บทที่ 285 มู่หรงจาว
เผยยวนเดินเคียงข้างนางรอยยิ้มก็แทบจะค้างอยู่บนใบหน้า ในมือถือสิ่งของที่พ่อค้าแม่ค้าให้เอาไว้พะรุงพะรัง
ล้วนเป็นอาชีพที่พึ่งพาอาศัยกัน ปกติแล้วจี้จือฮวนจะให้ส่วนลดกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะตอบแทนน้ำใจของนางบ้าง โชคดีที่ของบางอย่างเป็นของพิเศษมาจากที่อื่น จึงสามารถเอามาทำอาหารจานพิเศษได้
“ใครให้เจ้าขโมยซาลาเปากัน”
“ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”
“นางหัวขโมย ยังกล้ามาร้องขอความเมตตาอีกอย่างนั้นหรือ!?”
ในตรอกเล็ก ๆ ที่ทางเข้าตลาด มีเสียงด่าทอของเด็กสองสามคนดังขึ้นมา
เผยยวนกับจี้จือฮวนสบตากันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปดู ก็เห็นเด็กเหล่านั้นกำลังล้อมหญิงสาวผู้หนึ่งที่หายใจรวยรินเอาไว้ หญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยเย็บปะติดปะต่อกัน เห็นได้ชัดว่าคงเร่ร่อนมาพักหนึ่งแล้ว เพราะรองเท้าขาดรุ่งริ่งจนไม่มีชิ้นดีแล้ว เพียงแต่ท้องของนางที่นูนเด่นขึ้นมานั่น เกรงว่าน่าจะประมาณเจ็ดหรือแปดเดือนได้แล้ว
“หยุดนะ!” จี้จือฮวนตะคอกออกมา พวกเด็ก ๆ ต่างก็รู้จักนาง จึงรีบถอยออกไปเป็นสองฝั่ง
“ท่านน้าฮวนฮวน”
จี้จือฮวนนั่งยอง ๆ ที่พื้น เพื่อตรวจดูอาการของหญิงสาวคนนั้น เพียงแต่เมื่อนางเข้าไปใกล้ หญิงสาวผู้นั้นก็ถอยไปด้านหลังทันที เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าจะถูกทุบตีอีก
“ท่านน้าฮวนฮวน ท่านอย่าไปสนใจนางเลยขอรับ หลายวันมานี้นางมาขโมยซาลาเปาร้านข้าทุกวันเลยขอรับ!”
“ถือว่าข้าขอซื้อแทนนางก็แล้วกัน เงินที่เหลือพวกเจ้าเอาไปซื้อลูกอมกินกันได้เลย แต่ต่อไปหากเจอเรื่องเช่นนี้อีกให้ไปแจ้งทางการรู้หรือไม่ เด็กในท้องอย่างไรก็เป็นผู้บริสุทธิ์”
จี้จือฮวนมองหญิงสาวคนนั้น “ยังขยับได้หรือไม่?”
นางเอาแต่ขดตัวอยู่ที่มุม ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด
จี้จือฮวนคว้าข้อมือของนางมาและปัดผมออกให้นาง จึงพบว่าใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้โดดเด่นกว่าคนทั่วไป ดูไม่เหมือนชาวจงหยวนเลยสักนิด หญิงสาวสบตากับจี้จือฮวน ริมฝีปากที่เลอะคราบต่าง ๆ ค่อย ๆ เผยอออก
จี้จือฮวนขยับเข้าไปฟังใกล้ ๆ จึงได้รู้ว่านางกำลังพูดอยู่ “ช่วยลูกข้าด้วย”
จี้จือฮวนจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “เผยยวน มาช่วยข้าที”
โรงยาฮุ่ยหมิน
จางหยวนเฉียวที่กำลังจดใบสั่งยา เมื่อเห็นอาจารย์หมอเทวดาเดินเข้ามา เขาที่กำลังวางแผนว่าจะเข้าไปประจบอาจารย์ที่ร้านที่เปิดใหม่อยู่พอดี
จากนั้นก็เห็นอาจารย์ผู้ชายอุ้มหญิงท้องโตผู้หนึ่งเดินตามเข้ามา
“โอ๊ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จางหยวนเฉียวตกใจขึ้นมาทันที ยังคิดว่าเป็นคนที่ไปกินร้านของจี้จือฮวนแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้น
“ท้องน่าจะมีการบีบรัด ท่านช่วยดูให้ที” จี้จือฮวนให้เผยยวนนำคนเข้าไปส่งที่ห้องด้านใน จางหยวนเฉียวตรวจชีพจรอย่างละเอียด จากนั้นก็สั่งจ่ายยาบำรุงครรภ์ให้กับหญิงสาวผู้นั้น หลังจากให้กินยาแล้วก็ให้คนออกไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้นางหนึ่งชุด
จี้จือฮวนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางอย่างดี จากนั้นจึงพบว่านางเป็นสตรีที่งดงามอย่างมาก เพียงแต่อ่อนเพลียจนไม่มีแรงแม้แต่จะพูด นางเอนกายลงบนเตียงอย่างง่วงงุน
เผยยวนเห็นว่าจี้จือฮวนคงไม่สามารถกลับได้เร็ว ๆ นี้ เขาจึงกลับไปที่ร้านก่อน
โหลวเฉิงเย่กลับบ้านไปแล้ว เผยจี้ฉือนั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านเงียบ ๆ เมื่อเห็นเขากลับมาก็รีบลุกขึ้น พลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อ กลับบ้านได้แล้วหรือขอรับ?”
เผยยวนเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังคร่าว ๆ เผยจี้ฉือจึงสะพายห่อหนังสือพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น “ข้ากลับไปพร้อมกับพวกท่านดีกว่าขอรับ ท่านแม่อยู่ที่นี่ข้าเองก็ไม่วางใจ”
สองพ่อลูกคิดเหมือนกัน พลันนั้นเขาก็เห็นเพียงพอนขาวมุดออกมาจากห่อหนังสือ เผยยวนชะงักไปเล็กน้อย “เพียงพอนขาวเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เจ้าพามันไปเรียนด้วยหรือ?”
เผยจี้ฉือยัดเพียงพอนขาวกลับเข้าไป “อาชิงเอามันมายัดให้ข้าไว้ขอรับ และยังจะให้ข้าเอางูมาด้วย บอกว่าพวกมันจะช่วยปกป้องข้า ท่านเห็นแมงมุมที่อยู่บนหัวของข้าหรือไม่ขอรับ”
เผยยวนไม่เห็นจริง ๆ จึงมองไปตามที่ที่เขาบอก ก็พบว่าตรงมุมของผ้าคาดผมสีดำนั่น มีแมงมุมตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเกาะอยู่
“นี่ก็เป็นอาชิงให้มาหรือ?”
เผยจี้ฉือยักไหล่ “เขาบอกว่ากลัวจะมีคนมาลอบวางยาข้าขอรับ”
เพียงพอนขาวอยู่ไม่สุข ปีนออกมาจากห่อหนังสือและมานอนอยู่บนบ่าของเผยจี้ฉือ ดวงตากลมโตมองไปทางเผยยวนตาแป๋ว
เผยยวนตบบ่าของลูกชายด้วยรอยยิ้ม “อาชิงเองก็โตแล้ว”
เผยจี้ฉือมองหน้าเขา “ข้าก็จะโตขึ้นเช่นกัน ถึงเวลาจะได้ปกป้องพวกท่านได้”
“พ่อจะรอเจ้า”
…
ขณะที่จี้จือฮวนกับจางหยวนเฉียวกำลังพูดคุยเกี่ยวกับโรคหายากกันอยู่นั้น เด็กรับใช้ก็ออกมาเรียก บอกว่าหญิงสาวผู้นั้นตื่นแล้ว
ตอนจี้จือฮวนเดินเข้ามาในห้อง หญิงสาวผู้นั้นเพิ่งจะกินข้าวต้มหมดไปหนึ่งชาม เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็รีบเอามืออุ้มท้องใหญ่ ๆ ของตัวเองเพื่อจะคุกเข่าให้กับนาง แต่จี้จือฮวนไม่ชอบพิธีรีตองเช่นนี้ของคนโบราณ “ไม่ต้องคารวะแล้ว ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกหรือไม่?”
หญิงสาวส่ายหน้า แม้ว่าหน้าตาจะดูไม่เหมือนชาวจงหยวน แต่ภาษากลับเข้าขั้น ดูจากท่าทางการเคลื่อนไหวก็ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิตเจ้าค่ะ”
“เจ้าตั้งครรภ์อยู่ ไม่มีคนในครอบครัวคอยอยู่ข้างกายเลยหรือ?”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็น้ำตาไหลออกมา “ข้าขอเรียนแม่นางตามตรง ข้าไม่ใช่ชาวจงหยวน แต่เป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มหนึ่งในชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุน พ่อของข้าเสียไปแล้ว และต้องพลัดพรากจากครอบครัว ถูกพ่อค้าชาที่ผ่านทางมาพาตัวมายังจงหยวน”
ช้าก่อน ประวัติเช่นนี้ เหตุใดถึงได้คุ้นนัก
จู่ ๆ จี้จือฮวนก็เอ่ยขัดคำพูดของนาง “ชื่อของเจ้าคือ?”
หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ราวกับสามารถล่อลวงให้คนหลงใหล เต็มไปด้วยความขอลุแก่โทษ “ข้าลืมไปเลย ข้าชื่อมู่หรงจาวเจ้าค่ะ”
มู่หรงจาว!
จี้จือฮวนดวงตาเบิกโพลง ตอนกลาง ๆ เรื่องและตอนท้ายของนิยาย ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจี้หมิงซูและเซี่ยหยาง ก็คือจักรพรรดินีของชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุน
มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานต้องร่อนเร่พเนจรมาอยู่จงหยวน ต่อมาก็ได้พบคนในครอบครัว จึงได้กลับไปที่ชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนอีกครั้ง พี่ชายของนางได้ขึ้นเป็นอ๋องไป๋หลันของชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนนี้ ฐานะจึงสูงส่งขึ้น และเนื่องจากเคยให้กำเนิดทายาท ดังนั้นจึงได้เข้าวังเพื่อไปช่วยดูแลหลานสาวที่เพิ่งตั้งครรภ์ คิดไม่ถึงว่าองค์ชายเพิ่งจะประสูติ แต่ท่านข่านของเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนกลับถูกตาต้องใจมู่หรงจาวเข้า
ตั้งแต่นั้นมามู่หรงจาวก็มีตำแหน่งสูงขึ้น จากหญิงสาวที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว กลายเป็นสตรีที่ได้อยู่ข้างกายท่านข่านและได้รับความโปรดปรานมากที่สุด แต่นางกลับสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องไป๋หลันฆ่าลูกชายคนโตของเขา และก่อนที่ท่านข่านจะตาย นางก็ได้เข้าควบคุมราชสำนัก กลายเป็นจักรพรรดินีที่ควบคุมการเมืองเบ็ดเสร็จ ว่ากันว่าอ๋องไป๋หลันผู้นั้นที่พี่ชายแท้ ๆ ของนาง ก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนางด้วย
สรุปก็คือนางเป็นจักรพรรดินีที่เหี้ยมโหดสำหรับศัตรู แต่มีความเฉียบแหลมในด้านการเมือง และมีพรสวรรค์อย่างมาก จนถูกขนานนามว่าเป็นจักรพรรดินีที่ชาญฉลาดที่สุด
และนับตั้งแต่นางร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ของถู่เจีย ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ต่อมาเซี่ยหยางต้องนำทัพไปออกรบด้วยตัวเอง และต้าจิ้นก็เกือบถูกทำลายนั่นเอง
คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับมู่หรงจาวที่ยังไม่กลับไปชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนที่นี่
จี้จือฮวนยังรู้อีกว่าทารกในครรภ์ของมู่หรงจาวคนนี้ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวจงหยวน และจะถูกเซี่ยหยางสังหารเมื่อมู่หรงจาวโจมตีต้าจิ้นในภายภาคหน้า
จี้จือฮวนจึงยิ้มน้อย ๆ “เป็นชื่อที่ดี”
ศัตรูของศัตรูคือมิตร ยิ่งไปกว่านั้นชนเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนก่อกวนชายแดนมาหลายปี หากสามารถจับมือกันสร้างสันติภาพและช่วยกันขับเคลื่อนชายแดนได้ ก็ดีกว่าต้องสู้กันไม่ใช่หรือ?
น่าเสียดายที่มู่หรงจาวในขณะนี้ยังเป็นแค่หญิงสาวที่กังวลเกี่ยวกับอนาคตในวันข้างหน้าผู้หนึ่งเท่านั้น ดูเหมือนนางเพิ่งจะอายุสิบกว่าปีเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้รับสารอาหารที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจึงซูบผอมเป็นอย่างมาก มีเพียงหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเท่านั้น
“ชีวิตข้าล้มลุกคลุกคลาน แต่โชคดีที่แม่นางเมตตารับข้าเอาไว้ ทั้งยังดูแลข้าเป็นอย่างดี มู่หรงจาวไม่มีอะไรจะตอบแทน เพียงอยากจะขอแม่นางให้ช่วยเมตตา ให้ข้าได้คลอดลูกอยู่ที่นี่ด้วยเถอะนะเจ้าคะ”
อย่าว่าแต่ให้เจ้าคลอดลูกที่นี่เลย หากเจ้าจะไปพบกับสามีในอนาคตของเจ้าตอนนี้ ข้าก็จะรีบสั่งรถให้พาเจ้าไปส่งทันที
“เจ้าวางใจเถอะ ได้พบกันนับเป็นวาสนา ข้าเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน จะทนเห็นเจ้าเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกทั้งที่ท้องโตเช่นนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ในโรงยานี้ล้วนมีแต่ผู้ชาย คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก ไม่สู้ข้าหาที่อยู่ให้เจ้าใหม่ดีหรือไม่?”
.
.
.