บทที่ 115 เรียกอาสะใภ้สาม อายุยืนหมื่นปี

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

เฟิงหานชวนตกใจทันที

เมื่อเฉินฮวนฮวนถามเช่นนี้ออกมา ในใจเธอยังนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ใช่ไหม?

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้เขาทำกับเฉินฮวนฮวนเกินไปจริงๆ ตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็รู้สึกว่าเขาโหดร้ายกับเฉินฮวนฮวนขนาดนั้นได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงตอนเธอถืออัฐิของคุณยาย และร้องไห้อย่างน่าสงสาร เขาก็ยังพูดจาหยาบคายกับเธอ

เมื่อนึกถึงตอนเธอมองหลิวตงรุ่ยด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขายังสงสัยว่าเธอหลอกเขา และพูดจาดูถูกเธอทุกคำ

เมื่อนึกถึงการกระทำอันชั่วร้ายของตัวเองก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ตอบ เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน และก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะถามเสียงเบาราวกับกระซิบว่า “คุณรู้สึกละอายใจต่อฉันใช่ไหม คุณถึงอยากทดลองแต่งงานกับฉัน?”

ถ้าจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่นายท่านตระกูลเฟิงยัดเยียดให้เฟิงหานชวน ระหว่างเธอและเฟิงหานชวนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน แม้กระทั่งก่อนหน้านี้พวกเขายังมีปากเสียงกันจนไม่มีความสุข

เฟิงหานชวนเป็นฝ่ายอยากทดลองแต่งงานกับเธอก่อน ถ้าไม่รู้สึกละอายใจต่อเธอ ก็คงอยากชดเชยให้กับเธอ ถ้าไม่อยากขัดความตั้งใจนายท่านตระกูลเฟิง ก็คงเป็นทั้งสองเหตุผล

“ฮวนฮวน” เฟิงหานชวนรู้สึกจุกแน่นอยู่ที่ลำคอเล็กน้อย

เขารู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องเคลือบแคลงใจอย่างแน่นอน อันที่จริงช่วงที่ผ่านมานี้ เขาปฏิบัติต่อเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ เดิมทีเขาก็อยากเปิดเผยความสัมพันธ์กับเธอ และมาเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ แต่เขากลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะสงสัย เขาถึงได้เสนอให้ทดลองแต่งงานกัน

“หลังจากช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมก็รู้ตัวเองว่าก่อนหน้านี้เอาแต่โทษคุณ ผมพบว่าคุณเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมาก ไม่ใช่เพราะผมละอายใจต่อคุณ แต่ผมอยากทดลองแต่งงานกับคุณจริงๆ” เฟิงหานชวนตอบอย่างจริงจัง เขาจริงจังกว่าทุกช่วงเวลาก่อนหน้านี้

“ถ้าการทดลองแต่งงานระหว่างเราเข้ากันได้ดี มีผู้หญิงแบบคุณมาเป็นภรรยาของผม ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก”

เฉินฮวนฮวนถึงกับนิ่งอึ้งไป ในเวลาเดียวกันเธอก็เชื่อคำพูดของเฟิงหานชวน

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้เธอเชื่อมั่นอย่างมาก ไม่ใช่การเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เธอเชื่อจริงๆ

ก่อนหน้านี้ เฟิงหานชวนเข้าใจผิดเธอ ดังนั้นเขาถึงร้ายกาจกับเธอขนาดนั้น ตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดได้รับการอธิบายจนเข้าใจกระจ่างแล้ว เฟิงหานชวนก็ไม่เคยร้ายกาจกับเธออีกเลย

แม้กระทั่ง เขายังช่วยเธอแย่งคฤหาสน์กลับคืนมา และยังช่วยเธอสั่งสอนคนตระกูลเฉิน

จะเห็นได้ว่า เฟิงหานชวนอยากทดลองแต่งงานกับเธอจริงๆ

เฉินฮวนฮวนแอบมองเขาแวบหนึ่ง พบว่าเฟิงหานชวนกำลังจับจ้องเธออยู่ เธอรีบก้มหน้างุดอีกครั้ง เธอเพียงรู้สึกว่าพวงแก้มทั้งสองกำลังขึ้นสีแดงก่ำด้วยเลือดฝาด

ดูเหมือนว่าเธอจะเขินอายเล็กน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายที่มีเสน่ห์มากอย่างเฟิงหานชวน เพิ่งจะกล่าวถ้อยคำจริงจังและให้เกียรติเธอออกมา ช่างยากเกินกว่าเธอจะต้านทานเขาไหว

ความรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ในใจส่วนลึกของเฉินฮวนฮวนได้พองฟูขึ้นมา

“ฮวนฮวน เชื่อผมไหม?” เฟิงหานชวนเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ตอบ อันที่จริงใจเขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย

สาเหตุที่เขาปฏิเสธที่จะบอกความจริงเรื่องบลูส์คลับคืนนั้น เป็นเพราะว่าเขากลัวจะทำลายความไว้วางใจที่ยากจะสร้างขึ้นระหว่างตัวเองกับเฉินฮวนฮวน

เขาต้องการปกปิดเรื่องนั้นไว้อย่างนั้น และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเฉินฮวนฮวนในฐานะ “เฟิงหานชวน” อย่างสง่าผ่าเผย

ตอนนี้เขาเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน ไม่ใช่อาชญากรในคืนนั้น

“ฉัน…” เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาลึกล้ำที่ฉายแววจริงจังคู่นั้น เธอพยักหน้าน้อยๆ มือทั้งสองข้างสอดประสานเข้าด้วยกัน

เฉินฮวนฮวนสูดหายใจเข้าลึก และกล่าวว่า “ฉันเชื่อคุณค่ะ”

เสียงนุ่มละมุนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านหัวใจ เฟิงหานชวนรู้สึกสดชื่น ราวกับว่าตัวโล่งเบาสบาย ไม่อึดอัด มากจนกระทั่งมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ตอนนี้ผมเป็นสามีของคุณ ทุกเรื่องที่ผมพูดหรือทำ จะไม่มีการปิดบังคุณ” เฟิงหานชวนกล่าวด้วยความมั่นใจ

นอกจากเรื่องที่บลูส์คลับในคืนนั้น เขาจะไม่ปิดปังอะไรเฉินฮวนฮวนอีกแล้ว

“อืม ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็จะไม่ปิดบังคุณค่ะ” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะตอบอย่างเขินอายเล็กน้อย

“ครับ” เฟิงหานชวนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วสตาร์ทรถ

……

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ร้านกาแฟสุดโรแมนติกร้านหนึ่ง

ทันทีที่เฟิงหานชวนจูงมือเฉินฮวนฮวนเดินเข้าไป เฟิงเฉินเหยี่ยนก็รีบวิ่งเข้ามา

“อาสาม! ฮวนฮวน!” เขาตะโกนเรียกเสียงดัง ดึงดูดความสนใจจากสายตาของลูกค้าคนอื่นเป็นอย่างมาก

“หุบปาก” เฟิงหานชวนเอ่ยตำหนิ

เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากทันที และเอ่ยบอกเสียงเบาว่า “ผมจองห้องไว้แล้ว พวกอาตามผมมา”

ขณะที่พูด เขาก็เดินนำทางไปข้างหน้า

ห้านาทีต่อมา ทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านกาแฟ

“ฮวนฮวน ที่ผ่านมาผมขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง คุณปู่ให้ผมแกล้งเป็นสามีคุณ ผมก็ได้แต่ทำตามคำสั่ง ผมขอโทษจริงๆ!”

ทันทีที่เฉินฮวนฮวนนั่งลง เฟิงเฉินเหยี่ยนก็โค้งคำนับให้กับเธอที่อยู่ตรงหน้า ขอโทษเธอด้วยความจริงใจ

“คุณไม่ต้อง…ไม่ต้องขอโทษฉัน ฉัน…ฉันไม่โทษคุณหรอกค่ะ” เฉินฮวนฮวนลุกขึ้นจากที่นั่ง รีบโบกมือไปมาเชิงไม่เป็นไร

แม้ว่าตอนนี้เธอเป็นอาสะใภ้สามของเฟิงเฉินเหยี่ยน ทว่าเธอก็ยังอายุน้อยกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนสี่ห้าปี เฟิงเฉินเหยี่ยนที่อายุมากกว่าตัวเองโค้งคำนับให้กับเธอ เธอรู้สึกประหม่าจนวางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

“จริงเหรอ? ผมคิดว่าคุณจะด่าผมซะอีก!” เฟิงเฉินเหยี่ยนหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็นั่งลง และกล่าวกับเฉินฮวนฮวนว่า “ฮวนฮวน รีบนั่ง รีบนั่ง อยากดื่มอะไรสั่งเต็มที่เลย กาแฟกับน้ำผลไม้ของที่นี่อร่อยมาก แถมยังมีของหวานกับอาหารอาหารตะวันตกเยอะมาก เรามาจัดมื้อกลางวันที่นี่กันเถอะ!”

“ฉันไม่ด่าคุณหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณ” เฉินฮวนฮวนอธิบายด้วยความประหม่าเล็กน้อย

“ฮวนฮวน ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าอย่างนั้นเป็นความผิดของผมเหรอ?” เฟิงหานชวนขยับเข้าใกล้เฉินฮวนฮวน และถามอย่างมีเลศนัยที่ข้างใบหูของเธอ

เฉินฮวนฮวนเหลือบมองเฟิงเฉินเหยี่ยนที่อยู่ตรงข้าม พบว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนกำลังมองพวกเขาตาไม่กระพริบ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

เฟิงเฉินเหยี่ยนยังนั่งอยู่ตรงข้าม ทำไมเฟิงหานชวนต้องพูดกับเธออย่างมีเลศนัยขนาดนี้ด้วยนะ!

“ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนเริ่มพูดจาสลับมั่วไปมาไม่เป็นขั้นเป็นตอน

“อาสาม อาลวนลามฮวนฮวนแบบนี้อีก เธอจะตกใจกลัววิ่งหนีได้นะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนกล่าว พลางขยิบตาใส่เฉินฮวนฮวน และถามอย่างจงใจ “ฮวนฮวน ตอนนี้อาสามเกาะติดคุณเป็นพิเศษเลยใช่ไหม?”

“หะ?” ดวงตาของเฉินฮวนฮวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนจะถามคำถามแบบนี้ออกมาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

ใบหน้าของเธอแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม เธออ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร

หากไม่ตอบก็ไม่มีมารยาท หากจะตอบกลับไป เธอก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ถึงอย่างไรคำถามนี้ช่าง…แปลกมากจริงๆ

“อาเหยี่ยน อย่าทำเป็นไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เรียกอาสะใภ้” ในเวลานี้เอง เฟิงหานเอ่ยขัดจังหวะบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเล็กน้อย

“โอ้ ก็ได้ครับ งั้นต่อไปนี้ผมจะเรียกฮวนฮวนว่าอาสะใภ้” แน่นอนว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เขาไม่กล้าขัดใจอาสามของเขา อย่างไรเสียตอนเด็กเขาก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากอาสามมาไม่น้อย

ตรงกันข้าม คนที่เขาชื่นชมมาตั้งแต่เด็กกลับไม่ใช่พ่อของเขา ทว่าเป็นอาสามที่อายุมากกว่าเขาเพียงห้าปีเท่านั้น

“แต่ว่า…” เฟิงเฉินเหยี่ยนกลอกตาไปมา แล้วมองไปยังเฉินฮวนฮวน ก่อนจะถามขึ้นว่า “ฮวนฮวน ผมเรียกคุณว่าอาสะใภ้สาม จะทำให้คุณแก่ไหม?”

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเฟิงเฉินหยี่ยนเรียกเธอว่าฮวนฮวน เธอเกาศีรษะ และตอบด้วยความประหม่าเล็กน้อย “ไม่อย่างนั้น คุณเรียกชื่อฉันก็ได้นะ”

สุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าการทดลองแต่งงานของตัวเองกับเฟิงหานชวนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เธอจึงไม่ให้เฟิงเฉินเหยี่ยนเปลี่ยนคำเรียก

อีกอย่าง อาสะใภ้สาม อาสะใภ้สาม เมื่อถูกเรียกเช่นนี้ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นป้าไปเสียแล้ว

“อาสาม อาดูสิ ฮวนฮวนก็ให้เรียกเธอด้วยชื่อเธอ อาสะใภ้สามไม่น่าฟังเลย!” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองไปยังอาสามของตนเอง และเลิกคิ้วอย่างอวดดี

นี่เป็นชัยชนะเดียวของเขา

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็ไม่เคยเอาชนะเฟิงหานชวนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือเรื่องอะไรก็ตาม

เพียงครั้งนี้ ระหว่างคำเรียกสองคำนี้ “ฮวนฮวนกับอาสะใภ้สาม” เขาถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว

เพราะว่า เฉินฮวนฮวนเลือก “ฮวนฮวน”

“หุบปาก!” เฟิงหานชวนตวาดเสียงเย็นเยือก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเล็กน้อย

เฟิงเฉินเหยี่ยนปิดปากของเขาทันที

เมื่อมองเฟิงหานชวนและเฟิงเฉินเหยี่ยน เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่มีความผิดเลยสักนิด เขาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับถูกเฟิงหานชวนว่ากล่าวเสียแล้ว

“เอ่อ…เฟิงหานชวน อาเหยี่ยนเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ คุณอย่าดุเขาขนาดนั้นเลย” เฉินฮวนฮวนยื่นนิ้วไปจิ้มที่แขนของเฟิงหานชวน ก่อนจะพูดโน้มน้าวเขาเสียงเบา

ทันใดนั้นเธอพบว่า ทัศนคติของเฟิงหานชวนที่มีต่อคนอื่นไม่ค่อยดีนัก รวมถึงตัวเองก่อนหน้านี้ด้วย

ทว่า หลังจากเธอทดลองแต่งงาน นอกจากเขาจะดีกับเธอมากแล้ว ดูเหมือนว่าเขายังเหมือนเดิมกับคนอื่นหรือเปล่า?

เธอคิดว่า เฟิงหานชวนต้องแก้ไขนิสัยไม่ดีนี้แล้ว!

“โอ้พระเจ้า ฮวนฮวน ตอนนี้คุณกับอาสามเป็นสามีภรรยากันแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณยังเรียกชื่อจริงของอาสามล่ะ?” เฟิงเฉินเหยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ และชี้ไปที่ทั้งสองคน สีหน้าไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“เพราะฉันยังไม่คิดว่าจะเรียกอาสามยังไง” เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไป และไม่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เธอเพียงคิดว่า เฟิงหานชวนบอกให้เธอคิดชื่อเรียกระหว่างพวกเขา ตอนนั้นเธอคิดชื่ออาหานขึ้นมาได้ ทำให้เฟิงหานชวนนึกถึงแม่ของเขา เรื่องชื่อเรียกจึงปล่อยไปก่อน

ทว่าเธอไม่ทันสังเกตเห็นว่า เฟิงหานชวนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาพลันดำมืดลงแล้ว

แน่นอนว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนสังเกตเห็น สุดท้ายแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะแล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฮวนฮวน ทำไมคุณก็เรียกอาสามล่ะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนมองใบหน้าบูดบึ้งของอาสาม เขาแทบจะหัวเราะออกมาเสียให้ได้

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกขึ้นมาได้ก็อ้าปากค้าง เธอเพิ่งเรียกอาสามตามเฟิงเฉินเหยี่ยน เพราะว่าในจิตสำนึกของเธอยังหลงเหลือความเคยชินในการเรียกเขาว่าอาสาม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนั้น

เฉินฮวนฮวนหันมามองเฟิงหานชวนที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาสักคำ ใบหน้าของเขาก็ดูแย่มากเช่นกัน เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนของเฟิงหานชวน

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากแน่น

แม้ว่าจะเป็นเพียงการทดลองแต่งงาน ทว่าตอนนี้เฟิงหานชวนเป็นสามีของเธอแล้ว หากเรียกเฟิงหานชวนว่าอาสามอีก ดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

เมื่อเธอกล่าวขอโทษจบ เฟิงหานชวนก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วก้มลงช้อนอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

“เฟิงหานชวน คุณจะทำอะไร?” เฉินฮวนฮวนคิดว่าเฟิงเฉินเหยี่ยนยังอยู่ตรงนี้ เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอ

อีกอย่าง เขาจะอุ้มเธอไปไหน?

ขณะที่เธอกำลังมึนงงและสังสัย เฟิงหานชวนก็อุ้มเธอเข้ามาในห้องรับรอง

หลังจากนั้น เขาก็วางเธอลงบนโซฟาหนังสีดำ…