บทที่ 250 เห็นหน้าเขาไม่ชัด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 250 เห็นหน้าเขาไม่ชัด

หลังจากเข้ามาในพระราชวัง

หลานเยาเยาก็มาถึงห้องจัดเตรียมภัตตาหารด้วยความรวดเร็ว ในที่สุดก็เปิดฝาขวด ปล่อย*ผีเสื้อพระมหากษัตริย์ออกมา

ไม่นานนัก นางก็เห็นผีเสื้อพระมหากษัตริบินเข้าไปในห้องจัดเตรียมภัตตาหาร

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็เม้มปาก

เป็นอย่างที่คิด ฮ่องเต้ให้คนมาเรียกเย่หลีเฉินเข้าวัง ต้องมีเรื่องสำคัญปรึกษาหารือกันเป็นแน่ และนางก็กล้าฟันธงเลยว่า ต้องเกี่ยวกับตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าอย่างแน่นอน

ฮ่องเต้ได้พบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าแล้ว จะต้องเลือกฤกษ์งามยามดีให้เป็นที่ประจักษ์แก่ใต้หล้า เมื่อถึงเพลานั้น พระองค์ก็ไม่ต้องเกรงว่าคนอื่นจะพูดว่าพระองค์ไม่เหมาะสมกับบัลลังก์อีกต่อไป

หึ!

ให้พระองค์ได้ดื่มด่ำไปก็ดี

เช่นนี้นางก็จะได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ และสามารถกำจัดมือขวาของราชครูไปได้

นอกจากนั้นยังสามารถสอดส่อง ว่ามีอีกกี่คนที่ให้ความสนใจในตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า และยังมีความเป็นไปได้ในการพบเบาะแสของฮ่องเต้ตัวจริงแห่งราชวงศ์เก่าอีกด้วย

และในท้ายที่สุด ก็ใช้ฮ่องเต้เป็นดั่งโล่กำบัง

เมื่อเป็นเช่นนี้……

หลานเยาเยาก็นับนิ้วมือ

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า?!

ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งห้าตัว แล้วเหตุใดนางจะไม่ทำเล่า?

ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อตาเฒ่าเย่นรู้เข้า จะไม่โมโห คว้ามีดปังตอมาไล่สับนางก็เป็นพอ

เมื่อคิดถึงตาเฒ่าเย่นที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา

อย่างไรก็ตาม!

นางมีความสามารถในการนำตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าออกมาได้ นางก็ต้องมีความสามารถนำตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าออกมาได้เช่นกัน

เช่นนั้น!

นางจึงเหาะขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว ย่องเบาไปยังที่ที่เหมาะสม จากนั้นก็เปิดแผ่นกระเบื้องหลังคาออก

ก็ได้เห็นฮ่องเต้ที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองลายมังกรประทับบนราชบัลลังก์ โดยสายตานั้นเอาแต่จับจ้องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าบนโต๊ะที่ส่องประกายแวววาว ด้วยใบหน้าอันชื่นมื่น

ส่วนเย่หลีเฉินที่สวมชุดรัชทายาทสีแดง ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะที่ทำขึ้นจากไม้มะฮอกกานีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ราชครูเป็นผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่อง เชี่ยวชาญทั้งเทหวัตถุบนฟากฟ้าและชัยภูมิ เสด็จพ่ออยากจะเชิญราชครูมาเป็นผู้เลือกฤกษ์ยาม เพื่อประกาศแก่ใต้หล้าให้รับรู้ข่าวคราวการกลับมาของตราราชลัญจกรหยก

อย่างไรก็ตามราชครูไม่อยู่ ฉะนั้นเสด็จพ่อจึงวางแผนฝากเรื่องนี้ไว้กับกรมธรรมการ

เจ้านั้นไม่ร่ำไม่เรียน ทำตัวสำมะเลเทเมา ยังดีที่ดีขึ้นมาบ้าง หากเจ้ามีความสามารถสักครึ่งหนึ่งของอ๋องเย่ เสด็จพ่อก็คงหมดกังวล”

รอยยิ้มจางๆบนหน้าของเย่หลีเฉินเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง

อ๋องเย่อีกแล้ว!

เขาเองก็ยอมรับว่าเทียบอ๋องเย่ไม่ติด คนนั้นที่มีอายุไล่เลี่ยกันกับเขาอย่างเสด็จอา

ทว่า……

หากเขามีความสามารถอย่างอ๋องเย่จริงๆ และยังมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ด้วยละก็ คนที่เสด็จพ่อต้องเกรงกลัวก็จะเป็นเขา

เนื่องด้วยเสด็จแม่

เสด็จพ่อเกือบจะถอดถอนบัลลังก์รัชทายาทของเขาไปแล้ว

ภายนอกนั้น เขาดูมีเส้นทางที่สว่างไสว ในสายตาของผู้คนใต้หล้า เขาเป็นดั่งองค์ชายหัวแก้วหัวแหวนของเสด็จพ่อ

แต่เบื้องหลัง……

น้ำเสียงนั่นมันใช้ไม่ได้ มันไร้ประโยชน์ เมื่อได้ยินพระองค์จู้จี้หูก็ชาขึ้นมา

หึ!

คาดหวังอยากให้เขาทำอะไรเป็นซะบ้าง แต่กลับไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับงานราชงานหลวงเลย มิให้สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย แล้วจะให้เขาทำอะไรเป็นได้อย่างไรกัน?

เขาครุ่นคิดอยู่ทุกวินาทีที่กระพริบตา

แต่ภายนอกกลับสงบนิ่งมิมีท่าทีใดๆ

“ที่เสด็จพ่อจะพูดก็คือ ลูกมันโง่เขลา ยังไงก็เทียบเสด็จอาไม่ติด”

“เอาล่ะๆ! ในเมื่อดีขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไร้ประโยชน์ งั้นเรื่องที่จะให้ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าเป็นที่ประจักษ์ เจ้าก็ไปจัดการร่วมกับกรมธรรมการก็แล้วกัน”

เมื่อเป็นเช่นนี้

เย่หลีเฉินก็แอบประหลาดใจ

จากนั้นลองคิดๆดูก็เข้าใจ เพียงแค่เลือกฤกษ์งามยามดีก็เท่านั้น……

“ยังมามึนอะไรอยู่อีกล่ะ?”

มองดูรัชทายาทที่ไม่เอาไหน ฮ่องเต้ก็ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก

เย่หลีเฉินได้สติ ก็รีบคารวะอย่างปิติพร้อมพูดว่า: “เป็นพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพ่อ!”

จากนั้นฮ่องเต้ก็ให้เย่หลีเฉินถอนตัวออกไป หลังจากนั้นก็ให้ฝู่เจ๋หลิ้งเฉิง(ทำหน้าที่ดูแลตราต่าง)และขันทีดูแลตราเปลี่ยนเวรกันคุ้มกันตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า

เมื่อเป็นเช่นนั้น!

ความสำคัญของตราราชลัญจกรหยก มีความสำคัญมากกว่าตราหยกชิ้นอื่นๆเป็นอย่างมาก

เช่นนั้นพระองค์จึงให้คนสองคนมาเปลี่ยนเวรคุ้มกัน ทั้งยังส่งกองกำลังมาคุ้มกัน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน

หลานเยาเยาเดินมาตามทางจากห้องจัดเตรียมภัตตาหารจนถึงตรงขันทีดูแลตรา ก็มองดูสถานที่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา มุมปากของนางก็ขยับเล็กน้อย

จะเฝ้าระวังอะไรขนาดนี้!

แต่อย่างไรก็ตาม……

นางก็อยากเอามันคืนมา ซึ่งก็มีหลากหลายหนทางเหมือนเคย

ยังไงคืนนี้นางก็ได้มาประมาณการดูไว้แล้วว่า ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าถูกวางไว้ที่ใด

เดิมทีคิดว่าฮ่องเต้จะต้องเก็บไว้ในที่ลับส่วนพระองค์ ไม่คิดว่าพระองค์จะเอาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่ามารวมไว้กับตราหยกชิ้นอื่นๆของพระองค์ แล้วให้ขันทีดูแลตรากับฝู่เจ๋หลิ้งเฉิงมาผลัดกันคุ้มกัน

แม้ว่าจะมีองครักษ์คุ้มกันอยู่ทุกๆชั้น

แต่ว่า……

พระองค์จะวางใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ?

หลานเยาเยารู้สึกว่าเรื่องมันไม่น่าจะง่ายถึงเพียงนั้น

ทันใดนั้น!

บรรยากาศอันเยือกเย็นก็แผ่เข้าปกคลุมนาง

นางหันไปมองในทันใด ก็เห็นเป็นเงามืดที่สูงบางซ่อนตัวอยู่ในความมืด แต่เห็นหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก

ดูท่าจะไม่ดี

หลานเยาเยาจึงรีบหนีออกมาในทันที

แต่เหมือนว่าจะสลัดเงามืดนั้นไม่พ้น ยังตามหลังนางมาในทุกๆย่างก้าว

เพื่อมิให้มีผู้ใดรับรู้มากขึ้น เช่นนั้นหลานเยาเยาจึงมุ่งไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกล

ไม่มีที่ไหนในพระราชวังที่ไกลหูไกลตานอกจากตำหนักเย็น

ตำหนักเย็นมิใช่เพียงแค่ห่างไกล แต่ยังร้างผู้คนอีกด้วย

ทว่า!

คนที่ตามหลังนางมาเหมือนจะรู้ทันความคิดของนาง ร่างนั้นจึงแว๊บตัวมาอยู่ด้านหน้านาง ขวางทางนางเอาไว้

หลานเยาเยาหรี่ตาลง

เข็มเงินสามเล่มปรากฏในมือทันที เหวี่ยงแขนออกไป มีดเงินทั้งสามเล่มพุ่งผ่านอากาศ เล็งเป้าไปที่หัวใจของเงามืดนั่น

ผู้ใดจะรู้ได้……

ว่าเงามืดจะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย คว้าเข็มเงินไว้ได้อย่างง่ายดาย

หลานเยาเยาตกตะลึง และขมวดคิ้วอย่างรุนแรง

ชิบหาย!

เมื่อเจอเข้ากับมือฉมัง ยิ่งชิ่งหนีไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เช่นนั้นนางจึงนำระเบิดควันออกมาอย่างไม่ต้องคิด ยังไม่ทันจะโยน ก็ได้เห็นว่าเงามืดนั้นหันมองไปทางอื่น

นางก็รีบมองตามสายตาเขาไปอย่างรวดเร็ว

แม่เจ้า!

องครักษ์ราดตระเวนของพระราชวัง

มองอย่างตกใจ เมื่อนางมองเห็นก็ปาระเบิดควันในทันที

เกือบจะพร้อมกันที่เงามืดได้ซ่อนตัวในความมืด อีกทั้งทั้งสองยังเห็นตรงกันโดยปริยาย เพราะได้หลบอยู่หลังต้นไม้ ไม่พูดไม่ขยับ เพียงยืนเงียบๆกันอยู่อย่างนั้น

เนื่องจากต่างคนต่างซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

พวกเขาทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันเป็นอย่างมาก ใกล้ขนาดที่หลานเยาเยาได้กลิ่นยาหอมที่ไม่สามารถอธิบายได้มาจากเรือนร่างของเขา

เขา………

ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย……

เช่นนั้นจึงเงยหน้าไปสบตากับเขา เป็นเพราะว่าอยู่ในที่มืด นางจึงเห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่นางก็รู้สึกได้ว่า เขาคนนั้นก็มองนางอยู่เช่นเดียวกัน

รอจนองครักษ์ราดตระเวนไกลออกไป

หลานเยาเยามิมีความหวั่นเกรงแต่อย่างใด

พวกเขาต่างหลบองครักษ์ราดตระเวนมาอยู่หลังต้นไม้ และยังยืนอยู่ที่เดียวกันอีก

นี่มันก็ชัดแล้วว่าแอบเข้าวังมา ถึงได้ไม่อยากให้องครักษ์เห็นเข้า และยังเป็นคนที่สนใจในตราหยกอีกด้วย

เช่นนั้น!

นางจึงหยิบมุกเย่หมิงออกมา เมื่อได้เห็นใบหน้าของเงามืดนั้น มือของนางก็สั่นโดยไม่รู้ตัว

เสื้อคลุมสีดำอันโดดเด่นอลังการ……

กลิ่นอายความเป็นกษัตริย์โดยธรรมชาติ……

รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาราวกับเทพเจ้า……

เย่แจ๋หยิ่ง!

ศัตรูคู่อาฆาตที่นางเกลียดเข้าไส้

“เจ้านี่เอง!”

แต่สายตาของเย่แจ๋หยิ่งกลับเลื่อนจากตัวนาง ไปยังมุกเย่หมิง

เมื่อได้เห็นมุกเย่หมิง

เย่แจ๋หยิ่งก็มีท่าทีเปลี่ยนไป จับมือของนางยึดไว้แน่น พลางพูดออกมาด้วยเสียงสุขุมนุ่มลึก:

“นี่มันของของข้า!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ตกใจ

แย่แล้วสิ

ด้วยความรีบร้อนเมื่อครู่ อยากจะเห็นว่าเขาเป็นใครกันแน่ ก็เลยหยิบมุกเย่หมิงออกมาส่องดู

จะไปรู้ได้ไงว่าเป็นเย่แจ๋หยิ่ง

เดิมทีมุกเย่หมิงนั้นเป็นของนาง ในตอนที่ประมูลกระเป๋าพยาบาลที่ร้านประมูลเสินตู เย่แจ๋หยิ่งได้ใช้มุกเย่หมิงลูกหนึ่งประมูลกระเป๋าพยาบาลของนางมา

เมื่อเป็นเช่นนั้น………

ก่อนที่มุกเย่หมิง จะเป็นของนาง มันเป็นของเย่แจ๋หยิ่ง

และดูเหมือนเย่แจ๋หยิ่งก็จะรู้จักมุกเย่หมิงลูกนี้……