บทที่ 248 แค่บังเอิญผ่านมา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 248 แค่บังเอิญผ่านมา

แม้ว่าสุดท้ายจะไม่พบสิ่งใด

แต่คำสั่งที่ให้ไปตามหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า ด้วยเหตุที่หย่อนยานในหน้าที่ ทั้งยังปัดความรับผิดชอบ เช่นนั้นจึงจะถูกสอบสวนอย่างละเอียด

ส่วนเฉียนตุ้นในฐานะไส้ศึกแห่งราชวงศ์เก่า ก็โดนฮ่องเต้สั่งประหารชีวิตทั้งชั่วโคตร

หลานเยาเยาในฐานะเทพธิดา ด้วยคุณงามความดีในการเสาะหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า ฮ่องเต้จึงพระราชทานตำหนักหนึ่งหลังให้แก่นาง และพระราชทานนามว่าตำหนักเทพธิดา ทั้งยังพระราชทานแก้วแหวนเงินทองและผ้าไหมที่งามวิจิตรให้มากมายก่ายกอง

เดิมทียังอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้แก่นาง

แต่ว่า……

คนที่กินเก่งดื่มเก่งอย่างหลานเยาเยา ก็ไม่ได้จะรับเอาไว้

อย่างไรก็ตาม!

นางได้ยกเรื่องตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าขึ้นมาในการพบปะแล้ว จะไปกินอาหารที่งานรื่นเริงนั่นด้วยเหตุอันใด?

นางเชื่อว่า ฮ่องเต้เองก็ไม่มีอารมณ์เช่นกัน!

ถึงแม้ว่าเขาจะพบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าที่ใฝ่ฝันแล้ว แต่พระองค์ก็คิดว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเป็นผู้จงรักภักดี

คนหนึ่งกลับเป็นไส้ศึกของราชวงศ์เก่า

อีกคนก็ถูกปลดด้วยความกริ้วโกรธ

สิ่งที่ฮ่องเต้เป็นกังวลมากที่สุดในเพลานี้ ก็คือคนอื่นๆเหล่านั้นที่พระองค์คิดว่าภักดีต่อพระองค์ หากมิได้ภักดีอย่างที่พระองค์คิดล่ะ?

จากการคาดเดา!

ตอนนี้ไม่ว่าพระองค์จะมองไปที่ผู้ใดก็ดูน่าสงสัยกันไปหมด

ดังนั้นหลังจากครานี้ไป……

นางจะใช้โอกาสก่อนที่ราชครูจะกลับมายังเมืองหลวง ทำให้ฮ่องเต้เชื่อนางอย่างสนิทใจ

และแล้ว ก็เผชิญกับช่วงที่ฮ่องเต้จะจัดงานเลี้ยงภัตตาหารเป็นการต้อนรับให้แก่นาง นางจึงแสดงออกทันทีว่าเหนื่อยมากแล้ว

ฮ่องเต้ก็หมดหนทาง พูดได้แค่ว่า ไว้จัดงานวันหลังแล้วกัน

จากนั้นก็ถอนตัวออกมา

หลังออกมาจากพระราชวัง หลานเยาเยาก็เตรียมตัวจะขึ้นรถม้ามุ่งไปยังจวนที่ฮ่องเต้พระราชทาน

“เทพธิดา ช้าก่อน!”

เหมือนว่าจะมีเสียงใสดั่งหินหยกดังขึ้น หลานเยาเยาที่นั่งในรถม้าก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เปิดผ้าโปร่งสีแดง พลางถามว่า:

“รัชทายาทมีสิ่งใดฤา?”

ความประทับใจในใจของนางที่มีต่อเย่หลีเฉินนั้น ไม่ดีมาตลอด

เขากับหลานชิวหยุนสมรู้ร่วมคิดกันฆ่าเจ้าของร่างเดิม ทั้งยังเคยรังเกียจความไม่สวยของนางเป็นอย่างมาก

เพลานี้!

นางกลับมาอย่างน่าทึ่ง เปลี่ยนยศเปลี่ยนศักดิ์ไปแล้ว แน่นอนว่านางก็ต้อง “ทำดี” กับเขาเสียหน่อย

“ข้าได้รับคำสั่งจากเสด็จพ่อ ให้ไปส่งเทพธิดากลับจวน หากเทพธิดาต้องการสิ่งใดสามารถบอกได้โดยไม่ต้องเกรงใจ”

ในโถงวันนี้ เทพธิดาเฉียบสุดๆ

การพูดอย่างยโสโอหัง จนเสด็จพ่อมิอาจละสายตาไปจากนาง พูดคำง่ายๆไม่กี่คำ ก็ทำให้ไส้ศึกที่ซ่อนตัวอยู่ข้างกายของเสด็จพ่อเป็นที่ประจักษ์

ทั้งยังบังเอิญทำให้สิงปู้ช่างชูไปพบเข้ากับตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าอีกด้วย

เป็นผู้ที่น่าตกตะลึงเสียจริง!

เพียงแต่……

แต่เทพธิดาที่น่าหลงใหลองค์นี้ลึกลับจนเกินไป

เขามองนางไม่ออกเลยจริงๆ……

“ท่านมาได้ถูกเวลาจริงเชียว ข้ากำลังจะไปยังจวนที่ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่ข้า เป็นกังวลว่าจะไม่มีคนทำความสะอาดจวน เช่นนั้นก็ต้องรบกวนองค์รัชทายาททำความสะอาดให้แล้วล่ะ”

พูดจบ หลานเยาเยาก็ลูบไล้ผมที่ห้อยมาด้านหน้า พลางจ้องมองเย่หลีเฉินพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

เหตุที่ฮ่องเต้ส่งเย่หลีเฉินมา คิดว่านางจะไม่เข้าใจงั้นสิ?

นางหาได้มีความสนใจในตัวเย่หลีเฉินไม่ แต่ด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว นางก็ต้องจำใจสื่อสารกับเขา

แต่ก็ไม่เป็นปัญหา!

ไม่ใช่ว่าเขาจะไปส่งนางที่จวนพระราชทานอยู่แล้วหรอกรึ? เช่นนั้นก็จับเขามาชะล้างสักหน่อย

“……แค่ก! ไม่ลำบาก!”

แม้เย่หลีเฉินจะเก็บสีหน้าไม่อยู่เล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไร!

เขาก็เป็นองค์รัชทายาทแห่งประเทศก่วงส้าที่ไม่ยำเกรงผู้ใด เป็นคนที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ในอนาคต

เขาจะไปทำงานของพวกทาสได้อย่างไรกัน?

แต่……

เขาก็ยังฝืนใจตอบรับกลับมา

เมื่อครู่เขาบอกว่ามีปัญหาใดให้บอก เมื่อเทพธิดาบอกมา เขาจะกลับคำได้อย่างไรกัน?

จะอย่างไรเสีย!

ในเพลานี้เขาเป็นดั่งตัวแทนใบหน้าของเสด็จพ่อ

เช่นนั้น พวกเขาจึงเรียงกันขึ้นรถม้าไปทีละคน เพื่อไปยังจวนพระราชทาน

เดิมทีเย่หลีเฉินคิดเพียงว่าสั่งองครักษ์มาเพิ่มอีกสักหน่อย ครู่เดียวจวนก็สะอาด โดยที่ไม่ต้องลงมือทำเอง

แต่!

ความจริงมันยิ่งกว่าที่เขาคิด

เมื่อเข้ามาในจวน หลานเยาเยาก็ให้จื่อเฟิงเอาไม้กวาดมาให้เขา

ส่วนนางเองก็ทำเป็นเช็ดถูโต๊ะ

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

เย่หลีเฉินก็มีท่าทีบางอย่าง มองดูเทพธิดาที่เริ่มเช็ดโต๊ะ แล้วหันมามองไม้กวาดของตน……

เทพธิดาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพก็ยังลงมือทำเอง เขาเป็นเพียงรัชทายาท ทั้งยังเป็นผู้ชาย แต่ก็สู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้อย่างงั้นรึ?

เช่นนั้น ความฮึกเหิมก็เกิดขึ้นในใจ

จึงหยิบไม้กวาดมาปัดกวาดพื้น ในขณะที่เย่หลีเฉินมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน หลานเยาเยาก็หายแว๊บ มาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่สวนด้านหลัง แล้วหยิบเมล็ดแตงโมจากแขนเสื้อมาแทะๆๆ

กินไปแทะไป

หลานเยาเยาถือเมล็ดแตงโมไว้มือนึง

จากนั้นก็เอามือเข้าไปในแขนเสื้อหยิบแอปเปิ้ลจากในระบบออกมา

หลังจากหยิบออกมาแล้ว นางก็โยนไปทางต้นไม้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว……

“โอ้ย……”

เมื่อได้ยินเสียงร้องที่เจ็บปวด จึงได้ลงมาจากต้นไม้ใหญ่

มีเสียง“ตุ๊บ” พร้อมเสียงอู้อี้อันเจ็บปวด

หลานเยาเยาจ้องมองคนที่นางทำให้ตกลงมาอย่างสนอกสนใจ

นางอยากจะดูสักหน่อย ว่าผู้ใดกันมาด้อมๆมองๆนาง

ไม่ดูไม่ได้ เมื่อได้เห็น ก็เกือบจะหัวเราะเหมือนหมูออกมา

คนที่กลิ้งอยู่บนพื้นนั้นมิใช่โม่เหลียงเฉินหรอกรึ?

ชะตาคนมันจะโดนอะเนอะ!

ช่วงที่ผ่านมา เขาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษหัวขโมย และนางก็ได้ทุบเขาด้วยผลไม้ป่าอย่างเหี้ยมโหด

ในเพลานี้นางได้เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่ง และก็มาทุบเขาด้วยผลไม้อีกครั้ง

หึ!

มันคือผลแห่งกรรมนี่เอง

ผู้ใดสั่งให้เขายกนางเป็นหลังคาบังฝนจนเปียกปอนกันล่ะ? เรื่องนี้นางก็ยังไม่ได้เอาคืนเลยนะ!

ในโอกาสอันดีเช่นนี้

ดังนั้น……

“อะแฮ่มอะแฮ่ม!”

นางตั้งใจที่จะไอออกมา แต่ก็ได้เห็นโม่เหลียงเฉินใช้พลังในการลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผม เอนกายอิงต้นไม้ใหญ่ด้วยความรู้สึกดีในความเทพเท่ของตัวเอง

ทันใดนั้น!

ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง จากนั้นก็ขยี้ตา แล้วก็เบิกตากว้างอีก แล้วก็ขยี้ตาอีก

“ไปไหนแล้วล่ะ?”

เมื่อครู่ไม่ได้นั่งอยู่บนต้นไม้หรอกรึ?

หรือว่าเขาจะตาพร่าเพราะโดนผลไม้หล่นใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว?

เขามองดูอีกสองสามครั้ง หลังจากที่ไม่เห็นใครแล้วจริงๆ โม่เหลียงเฉินก็เอื้อมมือมาขยี้ตาข้างนึง แล้วใบหน้าของเขาก็ยู่ยี่ด้วยความเจ็บใจ

ไม่มีคนสักหน่อย เขาจะแอ็คอยู่ทำไม?

เช่นนั้น จึงรีบหันหลังกลับ

จู่ๆใบหน้าอันน่าหลงใหลก็ปรากฏตรงหน้า โดยขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดวงตาที่เฉียบแหลม!

ภาพลักษณ์อันทรงเสน่ห์!

รอยยิ้มบางๆที่แปลกประหลาด……

“กรี๊ด……”

โม่เหลียงเฉินระเบิดความกลัวจนตัวโก่งอย่างกับแมว เด้งตัวออกไปหลายสิบเมตรในพริบตา ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง

คนหรือผีวะเนี้ย?

หลอนเกินคนไปแล้ว!

กำลังภายในของเทพธิดามีมากมายเพียงใดกัน? จู่ๆจะมาโผล่อยู่หลังเขาเงียบๆได้อย่างไร?

“ไม่ใช่ว่ากำลังมองหาข้าอยู่หรอกรึ? ดูเหมือนท่านจะกลัวนะ ขวัญหายหมดแล้วมั้งนี่”

หลานเยาเยาเหาะขึ้นไปบนกิ่งไม้ทันที พลางพูดต่อว่า:

“ท่านมาหาที่ตายหรือไร?”

โดยปกติแล้วนางจะไม่แสดงพละกำลังภายในของตนเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเจอกับโม่เหลียงเฉิน นางต้องเผยมันออกมา

ก็เพราะว่า!

โม่เหลียงเฉินเป็นคนของเย่แจ๋หยิ่ง

โม่เหลียงเฉินที่ยังหลอนไม่หาย ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายสงบจิตสงบใจ

เทพธิดา ช่างงดงาม งามเหลือเกิน!

แต่ว่า น่ากลัวไปหน่อย

ในสายตาของโม่เหลียงเฉิน ณ ตอนนี้ เทพธิดาเป็นดั่งปีศาจร้าย ที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อเขาได้ในคำเดียวอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น!

เขาจึงได้ลืมไปแล้วว่าตนมาที่นี่เพื่อสิ่งใด

“ไม่ใช่ๆ แค่ผ่านมา แค่เผอิญผ่านมาจริงๆ ท่านอย่าได้ถือสาเลย!”

พูดจบ เขาก็หันหลังไป ทำท่าเก๋าเกมเดินจากไป

“……”

เอ่อ……

โม่เหลียงเชิงเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อใดกัน เมื่อก่อนไม่ได้เป็นคนก้าวร้าวหรอกรึ?

หึหึ!

วันพระไม่ได้มีหนเดียว และปีนี้มันก็มาถึงที่พำนักของข้า

“บ๊ายบาย ท่านชายเหลียงเฉิน ค่ำๆจะแต่งผีไปหลอกเจ้านะ!”