซิ่วยิงในอนาคต

โจวกุ้ยหลานรู้สึกเท้าเป็นเหน็บชาจึงลุกขึ้นสะบัดขา

สักพักเหล่าไท่ไท่ก็ออกมา เห็นว่าทั้งคู่อยู่ตรงนี้จึงเดินมาหา และพูดกับโจวต้าซานว่า “พี่ใหญ่ พี่เลิกคิดมากได้แล้ว งานในทุ่งต้องมีคนทำ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป บ้านน่ะข้าจะช่วยดูแลให้ เดี๋ยวชีวิตจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เองนะ”
โจวต้าซานเอาสองมือวางบนเข่าแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะโบกมือให้เหล่าไท่ไท่ “น้องสะใภ้รอง ในครอบครัวเจ้าก็มีงานให้ทำไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้ว จะมาดูแลบ้านเราอีกได้ยังไง ที่บ้านยังมีลูกสะใภ้รองอยู่ ให้นางดูแลก็ได้”
หวังหยู่ชุนน่ะนะ…
นอกจากความโลภก็คือความเกียจคร้าน นางน่ะเหรอจะทำงานบ้าน
โจวกุ้ยหลานไม่เชื่อ แต่ตอนนี้นางพูดมากไปก็ไม่ดี
หลังจากฟังทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง โจวต้าซานก็พาสองแม่ลูกไปที่บ้านของโจวชิวเซียง
ซานเฉียงนั่งสานตะกร้าอยู่ในบ้าน หวังหยู่ชุนไม่รู้ว่าไปหาเมล็ดแตงหนึ่งกำมือได้จากที่ไหน กำลังนั่งกระเทาะเปลือกอยู่บนเตียงเตา ส่วนโจวชิวเซียงขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
เมื่อหลายคนเข้าไป หวังหยู่ชุนลุกขึ้นอย่างขี้เกียจ “พวกท่านมาแล้ว งั้นข้าจะออกไปทำงาน”
หลังจากพูดจบก็เดินออกไปข้างนอก โจวต้าซานตอบรับให้ออกไป โจวกุ้ยหลานกับเหล่าไท่ไท่เข้าบ้านไป ซานเฉียงรีบลุกขึ้นยืน
“ป้าสะใภ้รอง กุ้ยหลาน มาๆ นั่งบนเตียงเตาเลย!”
หลังจากพูดจบ เขาถึงได้เห็นเปลือกเมล็ดแตงที่ขอบเตียงเตา เขาจึงรีบปัดเปลือกเมล็ดแตงลงกับพื้น เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับสองแม่ลูก
โจวชิวเซียงเห็นโจวกุ้ยหลานก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นอีกหลายเท่า “เจ้ามาทำไม”
“ชิวเซียง พูดอะไรน่ะ” โจวต้าซานตวาดนางอย่างโกรธเกรี้ยว