บทที่ 253 ความกล้าที่จะเททุกอย่างหมดหน้าตัก

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

คุณแม่หยานหากุญแจมาได้ดอกหนึ่งแล้ว หลังจากนั้น ก็เปิดประตู

ในตอนที่ซูสือจิ่นเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าซีดเผือดในทันที หัวใจราวกับว่าถูกฉีกทึ้งอย่างรุนแรงมากขึ้นไปอีกก็ไม่ปาน แม้กระทั่งอวัยวะทุกส่วนภายในร่างก็รู้สึกเจ็บปวด

เพียงแค่เห็นรอยเลือดที่แผ่นหลังของหยานชิงเจ๋อ แต่ทว่า เขากลับกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา สบตามองหยานเว่ยคุนอย่างดื้อรั้น ไม่เอ่ยอะไรออกมาเลยทักคำ

เป็นเพราะว่าออกแรง ริมฝีปากของเขาจึงถูกกัดจนแตกแล้ว มีเลือดสีสดไหลรินออกมา ดูแล้วเป็นความเจ็บปวดที่งดงามอย่างน่าประหลาด

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้ว บนหน้าผากของเขามีเหงื่อเย็น ๆ เต็มไปหมด จึงทำให้เส้นผมส่วนหน้าเปียกชื้นไปหมดแล้ว มันเป็นชั้น ๆ ต้องแสงเป็นประกายอยู่บนใบหน้าราวกับภาพวาด แต่ทว่ากลับเพิ่มความงดงามมากขึ้นไปหลานส่วน

แต่ทว่า ช่วงเอวของเขากลับยังคงตั้งตรง ภายใต้ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและไม่ยอมอ่อนข้อให้ มันกลับกำลังป่าวประกาศอย่างไร้เสียงว่า ถึงแม้ว่าจะถูกเขาตีจนตาย ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเดิมเด็ดขาด

ซูสือจิ่นรู้ หยานชิงเจ๋อมองดูแล้วอบอุ่นที่สุด แต่ทว่า นิสัยใจคอกลับดื้อรั้นเป็นที่สุด ยิ่งบีบคั้นเขาเช่นนี้ เขาก็ยิ่งต่อต้านจนตาย

อีกทั้งนิสัยของเขานั้น เกรงว่าก็คงจะได้รับการถ่ายทอดมาจากหยานเว่ยคุน ในตอนนี้เอง หยานเว่ยคุนก็บันดาลโทสะจนถึงขีดสุดแล้ว ถึงแม้ว่าในยามปกติจะรักใคร่บุตรชาย แต่ทว่า เขากลับตีจนตาแดงก่ำแล้ว ก็ยังคงง้างแส้ขึ้นมาเช่นเดิมอีกครั้ง

สีหน้าของซูสือจิ่นแปรเปลี่ยนไปในทันที แทบจะไม่ลังเลอะไรเลย ก็พุ่งเข้าไปหาเสียแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้แผ่นหลังบดบังแผ่นหลังของหยานชิงเจ๋อแทน

หยานชิงเจ๋อเห็นแส้ฟาดลงมาแล้ว ม่านตาหดเกร็ง เดิมที่คุกเข่าอยู่กับที่เป็นเวลานานไม่ขยับไปไหนเลยในตอนนี้กลับขยับตัวไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วแทน

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ซูสือจิ่นจึงไม่ได้พุ่งเข้าไปขวางไว้อย่างมั่นคง แต่ทว่ากลับไหลลงไปในอ้อมกอดของเขาแทน

หยานเว่ยคุนเห็นซูสือจิ่นพุ่งเข้ามา ในทันนั้นจึงเก็บมือในทันที แต่ทว่าปลายแส้ก็ยังคงตวัดไปที่หยานชิงเจ๋อแล้ว ก่อนที่จะตกกระทบเข้าที่ใบหน้าด้านข้างของหยานชิงเจ๋อ

ทันใดนั้นเอง ก็มีรอยเลือดสดใหม่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งรอยแล้ว

ภายในตัวห้อง จู่ ๆ ก็เงียบสงบลงอย่างฉับพลันทันที บรรยากาศหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว

“เสี่ยวจิ่น ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูเผิงฮวารีบวิ่งเข้ามาหาเธอ ก่อนจะช่วยพยุงตัวเธอขึ้นมาอย่างร้อนรน

แต่ทว่าซูสือจิ่นกลับหันไปมองหยานชิงเจ๋อ

เมื่อครู่นี้ เขาปกป้องเธออย่างรวดเร็วเช่นนั้น ของเหล่านี้นั้นมาจากสัญชาตญาณ ก็ลงไปอยู่ในเนื้อแท้ของเขาตั้งนานแล้ว ในตอนนี้ที่ทำมันออกมา เขาจะสัมผัสถึงมันได้ไหมนะ มันออกมาจากหัวใจ?

แต่ทว่า หยานชิงเจ๋อกลับไม่ได้มองซูสือจิ่นเลย ทั้งสายตาก็ยังคงสบตามองไปยังบิดาของตนเอง

ใบหน้าของเขาซีดเผือดเล็กน้อย แต่ทว่านัยน์ตากลับเป็นประกายถึงขีดสุด อีกทั้งที่ใบหน้าด้านข้างก็มีรอยแดงสดใหม่เห็นเด่นชัดขึ้นมาแล้ว

เขายกยิ้มขึ้นที่มุมปากเบาๆ แทบจะเป็นเพราะว่าเยาะเย้ย อีกทั้งก็แทบจะเป็นเสียดสีทิ่มแทง “ดังนั้นแล้ว พ่อครับ พ่อจะบีบบังคับผมใช่ไหม?”

เป็นเพราะว่าซูเผิงฮวาก็อยู่ด้วย หยานเว่ยคุนเห็นท่าทางนี้ของบุตรชายแล้ว โทสะที่เมื่อครู่นี้ดับลงไปแล้วก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ทว่า เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก หยานชิงเจ๋อก็โพล่งออกมาเสียแล้ว รอยยิ้มของเขาล้ำลึกมากขึ้นกว่าเดิม “ครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมก็ตามในพวกพ่อเถอะครับ!”

“หมายความว่าอย่างไร?” หยานเว่ยคุนขมวดคิ้วแน่น

หยานชิงเจ๋อค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าที่แผ่นหลังเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้วก็ได้ ในตอนที่เขายืนขึ้นมานั้นเอง ทั้งยังมีหยาดเหงื่อไหลลงมาด้วย

แต่ทว่า ใบหน้าของเขาก็ยังคงไม่แยแสสิ่งใดอยู่เช่นเคย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า “เรื่องที่ผมทำผมจะรับผิดชอบครับ ก็เป็นแค่การแต่งงานไม่ใช่หรือ? ได้เลย!”

ซูสือจิ่นสบตามองเขาอย่างตกตะลึง

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว หยานชิงเจ๋อที่ไม่ได้สบตามองเธอมาโดยตลอดท้ายที่สุดแล้วก็กวาดสายตามองมา ก่อนจะเอ่ยกับเธออย่างราบเรียบว่า “ไปเถอะ ไปเอาสมุดทะเบียนบ้าน แล้วมาแต่งงานกัน”

นี่แทบจะเป็นคำพูดของเขาที่เธออยากที่จะได้ยินจากเขามาโดยตลอด แต่ทว่า ซูสือจิ่นกลับไม่ได้ดีใจขึ้นมาด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว

เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าลูกกระเดือกของตนเองราวกับถูกอะไรติดเอาไว้อยู่ ภายใต้หัวใจจู่ ๆ ก็มีความเยือกเย็นและความเศร้าโศกที่ไม่สามารถบรรยายได้ตีตื้นขึ้นมาทันที

คนที่เธอรักมากที่สุดในที่สุดก็บอกว่าจะแต่งงานกับเธอแล้ว แต่ทว่า กลับเป็นเพราะว่าถูกคนอื่นบีบบังคับมา!

อีกทั้งสภาพของเขาในตอนนี้ นัยน์ตาเยือกเย็น มีความปีติที่จะแต่งงานด้วยเสียที่ไหนกัน?

แต่ทว่า ถ้าหากว่าปฏิเสธไป เธอรู้อยู่แล้ว ในอนาคตอาจจะไม่มีโอกาสแล้วจริง ๆ ก็ได้

ซูสือจิ่นหวนนึกถึงสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถาง เมื่อก่อนในตอนที่พวกเราพึ่งแต่งงานกัน ก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าความรัก แต่ทว่า มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้หลงรักกันและกันแล้วหรือไง?

ดังนั้นแล้ว เธอกับหยานชิงเจ๋อแต่งงานกัน เธอดีต่อเขาให้มาก ๆ เขาก็คงจะสามารถที่จะตกหลุมรักเธอได้ใช่ไหม?

เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังเข้าสู่ช่วยวัยที่ไม่อาจคาดเดาได้มากที่สุดเลยในชีวิต ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่อย่างชัดเจนแล้วแท้ ๆ ว่าโอกาสที่จะชนะนั้นมีน้อยมาก แต่ทว่า ก็ยังคงไม่สามารถปล่อยวางมันไปได้อยู่ดี

ในตอนที่ซูสือจิ่นกำลังเอ่ยปากนั้นเอง ซูเผิงฮวาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ชิงเจ๋อ ตระกูลซูของลุงไม่มีเป็นระบบศักดินาเก่าหรอกนะ นายกับเสี่ยวจิ่นถ้าหากไม่ยินยอม ลุงก็ไม่สามารถบังคับได้หรอก นายเองก็ไตร่ตรองให้ละเอียด”

หยานชิงเจ๋อหันไปยิ้มให้ซูเผิงฮวา “คุณลุงครับ ลุงรู้สึกว่าผมเทียบกับลั่วฝานหวาไม่ได้หรือครับ?”

ทันใดนั้นเองซูเผิงฮวาก็เงียบไปทันที

เป็นเช่นนั้นจริง เขานั้นก็ชมชอบอยากที่จะให้ซูสือจิ่นตบแต่งกับหยานชิงเจ๋อจริง ๆ ในเมื่อตระกูลหยานกับตระกูลซูนั้นมีความสัมพันธ์กันใกล้ชิดด้วยกันมากกว่า อีกทั้งเด็กทั้งสองคนก็เติบโตมาด้วยกันอีก

แต่ทว่า เมื่อเห็นท่าทางของหยานชิงเจ๋อในตอนนี้แล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่ยินยอม ถึงแม้ว่าท่านผู้หญิงแห่ง Yan Group จะรักใคร่บุตรสาวของตนเองก็ตาม แต่ทว่า ในเมื่อซูสือจิ่นผ่านค่ำคืนมากับหยานชิงเจ๋อ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นที่จำต้องไตร่ตรองให้มากหน่อย

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ซูเผิงฮวาจึงหันไปมองซูสือจิ่น

ทุกสายตา แทบจะหันมามองกันหมดเลย รวมถึงหยานชิงเจ๋อด้วย

ซูสือจิ่นไม่ได้มองเขา แต่ทว่า กลับสามารถสัมผัสได้ ในสายตาของเขาที่มองมา แทบจะแฝงไปด้วยคมมีด และเต็มไปด้วยความทิ่มแทง

หัวใจของเธอราวกับหยุดเต้นในทันที

เขาถามเธอสองคำถามนั่น เธอล้วนแล้วแต่ไม่สามารถตอบมันได้เลย

เป็นเธอจริง ๆ ที่เป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน เป็นความจริง เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าหากอยู่ภายในห้องต่อแล้วจะสามารถเกิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง แต่ทว่าก็ยังคงไม่ไป

เป็นเพราะว่าเธอชอบเขา ตั้งแต่เด็กเธอก็ชอบเขาไปมากขนาดนั้นแล้ว

เธอรู้ ถ้าหากว่าสารภาพรักกับเขาในสถานการณ์เช่นนี้ การรอคอยของเธอ ความจริงใจและศักดิ์ศรีทั้งหมดก็อาจจะถูกเหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าก็เป็นได้

ซูสือจิ่นหายใจเข้าแรง ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะเรียนที่ต่างประเทศ แต่ทว่าความคิดความอ่านของฉันก็ค่อนข้างเป็นไปตามประเพณีค่ะ เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นแล้ว ฉันก็ไม่มีหนทางที่จะไปรับหน้าคนอื่นแล้วล่ะค่ะ ถ้าหากว่าพี่ชิงเจ๋อยินยอมที่จะรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็แต่งงานกันเถอะค่ะ!”

สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ นั่นก็คือเรียกคืนความต่ำต้อยและศักดิ์ศรีของตนเองกลับคืนมาให้แก่ตนเอง

เธอไม่สามารถบอกเขาได้ ว่าเธอรักเขา

เป็นเพราะว่า ถ้าหากว่าเขาทราบแล้ว บางทีอาจจะรับไม่ได้มากขึ้นไปอีก แล้วก็ยิ่งดูถูกเธอด้วย

เมื่อได้ยินคำพูดของซูสือจิ่นแล้ว คุณแม่หยานที่ยืนอยู่ทางด้านข้างด้วยจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นี้ ฉันก็พูดปลอบเสี่ยวจิ่นแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าเธอกับคุณชายแห่งตระกลูลั่วจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกันเลย แต่ทว่าในเมื่อเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมาแล้ว อย่างอื่นพวกเราก็ไม่ต้องไปคิดให้มากความแล้วล่ะค่ะ ในสมัยโบราณก็มีการแต่งงานมากมายที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนไม่ใช่หรือคะ จนถึงสุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ก็ยังดีมากไม่ใช่หรือ? อีกทั้งชิงเจ๋อของพวกเราก็รักใคร่เสี่ยวจิ่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย เสี่ยวจิ่นแต่งเข้ามา ฉันกับเว่ยคุนจะปฏิบัติต่อเธอให้เหมือนกับลูกแท้ ๆ เลยค่ะ”

พูดไป เธอก็หันไปเอ่ยกับซูเผิงฮวาว่า “เหลาซู คุณว่าอย่างไรคะ? แม่ของเสี่ยวจิ่นก็ไม่อยู่แล้ว หลังจากที่แต่งงานแล้ว ฉันก็จะเป็นแม่ของเธอเองค่ะ”

ซูสือจิ่นได้ยินดังนั้นแล้วที่ปลายจมูกก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะหันไปสบตามองคุณแม่หยานด้วยความซาบซึ้ง

อีกทั้งซูเผิงฮวาเห็นแล้วว่าซูสือจิ่นเองก็ยินยอมด้วยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็หาวัน แล้วให้เด็กทั้งสองคนทำเรื่องให้เสร็จกันเถอะ!”

“เรื่องงานแต่งงานสามารถช้าไปเสียเล็กน้อยได้ แต่ทว่ารีบไปจดทะเบียนกันเอาไว้ก่อนเถอะ อีกทั้งก็เพื่อให้พวกเขาได้ทำใจได้โดยเร็ว” หยานเว่ยคุนนึกถึงเจียงซีหยู่ขึ้นมาได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนบ่ายก็ไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรสเถอะ”

หยานชิงเจ๋อหลังจากที่ก่อนหน้านี้เอ่ยออกไปสองประโยคแล้ว เมื่อได้ฟังมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเลย ราวกับว่าเรื่องที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย

เมื่อเห็นว่าเขาไม่แสดงอะไรออกมาแล้ว คุณแม่หยานจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “ชิงเจ๋อ?”

หยานชิงเจ๋อยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สนใจว่า “ทราบแล้วครับ”

พูดไป เขาก็หมุนตัวออกไปจากประตู หลังจากนั้น ก็ตรงไปยังห้องพักของตนเองแล้วหยิบเสื้อผ้าสะอาดชุดหนึ่งขึ้นมาสวมใส่

ที่แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล มือก็แตกไปหมดแล้ว แต่ทว่าราวกับว่าไม่รู้สึกถึงเลยก็ไม่ปาน เพียงแค่เช็ดรอยคราบเลือดที่ข้างแก้ม หลังจากนั้นก็สวมใส่เสื้อแล้วเดินออกมาแล้ว

“สมุดทะเบียนบ้านละครับ?” เขาหันไปเอ่ยกับหยานเว่ยคุน

หยานเว่ยคุนหยิบสมุดทะเบียนบ้านออกมาจากในตู้ แทบจะเป็นเพราะว่ากังวลว่าในตอนที่หยานชิงเจ๋อกำลังเดินทางไปจดทะเบียนสมรสนั้นเองจะเปลี่ยนคน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ในตอนที่แต่งงาน ฉันจะไปกับแกด้วย”

หยานชิงเจ๋อยิ้มเย็น “พ่อครับ ไม่มีคนที่รู้จักในสำนักงานกิจการพลเรือนหรือไงครับ? ถ้าหากว่าพ่อกังวลว่าผมจะเปลี่ยนคนระหว่างทาง โทรไปหาสักสายหนึ่ง ผมก็ไม่สามารถที่จะไม่จดทะเบียนได้แล้ว จะหางานเพิ่มไปอีกทำไมครับ?!”

คำพูดของหยานเว่ยคุนเอ่ยไม่ออก สีหน้าบนใบหน้าทะมึนมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

หยานชิงเจ๋อหัวเราะ ก่อนจะบีบสมุดทะเบียนบ้านเอาไว้แน่น หลังจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับซูเผิงฮวาว่า “คุณลุงครับ ให้ผมขับรถไปส่งคุณส่งกลับไปเอาสมุดทะเบียนบ้านไหมครับ?”

ซูเผิงฮวาส่ายหน้า “ชิงเจ๋อ บาดแผลที่หลังของเธอจะไม่จัดการก่อนหน่อยหรือ? ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วนายไปโรงพยาบาลก่อนไหม?”

หยานชิงเจ๋อหันไปมองซูสือจิ่น หรี่ตาลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างลอย ๆ ว่า “ก็ยังคงเป็นการแต่งงานครับที่สำคัญที่สุด”

ซูสือจิ่นกำลังจะหันไปมองอยู่พอดี ไม่รู้ว่าทำไม ทันใดนั้นเองที่สายตาทั้งสี่ประสานเข้าหาดัน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อยเสียแล้ว

เธอมักจะรู้สึกว่า ที่จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อยอมตกลงแต่งงานด้วยนั้นเป็นเพราะเหตุผลอะไร อีกทั้งเหตุผลนั้นเอง เดิมบางทีเธอก็อาจจะรับไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ!

เธอรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ลังเลอยู่ว่าไม่รู้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

ทว่าซูเผิงฮวาที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “เสี่ยวจิ่น ลูกพักอยู่กับทางชิงเจ๋อครู่หนึ่งก่อนนะ พ่อจะกลับบ้านไปเอาสมุดทะเบียนบ้านมาให้ลูก หลังจากทานข้าวเที่ยงแล้ว ลูกก็ค่อยไปพร้อมกับกับชิงเจ๋อนะ”

“คุณพ่อคะ——” ซูสือจิ่นดึงซูเผิงฮวาเอาไว้ จู่ ๆ เธอก็คิดอยากจะเอ่ยว่าตนเองไม่อยากที่จะแต่งงานแล้ว แต่ทว่า คำพูดราวกับว่าแทบจะกลืนกลับไปในปลายลิ้น กลับถูกเธอกลืนลงไปเองแทนเสียแล้ว

เธอยังคงแคร์เขาอยู่ คิดอยากที่จะอยู่ร่วมกับเขามากเลย ดังนั้นแล้วในเมื่อทราบอยู่แล้วว่าที่ทางด้านหน้าอาจจะเป็นหน้าผาที่สูงชัน แต่ทว่า ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะคิดอยากที่จะเดินต่อไปทางด้านหน้า

ซูสือจิ่นปิดเปลือกตาลงทันที “ค่ะ หนูจะรอพ่ออยู่ที่นี่”

เที่ยววัน ซูเผิงฮวาหยิบสมุดทะเบียนบ้านมาแล้ว ก่อนจะรับประทานอาหารเที่ยงพร้อมกันกับทุกคน

คุณแม่หยานเห็นสีหน้าในตอนทานข้าวของหยานชิงเจ๋อดูกล้ำกลืนเล็กน้อย ในตอนที่วางตะเกียบลง หัวใจของเธอก็กังวลมากขึ้นกว่าเดิม “ชิงเจ๋อ บาดแผลของลูกเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ให้แม่หรือไม่ก็เสี่ยวจิ่นเข้าไปช่วยลูกดูหน่อยไหม? อย่าให้ติดเชื้อ……”

หยานชิงเจ๋อสับสนอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็หรี่ตาลง หลังจากนั้นก็พยักหน้า “ครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอก็เข้าไปช่วยฉันดูหน่อยแล้วกัน!” พูดไป ก็ชี้ไปทางซูสือจิ่น

ซูสือจิ่นสูดหายใจเข้าออกครั้งหนึ่ง จู่ ๆ ในช่วงเวลานั้นเองก็มีความรู้สึกล่องหนบางอย่าง

แต่ทว่า หยานชิงเจ๋อกลับเดินเข้าไปในห้องของเขาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงแค่เดินตามเข้าไปด้านใน

เมื่อเข้าไปแล้ว หยานชิงเจ๋อก็กดเธอเข้ากับกำแพงโดยทันที นัยน์ตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเหี้ยมโหดในทันที สบตามองเธอ แต่ทว่าน้ำเสียงกลับไม่อยู่กับร่องกับรอย “รู้ไหมว่าทำไมจู่ ๆ ฉันถึงยอมตกลงแต่งงานด้วย?”

หัวใจของซูสือจิ่นดิ่งลงทันที รู้สึกเพียงแค่ว่าความคิดชั่วร้ายที่สุดภายในหัวใจของตนเองถูกคาดเดาเอาไว้แล้ว

หัวใจของเธอบีบตัวแน่น ร่างทั้งร่างสั่นไหวเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูด

หยานชิงเจ๋อสบตามองท่าทางน่าเวทนาของเธอในตอนนี้ ประกายเยาะเย้ยในสายตาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นกว่าเดิมแล้ว “ดูท่าแล้ว หลายปีที่ผ่านมา เป็นฉันเองที่ประเมินเธอต่ำไปสินะ”