บทที่ 249 จะปิดอะไรกัน?
เมื่อคำนั้นโพล่งออกมา โม่เหลียงเฉินก็ขาอ่อนหยวบจนเกือบจะล้มลงกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็เดินโซซัดโซเซไปตามลม เดินไปได้ไกลหน่อย ก็รีบเหาะตัวขึ้น เหมือนว่าหากเดินช้ากว่านี้ก็คงจะเดินต่อไม่ไหวแล้ว
“อ่าห้ะ!”
หลานเยาเยารู้ทันโม่เหลียงเฉินที่ได้เหาะออกไป
แค่เดินก็ยังจะไม่ไหว!
โม่เหลียงเฉินผู้ปราดเปรื่องคนนี้ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาซะเลย จะหาคนทั้งทีก็หาได้ถูกคนเหลือเกิน
แต่เป็นมันเป็นการรวบรวมข้อมูลนี่!
ใยเขาถึงได้ละเลยหน้าที่เช่นนี้?
โชคดีที่หลานเยาเยาไม่รู้ว่าโม่เหลียงเฉินมาเพื่อโปรยเสน่ห์ชายหนุ่ม มิเช่นนั้นจะต้องไล่ตีเขาสักยกเป็นแน่
นางเหม่อบนต้นไม้อยู่พักใหญ่ โดยแทะเมล็ดแตงโม กินผลไม้ แทะตีนเป็ด เติมเต็มช่องท้องจนอิ่มพลี
ตามองดูท้องฟ้าที่กำลังมืดลง
หลานเยาเยาใช้น้ำปรโลกล้างมืออย่างฟุ่มเฟือย
จากนั้นก็เดินไปทางด้านหน้าอย่างสบายอกสบายใจ ขณะที่นางเดินไป ก็พยักหน้าชื่นชมมาตลอดทาง
ก่อนที่จะสังเกตเห็น
ในขณะที่เดินชมอยู่นี้ จู่ๆก็นึกขึ้นได้ ว่าลานแห่งนี้ใหญ่พอๆกับจวนอ๋องเย่
อีกทั้งบริเวณรอบๆก็ยังยอดเยี่ยม
มีทั้งทะเลสาบเทียม ป่าไม้ผลพันธุ์เล็ก สวนไม้ดอก ตลอดจนอ่างน้ำพุ และทุกๆอย่างที่ต้องการ
ยอดเยี่ยมๆ
ด้วยความที่คนของฮ่องเต้ไม่เหมือนกัน มีมุมมองที่แตกต่างกัน
ในช่วงที่เพิ่งมาถึงลานด้านหน้า ลานด้านหน้าก็ถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน ดอกไม้ใบหญ้าบางส่วนที่ต้องตัดแต่ง ก็ถูกตัดแต่งเป็นระเบียบเรียบร้อย
องครักษ์ที่ถูกส่งมาช่วยก็ยังคงวุ่นวะวุ่นวาย
ส่วนจื่อซีและจื่อเฟิงที่อยู่กับนางมานานแล้ว ก็จะรู้งาน เมื่อพวกเขามาถึงจึงไปจัดการห้องหนังสือและห้องนอนก่อน ตามด้วยห้องครัว สถานที่เหล่านี้พวกเขาจะเป็นคนจัดการเอง
ส่วนสถานที่อื่นๆพวกเขาไม่จำเป็นต้องจัดการสิ่งใด เพราะได้ให้รัชทายาทนำคนมาช่วยจัดการแล้ว
แต่ว่า……
หลานเยาเยาที่ได้เดินไปเดินมา มิแม้แต่จะพบเงาของเย่หลีเฉิน ในแววตาจึงเกิดความสงสัย
ไปไหนแล้วล่ะ?
คงไม่ใช่ว่าลำบากไม่เป็นก็เลยหนีไปหรอกกระมัง?
เห้อ! หนีไปแล้วก็ช่างประไร!
จะอย่างไรนางก็ไม่ได้ลำบาก ถึงฮ่องเต้จะไม่ส่งเย่หลีเฉินมาช่วย นางก็หาทางให้คนมาช่วยได้อยู่ดี
อีกทั้งยังฟรีทุกอย่างอีกด้วย!
หลังจากนั้น นางก็เดินเชยชมที่ต่างๆด้วยความอิ่มเอมเป็นอย่างมาก
แต่แล้ว!
“กรอบแกรบ……”
มีคน……
ณ หน้าห้องที่ถูกปิดสนิท หลานเยาเยาหยุดก้าวเดิน จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปตรงประตู อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง
มีคนอยู่ข้างใน!
ที่ตรงนี้ค่อนข้างไกลจากลานด้านหน้า เหล่าองครักษ์ก็ยังไม่ได้มาปัดกวาดที่แห่งนี้ รอบๆก็ไม่มีคน
หรือว่าจะมีคนมาสืบความลับของนางอีกแล้ว?
หึ!
นางถอยหลังอย่างรวดเร็ว คราวนี้นางจะดูสักหน่อยว่าคนที่มามันเป็นผู้ใด
เช่นนั้น นางจึงตั้งใจจะทำเสียงดัง แล้วฉวยโอกาสในตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว เสียง“ปัง” ดังขึ้น ในขณะที่ถีบประตูให้เปิดออก
ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นสุดเกินจะบรรยาย……
เรือนร่างแน่นกระชับ ของชายร่างสูงที่ไร้เสื้อผ้า กำลังยืนเปลือยกายอยู่ตรงนั้น ซึ่งดูเหมือนกำลังจะยกถังน้ำอุ่นเทลงบนร่างกายของเขา……
และคนคนนั้นก็มิใช่ใครอื่น เป็นเย่หลีเฉินที่หลานเยาเยาคิดว่าหนีไปแล้ว
เอ่อ……
โชคดีไปที่ไม่ใช่ใครอื่น!
เย่หลีเฉินที่อยู่ในห้องตกใจเพราะเสียงประตูที่จู่ๆก็ถูกถีบออก จึงรีบมองไปตรงประตูในทันใด ก็ได้เห็นเทพธิดาผู้งดงามน่าหลงใหลยืนอยู่ตรงประตู ด้วยมุมปากที่เผยอ
เขารีบปิดร่างกายส่วนร่างตามสัญชาตญาณในทันที
“อุจาดตาเสียนี่กระไร!”
หลังจากหลานเยาเยาพูดคำนี้ออกมาอย่างเรียบนิ่ง ก็หันหลัง
และจากไปด้วยท่าทีอันโอหัง
ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้เห็นสิ่งใดเลย
ทำเอาเย่หลีเฉินที่อยู่ในห้องรู้สึกอึดอัดจับใจ
ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาเป็นถึงรัชทายาทผู้สง่างามของประเทศ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาของเขา ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้เห็นเป็นต้องหน้าแดงใจเต้นรัวมิใช่รึ?
แต่เทพธิดา……
กลับเมินเฉยทันควัน
เป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดผิดมนุษย์มนา หรือว่านางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกกันนะ?
เย่หลีเฉินเหลือบมองที่ที่เขาปิดไว้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนออกมา
จะปิดอะไร?
เทพธิดานางอยากเห็นเสียที่ไหนกัน
……
ถึงเวลาทานอาหารเย็น หลานเยาเยาก็มีเจตนาอันดีแยกอาหารมื้อค่ำไว้ให้เย่หลีเฉิน
เย่หลีเฉินเห็นใบหน้าที่นิ่งสงบของเทพธิดา ดูไม่ใส่ใจสิ่งใด จะเคอะเขินสักหน่อยก็ไม่มี
ราวกับว่าคนที่เห็นเขาอาบน้ำนั้นไม่ใช่นางซะอย่างงั้น
เย่หลีเฉินคิดๆดู เทพธิดานางก็เป็นเพียงหญิงสาว นางยังไม่รู้สึกเคอะเขินแต่อย่างใด เช่นนั้นเขาจะเคอะเขินไปใย?
“อะแฮ่มๆ”
เขาไอเล็กน้อย กำลังจะไปนั่ง แต่ก่อนที่จะนั่งลง ก็ถูกขันทีที่อยู่ในวังเชิญตัวไป
เมื่อเย่หลีเฉินออกไป!
จื่อเฟิงก็ก้าวมาด้านหน้า: “คุณหนู พร้อมแล้วขอรับ”
“อื้อ!” หลานเยาเยามองไปบนท้องฟ้า พลางพูดเรียบๆว่า: “จื่อซี ร่างของเย่หลีเฉินนั้นโดนของแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ คุณหนู ตามคำสั่งของท่าน จื่อซีได้นำขี้ฝุ่นไปโปรยใส่ร่างของรัชทายาท จากนั้นก็ใส่ผงที่ไร้กลิ่นไร้สีใส่ลงในน้ำที่เขาใช้อาบ”
แม้จื่อเฟิงจะไม่รู้ว่าคุณหนูจะทำการใด
แต่ทุกๆเรื่องที่คุณหนูให้พวกเขาทำมักมีจุดประสงค์อยู่เสมอ
“ดี เดี๋ยวค่ำหน่อย พวกเจ้าก็ไปจัดการพวกสอดแนมนอกจวนได้ตามสบาย”
จัดการได้ตามสบายในที่นี้คือ อยากฆ่าก็ฆ่า อยากจะรีดถามก็ทำ
ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพวกเขาแล้ว
ในเมื่อส่งคนมาสอดแนมเยอะปานนั้น ถึงจะฆ่าพวกสอดแนมทิ้งไปก็ไม่เห็นเป็นไร ใครเป็นคนสั่งให้มาสอดแนมแจ่มแจ้งขนาดนี้กันล่ะ!
และหลังจากวันนี้ไป
คนทั้งเมืองหลวง ก็จะได้รู้ว่านางเป็นเทพธิดาที่บ้าคลั่งและก้าวร้าวเป็นอย่างมาก
ใช่!
นางบ้าคลั่ง
เพราะนางบ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ขอรับ”
ท้องฟ้าอันมืดมิด
หลานเยาเยาเปลี่ยนเป็นชุดคลุมรัตติกาล จื่อซีที่พร้อมลุยก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีอันเป็นกังวล
“คุณหนู ท่านจะไปคนเดียวจริงๆหรือขอรับ?”
พระราชวังมีการคุ้มกันที่แน่นหนา หาได้มีเพียงองครักษ์ที่ถูกฝึกมาเพื่อคุ้มกันไม่ ทั้งยังมีนักฆ่ามือฉมังของฮ่องเต้ที่ซ่อนตัวอยู่ มันอันตรายมากๆ
เขารู้สึกไม่วางใจ!
หากคุณหนูถูกพบเข้า ความพยายามก่อนหน้านี้ของคุณหนูก็จะสูญเปล่า
“วางใจเถอะ! มันใช่ครั้งแรกซะที่ไหนกัน ข้าจัดการเองได้ ยิ่งคนเยอะก็จะยิ่งตกเป็นเป้า เอาผีเสื้อพระมหากษัตริมาให้ข้ามา!”
ผีเสื้อพระมหากษัตริเป็นผีเสื้อที่แสนงดงามชนิดหนึ่ง
สามารถรับรู้กลิ่นได้ไกลเป็นพันไมล์ เป็นเหตุที่เมื่อกลางวัน ให้จื่อซีป้ายยาใส่เย่หลีเฉิน ร่างของเย่หลีเฉินก็จะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นที่ผีเสื้อพระมหากษัตริชอบ ซึ่งจะเป็นเรื่องง่ายในการติดตาม
จื่อซีก็ไม่ได้ยืดยาดแต่อย่างใด
หลังจากเอาขวดระบายอากาศที่มีผีเสื้อพระมหากษัตริให้นาง เขากับจื่อเฟิงก็ออกไปกันก่อน จัดการพวกสอดแนมที่ด้านนอกจวน
หลานเยาเยาเฝ้ารอในห้องอยู่หนึ่งชั่วยาม
เมื่อได้เวลาอันสมควร ก็ออกมาจากห้อง แล้วไปยังลานด้านหลัง
หลังจากข้ามกำแพงมา ก็พบว่าพวกสอดแนมหายไปหมดแล้ว จึงได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
หลานเยาเยาในชุดคลุมรัตติกาล ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เคลื่อนไหวด้วยเรือนร่างอันแข็งแกร่งอย่างอิสระ
ในไม่ช้า ก็มาถึงพระราชวัง
เหตุที่วันนี้ได้ค้นพบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า เช่นนั้นองครักษ์ที่ประตูวังจึงเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว
ดังนั้น นางจึงจะไม่เข้าไปทางประตูวัง
แต่จะข้ามกำแพงวังที่สูงตระหง่านเข้าไปแทน
เช่นนั้น!
หลานเยาเยาจึงเหลือบมองบนข้อมือ ซึ่งมีกำไลข้อมือกลไกที่ตาแก่ทำขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือไปทางด้านบนสุดของกำแพงวัง พลางกดลงไปอย่างเบามือ เส้นด้ายสีเงินที่เรียวยาวยิงไปตรงกำแพงวังในทันที ที่ยิ่งไปกว่านั้นมันยังยึดติดกับผนังได้อย่างหนาแน่น
จากนั้นนางก็กดเบาๆอีกครั้ง
ถึงแม้จะไม่มีวิชาตัวเบา นางก็สามารถไต่ขึ้นมาบนกำแพงวังได้อย่างง่ายดาย