ตอนที่ 443 ถึงเวลาแล้ว (2) ตอนที่ 444 ถึงเวลาแล้ว (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 443 ถึงเวลาแล้ว (2) / ตอนที่ 444 ถึงเวลาแล้ว (3)
ตอนที่ 443 ถึงเวลาแล้ว (2)

จวินอู๋เสียลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง ฟ่านจัวรีบลุกขึ้นและเดินตามไปทันที

ศิษย์ที่ตะโกนด่าว่าไม่หยุดในลานต่างรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเห็นจวินอู๋เสียปรากฏตัว คำด่าว่าของพวกเขายิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“กลับไปบอกสุนัขพวกนั้นว่าข้าจะไปงานล่าวิญญาณ ในเมื่อพวกเขาต้องการบังคับให้ข้าไป ข้าก็จะไป แต่ถ้าข้าไปแล้ว พวกเขาก็อย่าได้มาเสียใจภายหลัง” จวินอู๋เสียมองศิษย์เหล่านั้นด้วยสายตาที่เย็นชา น้ำเสียงที่เย็นชาของนางเหมือนใบมีดคมที่แทงทำลายเสียงตะโกนวุ่นวายเหล่านั้น

ศิษย์เหล่านั้นตกใจในคำพูดของจวินอู๋เสีย ในขณะที่พวกเขาต้องการตอบโต้ ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่าดวงตาที่เย็นเฉียบของจวินอู๋เสียคู่นั้นซ่อนความเยือกเย็นไว้ ดวงตาที่แหลมคมคู่นั้นทำให้ศิษย์เหล่านั้นหยุดหายใจไปทันที ความกล้าหาญทั้งหมดของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาได้เพียงแค่สบถออกมาไม่กี่คำด้วยเสียงต่ำๆ แล้ววิ่งหนีไป

หลังจากที่คนเหล่านั้นจากไป ฟ่านจัวก็พูดขึ้นทันทีว่า “น้องเสีย เจ้าจะเข้าร่วมการล่าวิญญาณหรือ เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

งานล่าวิญญาณ เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นทุกๆ หกเดือนของสำนักศึกษาเฟิงหัว งานล่าวิญญาณทุกครั้ง ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวทุกคนจะเข้าร่วม ทุกคนจะตรงไปที่ป่าประลองวิญญาณเพื่อล่าสัตว์วิญญาณ การล่าสัตว์วิญญาณจะได้รับหินวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็สามารถฝึกฝนพลังการต่อสู้ของลูกศิษย์ทุกคนด้วย แต่ป่าประลองวิญญาณมีพื้นที่กว้างขวาง เหมือนเข็มตกลงไปในมหาสมุทร และสัตว์วิญญาณในป่าประลองวิญญาณมีตั้งแต่ระดับต่ำไปสูง หากไม่ระมัดระวัง ก็อาจเป็นอาหารในท้องของสัตว์วิญญาณได้ ในการล่าวิญญาณแต่ละครั้งจะมีศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวถูกฆ่าในป่าประลองวิญญาณทุกครั้ง

นอกจากตึกหลังของสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้ว ตึกรองก็จะเข้าร่วมงานล่าวิญญาณด้วย และในแต่ละครั้ง ตึกหลังจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด

ในงานล่าวิญญาณศิษย์เก่าที่ดูแลศิษย์ใหม่ก็ต้องตามไปทำหน้าที่ดูแลศิษย์ใหม่ด้วย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ศิษย์เก่าจำนวนมากไม่เต็มใจที่จะดูแลศิษย์ใหม่

เนื่องจากป่าประลองวิญญาณนั้นอันตรายอยู่แล้ว ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยถึงเจ็ดวันหรือไม่ ทั้งยังต้องดูแลศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักศึกษามาให้มาเป็นภาระอีกจึงทำให้ผู้คนมากมายไม่พอใจ

แม้ว่าพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียจะอยู่ในระดับสีส้มแล้ว แต่วงแหวนภูติวิญญาณของนาง…

สายตาของฟ่านจัวเหลือบมองเจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียอย่างไม่ได้ตั้งใจ

เสี่ยวเฮยน่ารักมาก แต่ความสามารถในการต่อสู้…

“ข้าอยู่ที่นี่นานแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปที่สำนักศึกษาแล้ว” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ผู้คนมากมาย ‘ต้องการ’ ให้นางกลับไป นางก็จะทำให้พวกเขาสมหวัง…

บนใบหน้าของฟ่านจัวแสดงความตื่นตระหนกออกมา เขารีบกล่าวว่า “น้องเสีย เจ้าไม่ต้องใส่ใจกับคำพูดของคนเหล่านั้น ข้ากับพี่ชายต่างก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการของตัวเองเพราะคนเหล่านั้น เจ้าพักอยู่ที่นี่ดีแล้ว เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า ข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาจิ้ง พรุ่งนี้ข้าจะให้เขากลับไปที่สำนักศึกษาทันที เจ้า… อย่าไป” น้ำเสียงของฟ่านจัวมีคำวิงวอนขอร้องอยู่ในนั้น เพราะความวิตกกังวลยิ่งทำให้ใบหน้าซีดเผือดของเขาดูเหนื่อยล้ามากขึ้น

แต่จวินอู๋เสียกลับส่ายหัว

“ข้าจะกลับ ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ข้าแค่คิดเช่นนี้”

อาจิ้งเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น จวินอู๋เสียไม่มีเวลาไปสนใจคนโง่ที่ไม่มีแม้กระทั่งสมองแบบนั้น สองวันที่ฟังคำด่าว่าของศิษย์เหล่านั้น นางก็เข้าใจทันที เพราะทุกคำพูดของพวกเขาล้วนต้องการให้นางออกจากลานป่าไผ่นี้

เวลานี้ถ้านางกลับไปสำนักศึกษา นางจะต้องเข้าร่วมงานล่าวิญญาณอย่างแน่นอน

และนี่มิใช่จุดประสงค์ของคนเหล่านั้นหรือ

แต่ว่า…

ถ้านางกลับไปจริงๆ พวกเขาห้ามเสียใจภายหลัง เพราะต่อให้เสียใจภายหลัง…

ก็สายไปเสียแล้ว

ตอนที่ 444 ถึงเวลาแล้ว (3)

จวินอู๋เสียยืนกรานที่จะเข้าร่วมในงานล่าวิญญาณ ฟ่านจัวก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าจะให้ฟ่านจิ่นมาช่วยเกลี้ยกล่อมก็ไม่สามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้

โชคดีที่ฟ่านจิ่นจะต้องดูแลจวินอู๋เสียตลอดการเข้าร่วมงานล่าวิญญาณด้วยตัวเอง ฟ่านจัวผู้ซึ่งเชื่อมั่นในความสามารถของพี่ชายตัวเองก็โล่งใจเล็กน้อย

และในคืนนั้นอาจิ้งก็ถูกฟ่านจัวไล่ออกจากลานป่าไผ่ อาจิ้งร้องห่มร้องไห้อยู่ในลานไม่หยุดจนทำให้ฟ่านจิ่นอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก เขาจึงทำให้อาจิ้งสลบแล้วพาไปที่ห้องหนังสือของอาจารย์ใหญ่แล้วปล่อยให้ฟ่านฉีจัดการ

งานล่าวิญญาณใกล้เข้ามาแล้ว การออกเดินทางครั้งนี้ต้องไปทั้งหมดเจ็ดวัน จวินอู๋เสียจึงเตรียมสิ่งของบำรุงร่างกายไว้ให้ฟ่านจัวก่อน และในระหว่างที่นางไม่อยู่นางก็ทิ้งเจ้าแมวดำไว้ที่ลานไม้ไผ่

เมื่อสองพี่น้องสกุลฟ่านได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เห็นด้วยในทันที

ในความคิดของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเจ้าแมวดำตตัวน้อยเป็นวงแหวนภูติวิญญาณของจวินอู๋เสีย แม้ว่าจะไม่เก่งกาจเพียงใดแต่อย่างน้อยก็ควรอยู่ข้างกายนางเพื่อปกป้องนาง

ความตั้งใจเดิมของจวินอู๋เสียคือทิ้งเจ้าแมวดำตัวน้อยไว้เพื่อหาคนที่วางยาฟ่านจัว แต่นางก็คิดขึ้นได้ว่าถ้านางไม่อยู่ที่นี่ฟ่านจัวก็ไม่สามารถแกล้งอาการกำเริบได้ นางจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

ก่อนงานล่าวิญญาณสองสามวัน จวินอู๋เสียก็เริ่มไม่ออกจากห้อง อาการบาดเจ็บของบัวหิมะซังอวี้เริ่มดีขึ้นทุกวัน นางจึงต้องการเพิ่มพลังการรักษาให้บัวหิมะซังอวี้ในช่วงสองสามวันสุดท้ายนี้ แบบนี้จึงจะทำให้บัวหิมะซังอวี้ฟื้นตัวทันงานล่าวิญญาณ

ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณที่ได้รับการปรับปรุง ค่อยๆ บำรุงหล่อเลี้ยงบัวหิมะซังอวี้ทีละน้อยเพื่อให้มันค่อยๆ ฟื้นฟูความงามและความสมบูรณ์ให้กลับมาเป็นสภาพเดิม

“เพราะเหตุใดท่านจึงเข้าร่วมงานล่าวิญญาณ” เจ้าแมวดำตัวน้อยนอนอยู่บนโต๊ะ สะบัดหางของมันเล่นกับกลีบดอกบัวของบัวหิมะซังอวี้

มันไม่เชื่อว่าเจ้านายของตัวเองจะยอมเพราะคำยั่วยุของเจ้าเด็กพวกนั้น

ฝ่ามือของจวินอู๋เสียวางอยู่เหนือบัวหิมะซังอวี้ พลังวิญญาณค่อยๆ แผ่ออกมาจากฝ่ามือของนางแล้วค่อยๆ ปกคลุมบัวหิมะซังอวี้ไปทั้งตัว

“พลังวิญญาณของข้าหยุดอยู่ที่ระดับสีส้มมานานแล้ว” จวินอู๋เสียกล่าวเบาๆ

ดวงตาของเจ้าแมวดำเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

“หึ ท่านพบผู้โชคร้ายคนนั้นแล้วหรือ”

หากจวินอู๋เสียต้องการเลื่อนระดับพลังวิญญาณ นางจะต้องกลืนกินวงแหวนภูติวิญญาณของผู้อื่น นางมาถึงจุดสูงสุดของพลังวิญญาณระดับสีส้มนานมากแล้ว แต่นางก็ยังไม่พบวงแหวนภูติวิญญาณที่เหมาะจะกลืนกิน เมื่อนางพูดประโยคนี้ออกมาเจ้าแมวดำจะไม่เข้าใจความหมายของนางได้อย่างไร

“ยัง” จวินอู๋เสียกล่าว

เจ้าแมวดำกะพริบตา จากที่มันรู้จักจวินอู๋เสียมามันก็เริ่มเดาว่า “ท่านอยากดูว่าผู้ใดจะส่งตัวมาให้ท่านกลืนกินถึงที่หรือ”

จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย “มีคนต้องการให้ข้ามาเข้าร่วมงานล่าวิญญาณในครั้งนี้ เขาจะต้องทำอะไรบางอย่างกับข้าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามข้าก็ต้องขอบคุณเขา”

ที่ส่งวงแหวนภูติวิญญาณมาให้นางเลื่อนระดับถึงที่ ช่างเป็น ‘คนดี’ จริงๆ

“นอกจากนี้ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ก็จะเข้าร่วมด้วย ดังนั้นก็ถึงเวลาพบกับพวกเขาแล้ว” ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนเทือกเขาเมฆา งูกระดูกสองหัวและหมีหยินหยางต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้จวินอู๋เสียใช้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณเป็นแล้ว นางย่อมไม่ลืมพวกเขา

“เจ้าโง่นี่จะหายทันหรือ” เจ้าแมวดำมองบัวหิมะซังอวี้ที่เหมือนเกิดใหม่

“ทัน” จวินอู๋เสียหลุบตาลงเล็กน้อย ในแววตาของนางมีความหนักแน่นอยู่ 

เวลาผ่านไปทุกวัน ในที่สุดงานล่าวิญญาณของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็มาถึง

เช้าตรู่ของวันนี้ ศิษย์ทุกคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวแต่งตัวเรียบร้อยและพร้อมที่จะออกเดินทาง พวกเขาเดินทางไปที่ป่าประลองวิญญาณเพื่อรับการทดสอบปีละสองครั้ง

ที่นั่นบางคนอาจได้เลื่อนระดับแต่บางคนก็อาจทิ้งชีวิตไว้ที่ป่านั้นตลอดไป

รถม้าหลายร้อยคันเรียงกันอย่างเรียบร้อยและทยอยออกจากประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัว