บทที่ 254 เธอรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันรู้สึกยังไงบ้าง

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

คำพูดของเขา ดูประหนึ่งมีดสั้นหนึ่งด้าม ที่แทงเข้าไปในจุดที่อ่อนนุ่มที่สุดที่อยู่ในก้นบึ้งหัวของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ความเจ็บปวดในขณะนั้นแม้แต่สูดหายใจเข้าก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

ซูสือจิ่นมองไปยังใบหน้าที่งดงามของหยานชิงเจ๋อในระยะที่ใกล้มาก และคิดเพียงแค่อยากจะหนีไป

เธอกลัวว่าจะได้ยินคำพูดที่มันแย่กว่านั้นออกมาจากปากของเขาอีก และเธอกลัวว่าความกล้าที่ตัวเองทุ่มสุดตัวที่เพิ่งจะรวบรวมได้เมื่อกี้จะหายไปหมด

“ ไหนให้ฉันลองเดาดูสิว่าทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้ ?” หยานชิงเจ๋อแสดงสีหน้าท่าทางที่สอดคล้องกับการคิดไต่ตรองที่จริงจัง : “ อ๋อ ใช่สิ ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ฟลอริดา เธอก็ตั้งใจจะมอมเหล้าซีหยู่ไม่ใช่หรอ ? พ่อกับแม่ฉันให้อะไรเธอ เธอถึงได้ทำลายความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้วก็ยังทำให้พวกเราแยกออกจากกันอีกด้วย ?”

หลังของซูสือจิ่นก็แนบติดกับผนัง รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แพร่กระจายอยู่บนผนัง และปล่อยให้ความอัปยศของเธอในตอนนี้ค่อยๆเกาะเป็นน้ำแข็งไปกับร่างกายทีละเล็กทีละน้อย

หยานชิงเจ๋อยังคงพูดต่อไป : “ ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีกับเธอด้วยนะ ที่ทำสำเร็จ ฉันทำตามความปรารถนาของพวกเธอแล้ว ตอนนี้พวกเธอก็คงจะดีใจแล้วใช่ไหม ?”

เล็บมือของซูสือจิ่นแทบจะฝั่งเข้าไปในฝ่ามืออยู่แล้ว เธอต้องการบรรเทาความเจ็บปวดบนตัวเธอด้วยการผ่านความเจ็บปวดทางเนื้อหนังแทน

เธอบังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาไหล ไม่อยากยั้งสติไม่อยู่ต่อหน้าเขา ในใจก็ยังคงปลอบตัวเอง แต่โชคยังดีที่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะว่าเธอรักเขา ถ้าไม่อย่างนั้น เธอที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คงจะรู้สึกขวยเขินและรู้สึกต่ำต้อยจนกลายไปเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นผงเท่านั้น

หยานชิงเจ๋อเห็นว่าซูสือจิ่นเอาแต่ไม่พูดอะไร แล้วเธอก็ดูเหมือนกับกวางตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว เขารู้สึกแค่ว่าในใจลึกๆนั้นกำลังมีไฟที่ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง และในขณะนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องระบายมันออกมาอย่างไร

เขาหันสายตาออกไป แล้วก็กวาดสายตามองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นสีแดงแสบตาที่ละเลงอยู่บนเตียง และดูเหมือนว่ามันจะคอยย้ำเตือนเขาอยู่ตลอดเวลา ตกลงแล้วเมื่อคืนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ !

หน้าอกของเขายกขึ้นยกลง สติแทบจะถูกความรู้สึกที่ซ้ำซ้อนอยู่ในใจนั้นเผาไหม้ไปจนหมด เขาก็หันกลับมาในทันทีและพูดกับซูสือจิ่นที่มีใบหน้าซีดเซียวที่ยังแนบติดแนบติดกับผนัง : “ เธอรู้ไหมว่าพอฉันตื่นขึ้นมาฉันรู้สึกยังไง ? ฉันรู้สึกรังเกียจ กับการที่มีอะไรกับคนในสายเลือดเดียวกัน มันทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจจนอยากจะอ้วก !”

ซูสือจิ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว และดวงตากลมโตก็สูญเสียความประเปล่งกายไปในทันที เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ดูเหมือนกับตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต

เขาบอกว่าเรื่องเมื่อคืนทำให้เขาอยากจะอ้วก……

คิดไม่ถึงว่าเขาจะรังเกียจเธอขนาดนี้ ?

น้ำตาที่อยู่ในดวงตาของซูสือจิ่นไม่สามารถที่จะกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป และมันก็ไหล่เป็นหยดใหญ่ออกมา

“ เสี่ยวจิ่น ทายาเสร็จแล้วหรือยัง ?” แม่หยานที่อยู่ข้างนอกก็ถาม

ซูสือจิ่นไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ แต่หยานชิงเจ๋อนั้นกลับพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ “ เสร็จแล้วครับ จะออกไปทันทีครับ”

เห็นว่าซูสือจิ่นยังคงแนบติดกับผนังโดยที่ไม่ขยับ หยานชิงเจ๋อก็หัวเราะและพูดประชดประชันว่า : “ ยังจะยืนทื่อทำไรอยู่ตรงนั้นอีก ? หรือรู้สึกว่าเรื่องของเมื่อคืนยังไม่พอ ? ยังจะอยู่ในห้องนอนฉันให้ฉันนอนกับเธออีกอย่างนั้นหรอ ?”

ซูสือจิ่นตัวสั่นอย่างรุนแรงและมองไปยังหยานชิงเจ๋ออย่างไม่เชื่อสายตา

เธอไม่เคยรู้เลยว่า จริงๆแล้วเวลาที่เขาถ้ารักเอ็นดูใครสักคนก็จะสามารถที่จะรักเอ็นดูมากเป็นพิเศษ และถ้าเขารังเกียจใครสักคน ก็สามารถที่จะพูดคำแย่ๆพวกนั้นออกมาได้เหมือนกัน

พอหยานชิงเจ๋อพูดจบ ก็เปิดประตูห้อง ในขณะที่เขาเดินผ่านซูสือจิ่น เขาก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูของเธอ : “ น่าเสียดาย พอฉันเห็นเธอแล้วมันไม่แข็งเลย ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูสือจิ่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิมนั้น ก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน

และเมื่อหยานชิงเจ๋อออกมา แม่หยานที่อยู่ข้างนอกก็ถามว่า : “ ชิงเจ๋อ เจ็บเยอะไหม ? เสี่ยวจิ่นช่วยลูกทายาเสร็จไปแล้วใช่ไหม ?”

หยานชิงเจ๋อพยักหน้า : “ เรียบร้อยแล้วครับ ”

แม่หยานเชื่อและคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง และพูดอย่างปลื้มอกปลื้มใจ: “ แค่นี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ต่อไปทั้งสองก็อยู่ด้วยกันดีๆละ พวกเรายังรออุ้มหลานอยู่นะ !”

พอหยานชิงเจ๋อได้ยินแล้ว ริมฝีปากก็ตุกและไม่พูดอะไร

แม่หยานเห็นว่าซูสือจิ่นยังไม่ออกมา ดังนั้นก็เลยพูดอีกว่า : “ ชิงเจ๋อ เสี่ยวจิ่นกำลังทำอะไรอยู่ ?”

“ เธอหรอ ? คงอายมั้งครับ ?” ในขณะที่หยานชิงเจ๋อพูดนั้น ก็หันตัวกลับแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ยังเห็นว่าซูสือจิ่นยังคงพิงติดกับผนังไม่ขยับ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันไม่ใช่น้อย

เขายื่นมือออกไปเพื่อจะจับซูสือจิ่น

เธอดูเหมือนว่าจะตกใจกับการกระทำของเขาก็เลยอดไม่ได้ที่จะหดมือเข้าหาตัว

“ เมื่อคืนยังปีนขึ้นมาบนเตียงได้เลย วันนี้แค่จะจับมือเธอแป๊บเดียว มาเสแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อะไรกัน ?” ในขณะที่หยานชิงเจ๋อพูดนั้น ก็จับไปที่มือของซูสือจิ่นจากนั้นก็พาเธอออกจากห้อง

เขายิ้มให้ทุกคนและพูดว่า : “ พวกเรากำลังจะไปเอาใบรับรอง ”

“ โอเค ดูแลเสี่ยวจิ่นดีๆนะ !” แม่หยานยิ้ม

แม้แต่หยานเว่ยคุนที่เห็นสถานการณ์อยู่ข้างๆ สายตาก็เต็มไปความสบายใจและปลื้มอกปลื้มใจ

หยานชิงเจ๋อก็พาซูสือจิ่นออกมาด้านนอก จนกระทั่งไปถึงที่ข้างรถของเขา

เขาเปิดประตูรถรถที่ขับแล้วก็บีบเธอเข้าไป จากนั้นก็เดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับ แล้วก็สตาร์ทรถในทันที

หลังจากที่ซูสือจิ่นขึ้นรถไปก็ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ผลกระทบจากแรงเฉื่อยนั้น ทำให้หัวก็เกือบจะกระแทก

จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้าเมื่อวาน เพียงแค่เธอนั่งอยู่บนรถของหยานชิงเจ๋อ เขาก็จะรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธออย่างระมัดระวัง และตอนที่สตาร์ทรถก็ไม่เคยที่จะรุนแรงและรวดเร็วแบบนี้มาก่อน……

ค่ำคืนเมื่อวานนี้ เปรียบเสมือนเป็นกับเส้นแบ่งเขตความชัดเจน และแน่นอนว่าเธอเป็นคนที่เดินไปหาเหวลึกที่ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนกลับมาไม่ได้

ภายในรถเงียบมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่คุยกัน หยานชิงเจ๋อขับรถเร็วมาก แต่ซูสือจิ่นก็ไม่ได้มองเขา และสายตาก็เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

จนกระทั่งหยานชิงเจ๋อหยุดจอด จากนั้นก็พูดว่า : “ รอฉันสักแป๊บ อย่าไปไหน ”

ซูสือจิ่นมองเขาที่ลงจากรถไปด้วยความสงสัย จนกระทั่ง เห็นเขาเข้าไปที่ร้านยา

เขาน่าจะเจ็บแผลแล้วก็ทรมานมากสินะ ? ซูสือจิ่นก็คิด เมื่อกี้ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทายาแต่กลับบอกว่าไม่เป็นไร มาในตอนนี้ ก็คงจะไม่ใช่เพราะว่าไม่ติดเชื้อใช่ไหม ?

เธอพบว่า แม้ว่าเขาจะทำเรื่องเลวร้ายใส่เธอ แต่ถึงอย่างไร เธอก็ยังคงเป็นห่วงเขา เป็นห่วงมากๆ

ผ่านไปแค่สามนาที หยานชิงเจ๋อก็ออกมาจากร้านยา จากนั้น ก็เข้าไปซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ร้านข้างๆ

พอเขาเดินออกมา ในมือของเขาก็ถือน้ำแร่เอาไว้หนึ่งขวด แล้วก็ก้าวฝีเท้าใหญ่ๆเดินมาเปิดประตูรถ จากนั้นเขาก็ยื่นกล่องยาสีขาวที่อยู่ในมือให้ซูสือจิ่น

ซูสือจิ่นรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมเขาถึงได้เอากล่องยาเธอ จนกระทั่งพอรับไปแล้ว เธอก็ถึงหน้าซีดไปชั่วขณะ !

ด้านบน‘การคุมกำเนิดฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง’คำไม่กี่คำนี้ที่ปรากฏขึ้นมาในสายตาโดยไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกแค่ว่าตัวเองนั้นถูกทำร้ายจนมีเลือดแดงสดที่หยดออกมาจากหัวใจ และมันก็เริ่มที่จะไหลไม่หยุด

แน่นอนว่าเขาทั้งโกรธแค้นเธอและรังเกียจเธอ ดังนั้น พอออกมา ก็มาซื้อยาให้เธอทันที ตลอดชีวิตของเขามีส่วนเกี่ยวกับข้องกับเธอเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น !

พอเห็นว่าซูสือจิ่นไม่หยิบมันขึ้นมา ในขณะนั้นเองหยานชิงเจ๋อก็ยังคงมีความอดทนกับเธออยู่แล้วก็เปิดกล่องยา หยิบยาเม็ดออกมา จากนั้นก็เปิดฝาขวดน้ำแร่ออก และส่งของทุกอย่างให้บริเวณปากของซูสือจิ่น

นิ้วมือของซูสือจิ่นก็สั่นแล้วก็หยิบยาเม็ดมา และเอาใส่เข้าไปในปากของตัวเอง

จากนั้น เธอก็หยิบน้ำแร่แล้วก็ดื่มอึกใหญ่เข้าไปและดื่มเข้าไปอีกเยอะ

ยาเม็ดเล็ดลอดลงไปท้องในแล้ว เธอรู้สึกเหมือนกับว่าก้นบึ้งหัวใจของตัวเองนั้นมีฝนที่โหมกระหน่ำเข้ามา

รู้สึกแสบตา บางทีอาจะเป็นเพราะว่าร้องไห้ไปแล้วหลายครั้ง พอมาในขณะนี้ก็ร้องไห้ไม่ออกแล้ว ซูสือจิ่นถึงกับต้องอ้างปากให้หยานชิงเจ๋อนั้นตรวจเช็คว่ายาที่เธอกินนั้นได้กลืนลงไปแล้ว และเรื่องที่เขากังวลมันก็จะไม่เกิดขึ้น

เขาก็หันกลับมาแล้วก็สตาร์ทรถอีกครั้ง และขับตรงไปยังสำนักงานเขต

*

เพราะรู้ว่าฟู้เจียนปออาจจะรออยู่ที่ประตูทางเข้าของคฤหาสน์ เพราะฉะนั้นสองวันมานี้เฉียวโยวโยวก็เลยไม่ได้ออกไปไหนเลย

จนกระทั่ง มาถึงงานเลี้ยงของพวกเขาในวันนี้

พอเช้าตรู่ เฉียวโยวโยวก็ตื่นขึ้นมา แล้วเธอก็ลุกไปที่ระเบียง และมองไปตรงทางเข้าของคฤหาสน์

แต่เนื่องจากมีระยะที่ไกลมาก เพราะฉะนั้น เดิมทีเธอก็ไม่เห็นอยู่แล้วว่าฟู้เจียนปอนั้นไปหรือยัง ในใจแค่รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งเรื่อยๆ

ขอเพียงแค่ผ่านวันนี้ไปเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างของพวกเขามันก็จะจบลง

เป็นเพราะงานแต่งเดิมเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อที่จะสะดวกสำหรับมนุษย์เงินเดือน ดังนั้นวันนี้สือมูเฉินก็ไม่ต้องไปบริษัท

หลานเสี่ยงถางที่กำลังท้อง ก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน ดังนั้น สือมูเฉินก็เลยจ้างพ่อครัวด้านโภชนาการและคนใช้โดยเฉพาะเพื่อมาดูแล

เช้าตรู่ คนใช้ก็ต้องไปซื้อผักสดใหม่ตามฤดูกาลกลับมา จากนั้นก็มาบอกว่า : “ คุณสือคะ คนก่อนหน้านี้ที่อยู่ตรงประตูทางเข้าเขายังไม่ไปเลยค่ะ ”

สือมูเฉินพยักหน้า เป็นการบ่งบอกว่ารู้แล้ว

พอเฉียวโยวโยวได้ยินการพูดคุยของทั้งสองคน ก็มีท่าว่าจะปวดหัวเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร สองวันมานี้เธอก็รู้สึกชินไปแล้ว ดังนั้นก็หยิบโน๊ตบุ๊คมาแล้วก็นั่งเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ข้างๆ และเตรียมตัวที่จะหางานทำในอาทิตย์หน้า

บริษัทเดิมนั้น เป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นเธอชอบลางาน เลยทำให้ไม่ผ่านช่วงการทดลองงาน ดังนั้นตอนนี้เธอก็เลยจำเป็นที่จะต้องหางานใหม่ทำ ถ้าไม่อย่างนั้นจะเอาแต่อยู่บ้านของหลานเสี่ยวถางมันก็ไม่ดี

ทุกคนต่างก็กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เฉียวโยวโยวกับหลานเสี่ยวถางก็เดินเล่นอยู่ข้างล่าง จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักโทรมา เธอก็เลยกดรับสาย : “ สวัสดีค่ะ ”

“ ไม่ทราบว่าใช่คุณเฉียวไหมครับ ?” เสียงของผู้ชายที่ไม่รู้จักก็พูดขึ้นมา

เฉียวโยวโยวก็พูดว่า : “ ใช่ค่ะ แล้วคุณเป็นใครคะ ?”

“ ผมเป็น รปภ. ของคฤหาสน์หนิงเจียงครับ เมื่อกี้มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งนามสกุลฟู้……”

เมื่อเฉียวโยวโยวได้ยินมาถึงแค่นี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ตัดสายทิ้งในทันที

“ โยวโยว มีอะไรหรือเปล่า ?” หลานเสี่ยวถาง

“ เขายังไม่ไป ไม่รู้ว่าซื้อ รปภ. ยังไง ตอนนี้ รปภ. โทรมาหาฉัน ” ในขณะที่เฉียวโยวโยวพูดก็รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย

“ ไม่เป็นไร ผ่านวันนี้ไปได้ก็โอเคแล้ว ” หลานเสี่ยวถางเดินแล้วรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ก็เลยพูดว่า : “ โยวโยว พวกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ !”

ทั้งสองคนกลับมาที่บ้านพร้อมความสดใส และเพิ่งเห็นว่าฟู่สีเกอนั้นมาแล้ว

หลานเสี่ยวถางก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า : “ พี่สีเกอ บ่ายนี้กินข้าวด้วยกันนะคะ ?”

ฟู่สีเกอก็ยกขาขึ้นมานั่งไขว้ห้าง : “ อื้ม ก็มาเพื่อกินข้าวฟรีอยู่แล้ว ได้ยินอาเฉินบอกว่าฝีมือพ่อครัวของบ้านพวกคุณนั้นยอดเยี่ยม ผมนี่เตรียมตัวจะจ่ายค่าอาหารเพื่อร่วมกินข้าวในครั้งนี้แล้ว ”

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ : “ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอกค่ะ คุณกินข้าวคนเดียวเหงาแย่ ต่อไปก็มากินข้าวที่นี่นะคะ !”

เมื่อฟู่สีเกอได้ยินแบบนี้ ก็หันไปยักคิ้วให้สือมูเฉิน : “ ดูภรรยาของนายใจกว้างขนาดไหน !”

เมื่อเฉียวโยวโยวเห็นว่าฟู่สีเกอยู่ที่นี่ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอนั่งอยู่ที่โซฟาได้สองนาที แล้วก็กำลังจะหาข้ออ้างเพื่อออกไป แต่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็ดังขึ้น

เธอก้มหน้าลงไปดู ก็ยังคงเป็นเบอร์เดิม เลยอดไม่ได้ที่จะตัดสายทิ้ง

ถึงอย่างไร ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ก็สั่น และกลับมีข้อความส่งเพิ่มเข้ามา

ในใจของเธอรู้สึกร้อนไม่เป็นสุขก็เลยเปิดข้อความอ่าน สีหน้าบนใบหน้าก็แข็งทื่อไปเลย

“ เกิดอะไรขึ้น ”หลานเสี่ยวที่อยู่ข้างๆเห็นว่าเฉียวโยวโยวมีสีหน้าที่ไม่ดี ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“ อร๊าย ? !” พอหลานเสี่ยวถางเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นรูปถ่ายในข้อความที่ส่งมา ก็เลยถามด้วยความตกใจ : “ ทำไมถึงได้มีเลือกไหลออกมาเยอะขนาดนี้ ?”

“ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ?” สือมูเฉินกลัวว่าจะทำให้หลานเสี่ยวถางจะตกใจกลัว ก็เลยรีบหันไปดู

“ ฟู้จเจียนปอได้รับบาดเจ็บหรอ ?” สือมูเฉินหยิบโทรศัพท์ของเฉียวโยวโยวไป และลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กดไปที่ปุ่มโทรออกและโทรไปหา รปภ. ที่อยู่ทางนั้น