บทที่ 206 ตั้งครรภ์ (3)
ฮ่องเต้ดึงสติกลับมา แล้วเริ่มขบคิดเรื่องของหมอเทวดาน้อย
หมอเทวดาน้อยไม่สนใจคุณูปการนี่เป็นเรื่องหนึ่ง แต่คุณูปการถูกคนอื่นที่มีเจตนาแอบอ้างเอาไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เดิมพระองค์กะว่าเห็นแก่ที่ท่านโหวอายุอานามปูนนี้แล้วยังทำงานด้วยความระมัดระวังรอบคอบและทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดสุดชีวิตให้แก่พระองค์ จึงจะลงโทษสถานเบากู้จิ่นอวี๋
ทว่ายามนี้ให้นางอยู่ในคุกไปก่อนก็แล้วกัน!
อีกเรื่องก็คือรางวัลของหมอเทวดาน้อย
ฮ่องเต้พิจารณาไตร่ตรองอยู่เนิ่นนาน ก็รู้สึกว่าให้เงินทองมันธรรมดาไป ไม่คู่ควรกับหมอเทวดาน้อยที่ไม่ยุ่งกับโลกโลกีย์เช่นนี้ และนางก็ไม่ต้องการชื่อเสียงจอมปลอมด้วย…
ฮ่องเต้สาบานว่าเลือกของขวัญให้ชายาสนมในวังหลังไม่เคยตั้งอกตั้งใจเพียงนี้มาก่อน
จากการใคร่ครวญเลือกสรรอย่างละเอียดหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดฮ่องเต้ก็เลือกของขวัญที่เหมาะสมกับหมอเทวดาน้อยแล้ว
ฮ่องเต้ให้เว่ยกงกงไปที่โรงหมอ เพื่อมอบของขวัญให้หมอเทวดาน้อยกับมือ
เว่ยกงกงเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ใต้เท้าของข้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว เล่าเรื่องของแม่นางให้ฝ่าบาทฟัง ฝ่าบาทตรัสว่าคุณูปการเครื่องสูบลมนั้นเป็นของแม่นาง ขอแม่นางรับรางวัลของฝ่าบาทเอาไว้ด้วย”
กู้เจียวอยากรู้ว่าฝ่าบาทส่งอะไรมาให้ตน
หลังจากที่เว่ยกงกงจากไปแล้วนางก็รีบเปิดกล่องดูทันที
กล่องใบใหญ่ประณีตเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าล้วนเป็นการประดับตกแต่งหมดเลย ด้านใดมีเพียงพู่กันด้ามหนึ่งวางอยู่!
กู้เจียวที่โดนพู่กันทำร้ายอย่างหนักยามนี้ “…!!”
แต่นี่ไม่ใช่พู่กันธรรมดา ทว่าเป็นพู่กันของฮ่องเต้ ด้านบนมีการแกะสลักเฉพาะตัวของฮ่องเต้ ซ้ำยังมีลายนิ้วมือของฮ่องเต้ใช้งานมานานหลายปี นี่เป็นสิ่งที่ปัญญาชนในใต้หล้าและชายสนมในวังหลังคิดกันหัวแทบแตกเพื่อให้ได้มา
ทว่าตรงหน้ากู้เจียวนี้ มิใช่พู่กันด้ามนั้นหรอกหรือ
ซ้ำยังเป็นด้ามที่ใช้แล้วด้วย!
กู้เจียวไม่อยากเขียนพู่กัน นางร้องไม่เอา ไม่เอา ด้วยความรังเกียจ!
นางจึงขายทอดพู่กันของฮ่องเต้ต่อทันที!
คนซื้อคือจวงเมิ่งเตี๋ย
“นะ นะ นี่มันพู่กันของฝ่าบาทนี่! เจ้าจะขายจริงๆ รึ” ต่อให้จวงเมิ่งเตี๋ยโง่กว่านี้ก็จำสิ่งของที่ฮ่องเต้เคยใช้ได้ ใต้หล้านี้ไม่มีใครกล้าทำของปลอมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นได้โดนประหารเก้าชั่วโคตรแน่!
กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าจะซื้อหรือไม่ ไม่ซื้อก็ช่าง ข้าจะไปขายให้คนอื่น”
“ใครบอกว่าจะไม่ซื้อกัน!” จวงเมิ่งเตี๋ยแย่งพู่กันมาจากมือ “เจ้าว่าราคามา!”
กู้เจียวเอ่ยขึ้น “ห้าพันตำลึง”
ดวงตาเมล็ดซิ่งของจวงเมิ่งเตี๋ยเบิกโต “แพงเพียงนี้เชียวรึ!”
กู้เจียวยื่นมือไปคว้าพู่กันมา “กลัวแพงก็ไม่ต้องซื้อ”
จวงเมิ่งเตี๋ยปกป้องพู่กันเอาไว้สุดฤทธิ์ “ขะ ขะ ขะ…ข้าซื้อ!”
กู้เจียวส่งเสียงอ้อออกมา “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ็ดพันตำลึง”
จวงเมิ่งเตี๋ย “…”
สุดท้ายกู้เจียวขายพู่กันมือสองด้ามนี้ออกไปได้ในราคาแปดพันตำลึง
ในกล่องยังมีของอีกชิ้นหนึ่ง เป็นป้ายทองคำแผ่นหนึ่ง นางดูไม่ออกว่าป้ายแผ่นนี้มีประโยชน์อะไร แต่มันเป็นทองคำบริสุทธิ์ กู้เจียวจึงเก็บเอาไว้
เสี่ยวจิ้งคงชอบทองคำ กลับไปจะเอาให้เขาเล่น
กู้เจียวไม่ได้ไปจวนโหวมาหลายวันแล้ว
อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บ่อย และไม่ได้คิดว่าจำนวนครั้งมันน้อยเกินไป ยามนี้กลับคล้ายรู้สึกว่าไม่พอขึ้นเรื่อยๆ
นางส่งเสี่ยวจิ้งคงกลับไปที่ตรอกปี้สุ่ยแล้วตั้งใจว่าจะไปจวนโหว
บังเอิญกู้ฉังชิงมาพอดี ซ้ำยังเอานกมาให้คู่หนึ่ง
อืม นี่ไม่ได้ให้พวกนางเล่น แต่เอามาเป็นอาหารให้อินทรีย์น้อย
ถูกต้อง อินทรีย์น้อยยามนี้โตขึ้นไม่น้อยแล้ว กินอาหารไก่ไม่พอแล้ว
สองคนพี่น้องกลับมาถึงจวนโหว
ก่อนจะแยกกันกู้ฉังชิงได้เรียกนางเอาไว้เสียก่อน “อุบัติเหตุที่ศาลาว่าการรวมถึงเรื่องของกู้จิ่นอวี๋ ข้าให้คนปิดข่าวแล้ว ฮูหยินจะยังไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนี้”
กู้เจียวเอ่ย “ขอบคุณมาก”
แม่นางเหยาได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้
กู้ฉังชิงอ้าปาก “เจ้า…ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ก็ได้”
“หืม” กู้เจียวมองเขาอย่างแปลกใจ
ยอมรับต่อหน้าคนอื่นดูเหมือนจะง่ายกว่าอยู่หน่อยๆ กู้ฉังชิงกำหมัดแน่น สีหน้ามีความอึดอัดทำอะไรไม่ถูกวาบผ่าน “เจ้า…เป็นน้องสาว!”
เอ่ยจบก็เหมือนกลัวว่ากู้เจียวจะปฏิเสธหรือไม่ก็หัวเราะเยาะเขา ไม่รอให้กู้เจียวตอบสนอง ก็เดินกลับไปโดยไม่หันกลับมามอง!
กู้เจียวมองแผ่นหลังเขา “เอ๋…”
ยามนี้ในจวนเพิ่งจะกินมื้อเย็นไป อันที่จริงก็ยังเร็วไปหน่อย
ทว่าเมื่อกู้เจียวมาถึงเรือนของแม่นางเหยา แม่นางเหยาก็เอนหลังหลับอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยแล้ว
ในมือนางถือเสื้อผ้าที่ยังทำไม่เสร็จเอาไว้ตัวหนึ่ง เป็นกระโปรงฤดูร้อนของกู้เจียว
แม่นมฝางดึงเสื้อผ้าออกจากมือนางอย่างระมัดระวัง พอหันกลับมาก็เห็นกู้เจียวเดินเข้ามา นางจึงเอ่ยเสียงเบา “คุณหนูใหญ่”
กู้เจียวเดินย่องเบาๆ มายังหน้าตั่งกุ้ยเฟย มองแม่นางเหยาพลางเอ่ย “ฮูหยินหลับไวเพียงนี้เชียวรึ”
แม่นมฝางดึงเสื้อผ้าออกมาได้สำเร็จ นางกลัดเข็มเอาไว้เรียบร้อย ก็วางลงตะกร้าเย็บปักถักร้อย แล้วเอ่ยว “เจ้าค่ะ หมู่นี้มักจะง่วงบ่อยๆ”
กู้เจียวนั่งลงบนตั่งกุ้ยเฟย “ปรับตะเกียงให้สว่างอีกหน่อย”
“เจ้าค่ะ!” แม่นมฝางใช้แผ่นเหล็กเขี่ยไส้ตะเกียง
กู้เจียวจับชีพจรให้แม่นางเหยาแล้วถามแม่นมฝาง “ฮูหยินอยากอาหารหรือไม่”
“ไม่ค่อยเลยเจ้าค่ะ” แม่นมฝางบอก
“ระดูล่ะ” กู้เจียวถาม
“เพิ่งจะมาเมื่อไม่กี่วันก่อน” แม่นมฝางบอก “คุณหนูใหญ่สงสัยว่าฮูหยิน…”
กู้เจียวจับมือแม่นางเหยาสอดเข้าผ้าห่มแผ่วเบา “ไม่ได้สงสัย”
“หืม” แม่นางเหยาสะลึมสะลือขึ้นมา นางลืมตาขึ้นก็เห็นกู้เจียวจึงชะงักไป นึกว่าตัวเองกำลังฝัน “เจียวเจียวรึ”
“อืม ข้าเอง” กู้เจียวพยักหน้า
อารมณ์แม่นางเหยาจึงดีขึ้นมาก นางลุกขึ้นนั่งแล้วจับมือกู้เจียว “มาตั้งแต่เมื่อใดหรือ มานานหรือยัง เหตุใดไม่ปลุกข้าล่ะ”
กู้เจียวเอ่ย “เพิ่งจะมา”
แม่นางเหยามองสีฟากฟ้า “ยังไม่ได้กินข้าวกระมัง ข้าให้คนตั้งโต๊ะให้”
“ไม่ต้องรีบหรอก” กู้เจียวมองนาง
แม่นางเหยาสัมผัสได้ลึกๆ ว่ากู้เจียวมีอะไรจะพูด “เจียวเจียว…มีธุระอะไรหรือ”
กู้เจียวพยักหน้า สายตาตกลงบนท้องน้อยที่แบนราบของนาง “ท่านตั้งครรภ์แล้ว”
แม่นางเหยาตกใจยกใหญ่
นาง…ตั้งครรภ์อย่างนั้นรึ
นางจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร
ตอนนั้นที่คลอดก่อนกำหนดในวัด คลอดเหยี่ยนเอ๋อร์กับเจียวเจียวออกมา หลังจากกลับเมืองหลวงหมอก็บอกว่านางคลอดก่อนกำหนด ผนวกกับไม่ได้บำรุงให้ดี เลือดลมภายในไม่สมดุล ต่อไปนี้จะตั้งครรภ์ยากมาก
แม่นางเหยามองท้องของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ “ขะ…ข้า…”
“ไอ้หยา ฮูหยินดื่มยาอยู่ตลอด จะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” แม่นมฝางนึกถึงยาโรคซึมเศร้าของแม่นางเหยา
กู้เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
นางเปลี่ยนยาเป็นวิตามินกับแคลเซียมเม็ดให้ตั้งนานแล้ว
แม่นมฝางพนมมือขึ้น “อามิตตาพุทธ พระโพธิสัตว์คุ้มครอง!”
แม่นางเหยากลับยังรับความจริงนี้ไม่ได้
ไม่ใช่ว่านางไม่ชอบเด็กคนนี้ แต่ว่า…
นางมองที่ท้องแล้วก็มองกู้เจียว ในแววตาปรากฏความกังวล “เจียวเจียว…อยากได้น้องชายหรือว่าน้องสาวหรือไม่”
กู้เจียวครุ่นคิดอย่างจริงจัง แล้วพยักหน้า “อื้ม!”
พอรู้ว่าตั้งท้อง ความคิดแรกที่วาบผ่านเข้ามาในหัวของแม่นางเหยาคือเจียวเจียวกับเหยี่ยนเอ๋อร์จะรับได้หรือไม่ หากพวกเขารับไม่ได้ นั่นก็หมายความว่านางรักพวกเขาไม่พอ นางไม่มีสิทธิ์ที่จะมีลูกอีกคน
“อาเหยี่ยนก็ต้องชอบเหมือนกัน” กู้เจียวบอก
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” แม่นางเหยาถาม
“เพราะเป็นแฝดกันน่ะสิ” หากกู้เหยี่ยนไม่ชอบ เช่นนั้นยามนี้นางก็คงไม่ชอบชีวิตน้อยๆ นี่เหมือนกัน นางสัมผัสได้ถึงความปรีดาอีกส่วนหนึ่งในก้นบึ้งหัวใจของนาง เป็นความปรีดาของกู้เหยี่ยน
แม่นางเหยาลูบท้องของตัวเอง
ในนี้มีชีวิตน้อยๆ อยู่จริงๆ หรือ
นาง…จะได้มีโอกาสเป็นแม่คนอีกแล้วหรือ
แม่นางเหยานึกบางอย่างขึ้นมาได้ “แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนระดูข้าเพิ่งมาเองนะ”
กู้เจียวเอ่ย “กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี”
แม่นางเหยาเอ่ยอย่างกังวล “สัญญาณครรภ์ของข้าไม่มั่นคงใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่” กู้เจียวส่ายหน้า “ชีพจรเต้นแรงไม่น้อย”
เมื่ออารมณ์ดีขึ้น ร่างกายย่อมดีขึ้นตาม เมื่อก่อนนางเอาแต่ห่วงกู้เหยี่ยน ไหนเลยจะมีกระจิตกระใจมารักตัวเอง
หลังจากที่กู้เจียวจัดการทุกอย่างเหมาะสม ร่างกายของนางก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
“ไปพักที่บ้านข้าดีกว่า” จู่ๆ กู้เจียวก็มองนาง แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ไม่ใช่เพราะท่านไม่มีที่ไป และไม่ใช่เพราะท่านตั้งครรภ์ข้าจึงฝืนใจรับท่าน แต่ระหว่างทางมานี้ตัดสินจะบอกแบบนี้อยู่แล้ว”
นางเอ่ยพลางหยุดเว้นแล้วหลบตาลง ไม่ค่อยคุ้นชินกับอารมณ์แปลกๆ ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ
นางเอานิ้วมือแตะกัน “ตอนกลางคืน…มันคิดถึงท่าน”
ขอบตาแม่นางเหยาพลันเปียกชื้น ปลายจมูกร้อนผ่าวขึ้นมา ในลำคอก็เริ่มแสบร้อน
ประโยคนี้ทำให้นางประทับใจเสียยิ่งกว่าได้ยินว่านางตั้งครรภ์เสียอีก
นางปิดปากไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงร้องออกมา
เจียวเจียวของนาง…เหตุใดจึงได้ดีถึงเพียงนี้…ดีเหลือเกิน…
…
ทว่าหลังจากท่านโหวกู้ถูกอัดจนไม่เหลือเค้าเดิม ก็สลบอยู่บนรถม้าไปทั้งบ่ายจึงได้สติขึ้นมา
เรื่องแรกที่เขาทำคือไปหาแม่นางเหยาให้ปลอบโยน
ถูกเด็กนั่นชกเสียหมดสภาพ มีแค่ได้เห็นแม่นางเหยาเท่านั้นจึงจะปลอบใจอันบอบช้ำของเขาได้!
ทว่าเมื่อท่านโหวกู้กลับมาที่จวน สิ่งที่รอเขาอยู่กลับมีเพียงเรือนอันว่างเปล่า แม่นางเหยาไม่เห็นแม้แต่เงา
ท่านโหวกู้พลันมึนงงทันที
เอ๋…เมียเขาเล่า