ตอนที่ 256 เป็ดย่างในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 3

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 256 เป็ดย่างในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 3
ตอนที่ 256 เป็ดย่างในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 3

“หัดรู้จักตัวเองบ้างก็ดี!” จักรพรรดินีก่นด่าออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ไม่เพียงแต่จักรพรรดินีเท่านั้นที่ถูกกลิ่นหอมจากห้องครัวดึงดูดมา จักรพรรดิก็เช่นกัน

“อ๊ะ ลูกรัก ทำของอร่อยอะไรอยู่เหรอ?” จักรพรรดิรีบวิ่งเข้ามาทันทีที่เขาได้กลิ่นหอม และจ้องมองไปยังเครื่องจักรกลสีชมพู

โอ้ เขาเป็นคนเลือกเครื่องจักรกลสีนี้เอง มันช่างเข้ากันได้ดีกับผู้หญิงเสียจริง!

น่ารักอะไรเช่นนี้!

“ต้องใช้เวลาอีกนานไหม!” จักรพรรดิเป็นเหมือนผึ้งน้อยที่ยังคงตอม ‘หึ่ง ๆ’ อยู่ที่ข้างรูหูของสวี่หลิงอวิ๋น

สวี่หลิงอวิ๋นหันกลับไปอย่างเหลืออด “เสด็จพ่อ ลูกบอกหลายครั้งแล้วนะ ก็บอกอีกสิบนาทีไงเพคะ!”

“เสด็จพ่อจะถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ทุกสองวินาทีเลยหรือไง?”

จักรพรรดิจึงเอ่ยถามเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อ๊ะ งั้นเหรอ? เพิ่งถามไปแค่สองครั้งเองไม่ใช่เหรอ?!”

เขาหันกลับไปถามชาร์ลที่ยังคงนั่งน้ำลายไหลใส่เครื่องจักรกล “พ่อหนุ่ม ไหนบอกสิว่าฉันถามมากไปเหรอ?”

“ไม่มากครับไม่มาก! ท่านเพิ่งถามไปสองครั้ง!” ชาร์ลยืนยันให้กับจักรพรรดิ แล้วจึงหันไปจ้องมองเครื่องจักรกลสีชมพู “องค์หญิงสาม ต้องใช้เวลาย่างเป็ดกุนดักอีกนานไหม!”

สวี่หลิงอวิ๋นกลอกตา

“โอเค ยังเหลืออีกสิบนาที! อย่ามัวแต่โอ้เอ้ ถ้าอยากกินเป็ดย่างเร็ว ๆ นัก ก็ไปปอกหอมหัวใหญ่ซะ!”

ซอสหวานเสฉวนถูกจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยทันทีที่สองผึ้งน้อยเอ่ยถามซ้ำซาก

เหลือเพียงหอมหัวใหญ่และแป้งแผ่นบางเท่านั้น

ขั้นตอนการทำแป้งแผ่นบางค่อนข้างคล้ายคลึงกับการทำแป้งเกี๊ยวซ่า แต่ต้องม้วนให้บางกว่าเล็กน้อย และใส่ลงไปนึ่งในหม้อ

จักรพรรดิและชาร์ลปอกหอมหัวใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต เนื่องจากแผ่นดินที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ หอมหัวใหญ่จึงมีขนาดกลมโตกว่าทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีความเข้มข้นกว่าเล็กน้อย

ดูสิ น้ำตาของทั้งสองคนไหลพรั่งพรูออกมาจนไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาได้ พวกเขารู้เพียงแต่ต้องปอกหอมหัวใหญ่ต่อไป แต่กลับไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง

จักรพรรดินีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสามีของเธอยืนปอกหอมหัวใหญ่ด้วยความขมขื่น…

ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ความตื่นตระหนกของเขามันช่างดูน่ารักเหลือเกิน!

จักรพรรดิเงยหน้าขึ้นและพบว่าภรรยาสุดที่รักกำลังส่งยิ้มหวานมาให้เขา!

“อ๊ะ ภรรยานั่นเอง!” จักรพรรดิรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย และมีเพียงภรรยาเท่านั้นที่จะได้เห็นด้านที่เขินอายของเขา!

น้ำตายังคงไม่หยุดไหลและยังคงเป็นเช่นนั้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่สามารถลืมตาได้!

“เสด็จพี่กำลังทำอะไรเพคะ?” จักรพรรดินีเดินเข้าไปหาจักรพรรดิอย่างเชื่องช้า หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและซับน้ำตาให้เขา “ดูทำเข้าสิ ทำไมถึงได้เงอะงะแบบนี้?”

“อ๊ะ ไม่เป็นอะไร พอไม่มีอะไรทำ พี่ก็เลยมาปอกหอม!” จักรพรรดิยังคงเพลิดเพลินไปกับมัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลงมือทำงานแบบนี้และมันค่อนข้างน่าสนใจ

“ดูสิ พี่ปอกหอมเองเชียวนะ เอาไว้น้องต้องลองชิมหอมที่พี่ปอกด้วยล่ะ!”

จักรพรรดิหยิบหอมหัวใหญ่มาแสดงแก่จักรพรรดินี

จักรพรรดินียิ้มอย่างมีเลศนัย “ดีเลยเพคะ!”

ชาร์ลแอบหันหลังไปอีกด้านหนึ่ง โธ่เอ๊ย! จักรพรรดินีเป็นคนดีเหลือเกิน ส่วนจักรพรรดิก็มีความสุขเหลือล้น!

แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้แต่งงานกับภรรยาแสนสวยบ้าง? จิตใจของเขาฟุ้งซ่านถึงใบหน้าอันงดงาม โธ่เอ๊ย!

และแล้วเขาก็รู้สึกกลุ้มใจ…

องค์หญิงวินเซอร์ช่างจิตใจดีและอ่อนโยน! แต่อย่างที่องค์หญิงสามกล่าวไว้ว่าสำหรับเขาและเธอมันเป็นไปไม่ได้

อีกฝ่ายเป็นถึงองค์หญิงย่อมต้องคู่ควรกับองค์ชายหรือข้าราชการชนชั้นสูง แล้วเขาล่ะ? เขาเป็นแค่หัวหน้าทหารผู้ต่ำต้อย!

เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะเหมือนองค์หญิงสาม เขาถึงจะสามารถแต่งงานกับลูกสาวชนชั้นสูงได้

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อมองดูพ่อแม่ของเธอแสดงความรักให้กันและกัน แม้ว่าพวกเขาจะชอบทำเช่นนั้นอยู่เสมอก็ตาม

อย่ามองดูแค่ความสง่างามของเสด็จแม่และความไร้สติของเสด็จพ่อ คนธรรมดาทั่วไปคงคิดว่าชีวิตประจำวันของทั้งสองคนจะมีแต่ความยุ่งเหยิงใช่ไหม? ทว่าพวกเขาคิดผิดทั้งหมด!

เสด็จพ่อของเธอเป็นคนโรแมนติกมาก เขามักจะขยันสร้างเรื่องประประหลาดใจให้เสด็จแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า พอพูดถึงความรักแล้วหยิบจับอะไรก็ง่ายไปหมด

เมื่อไหร่ก็ตามที่เสด็จแม่รู้สึกโกรธจัด เสด็จพ่อจะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย เอาแต่ค้นหาวิธีมาทำให้เสด็จแม่มีความสุข…

ไม่แปลกใจที่เขาสามารถคว้าดอกไม้แห่งขุนเขาสูงมาไว้ในกำมือได้

เมื่อเวลานับถอยหลังจบลง เป็ดย่างก็พร้อมเสิร์ฟ

สวี่หลิงอวิ๋นยังคงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็ดย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง มันจะใช่เป็ดย่างอันแสนอร่อยจากชาติที่แล้วหรือเปล่า?

แขนกลดึงเป็ดกุนดักออกมาอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดเตา กลิ่นหอมในเตาฟุ้งกระจายออกมา ลอยตลบอบอวลขึ้นไปในอากาศ

จักรพรรดิและจักรพรรดินีกลืนน้ำลายลงลำคอพร้อมกัน และเดินไปที่ห้องอาหารในห้องครัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

องค์ชายใหญ่รีบเคลื่อนไหวทันทีที่ได้รับข่าว เขามาถึงปากประตูห้องครัวและเห็นน้องสาวกำลังสั่งแขนกลให้เคลื่อนย้าย ‘เป็ดกุนดัก’ ตัวใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ

มีดจำนวนหลายสิบเล่มปรากฏขึ้นเหนือเป็ดกุนดัก

สวี่หลิงอวิ๋นดำเนินการใช้พลังจิตหั่นเนื้อเป็ดเป็นแผ่นบาง

น้ำลายขององค์ชายใหญ่พรั่งพรูออกมา และเดินเข้ามาร่วมสนุก “น้องสาว ให้พี่ช่วยไหม?”

สวี่หลิงอวิ๋นเหลือบมองเขา “ไม่ต้อง ไปที่รอห้องอาหารเถอะ!”

เพียงแค่ได้ยินประโยคของเธอ องค์ชายใหญ่ก็วิ่งเข้าไปอย่างว่องไวราวกับผายลม

ชาร์ลรู้สึกหนักใจเล็กน้อยและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“นายมัวรอทำอะไร? ไปหยิบจานมาสิ!” สวี่หลิงอวิ๋นตะโกน

ชาร์ลถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบนำจานไปวางตรงหน้าหญิงสาว

แขนกลวางเนื้อเป็ดแผ่นบางไว้บนจานของเขาอย่างระมัดระวัง

เป็ดกุนดักขนาดมหึมาตัวนี้เพียงพอสำหรับผู้คนจำนวนสิบกว่าคนแล้ว!

หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ในห้องครัวแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และแจ้งสาวใช้ให้ไปตามองค์ชายไคกีและองค์หญิงวินเซอร์ลงมาที่ห้องอาหาร

องค์หญิงวินเซอร์กำลังอ่านหนังสือ

หนังสือเหล่านี้ค่อนข้างเข้าใจยาก แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เธออารมณ์เสีย อีกทั้งยังตั้งใจอ่านหนังสือหรือไม่ก็ตรวจสอบข้อมูล กว่าจะรู้สึกตัวเวลาก็จวนจะผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

“องค์หญิงวินเซอร์ ได้เวลาทานอาหารแล้วเพคะ” สาวใช้เดินเข้ามาทำความเคารพ

“ทานอาหารเหรอ?” วินเซอร์มองดูเวลา ทำไมถึงเริ่มทานอาหารก่อนเวลาอาหารเย็นนักล่ะ?

“เพคะ วันนี้องค์หญิงสามเป็นคนจัดเตรียมอาหาร จักรพรรดินีจึงขอให้มาตามท่านและองค์ชายไคกีลงไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารในครัวด้วยกัน”

“ห้องอาหารในครัว?!” วินเซอร์ประหลาดใจเล็กน้อย

ห้องอาหารในครัวไม่ใช่ที่สำหรับพวกเขา แต่เป็นสถานที่กินอาหารของพวกองครักษ์และพ่อครัว

ทำไมพอท่านป้ามาอยู่จักรวรรดิชิงเหย้าแล้วถึงได้ละเลยเรื่องมารยาทมากนัก?

วินเซอร์ไม่ใช่คนยืดหยุ่นมากนัก แต่เข้าตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อย่างไรก็ตาม ป้าของเธออยู่ที่นั่นแล้ว และนั่นหมายความว่ามันไม่ขัดต่อมารยาทอันดีงาม

“อีกสักพักแล้วกัน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกจากประตูไป เธอก็พบเข้ากับพี่ชายไคกีที่ยืนอยู่หน้าประตู

“ไปเถอะ!”

ขณะนี้ ภายในวังถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นหอมอันแรงกล้า มันเป็นกลิ่นที่แปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์ยิ่งกว่ากลิ่นของบาร์บีคิว

ทว่ากลับไม่ได้มีกลิ่นดั้งเดิมเหมือนกับบาร์บีคิว

ช่างยากเกินกว่าจะบรรยายได้!