บทที่ 310 สุราเป็นเหตุ

บทที่ 310 สุราเป็นเหตุ

เป้าหมายของอู๋ฝานคือการเปิดร้านของตนเองตามเมืองใหญ่ทุกเมืองทั่วประเทศ กระทั่งขยายไปยังโพ้นทะเล ดังนั้นความต้องการวัตถุดิบย่อมต้องมากตาม อาศัยแค่การเพาะปลูกของหมู่บ้านเพียงแค่หนึ่งแห่ง มันย่อมไม่มากพอ

“ตกลง ไว้ฉันกลับไปเมื่อไหร่ คงต้องไปหมู่บ้านข้าง ๆ ทำสัญญาเช่าที่ดินเปล่าและบ่อปลาแล้วละ” โหวเสี่ยวกวงค่อนข้างเชื่อใจในอู๋ฝาน เมื่อได้เห็นชายหนุ่มเสนอถึงขนาดนี้ เขาก็รู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป และทราบดีว่าอีกฝ่ายเจตนาดีกับตนเองทั้งสิ้น

มีเพื่อนที่ดีสักคนเช่นนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!

“ก็ตามนี้ ถือว่าตกลงกันเรียบร้อย ดื่มกันดีกว่า” อู๋ฝานเผยยิ้มออกมา “ครั้งก่อนที่นายพยายามยัดเยียดเหล้าให้ฉันจนเมา สุดท้ายนายกลับเมาซะเอง คออ่อนชะมัด ฮ่า ฮ่า!”

“วันนี้ฉันอาสารินให้ก็แล้วกัน ได้ร่วมงานกับเถ้าแก่ใหญ่อย่างนายทั้งที ไม่เมาไม่เลิก!” โหวเสี่ยวกวงตอบกลับ

“ได้สิ แต่ก็ยากหน่อยนะ” อู๋ฝานตอบกลับ

สุดท้ายแล้ว คนที่เมาไปก่อนก็เป็นโหวเสี่ยวกวงเช่นเคย ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายคออ่อนหรือว่าอะไร แต่เพราะร่างกายของอู๋ฝานพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ความต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงมากตามไปด้วยอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรโหวเสี่ยวกวงก็ไม่อาจคอแข็งไปกว่าเขา

หลังให้คนพาโหวเสี่ยวกวงไปพักที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว อู๋ฝานก็เตรียมกลับบ้านเช่นเดียวกัน แต่ตอนนั้นเองที่เฉินปิงเหยาเดินเข้ามา

“เถ้าแก่ ฉันมีเรื่องมารายงานให้ทราบค่ะ” เฉินปิงเหยาเอ่ยคำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“มีอะไรครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“เป็นรายงานเรื่องการดำเนินงานของร้านในช่วงที่ผ่านมาค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบกลับ “ร้านของเรากำลังพัฒนาไปได้ด้วยดีเพราะฝีมือการทำอาหารของเถ้าแก่ รวมถึงเส้นสายของเถ้าแก่ด้วยเหมือนกัน จำนวนเงินหมุนเวียนกำลังเพิ่มมากขึ้น แต่กำไรที่ได้รับต่ำกว่าที่พวกเราคาดคิดเอาไว้ค่ะ”

“กำไรต่ำเหรอครับ?” อู๋ฝานเกิดความสงสัย

เรื่องวัตถุดิบนั้น คนอื่นในร้านไม่ทราบที่มาที่ไป เพื่อรักษาเรื่องวัตถุดิบให้เป็นความลับไม่หลุดรั่วออกไป อู๋ฝานจึงนับวัตถุดิบเหล่านั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายด้วย หรือว่ากำไรน้อยนั้นเป็นเพราะค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบเหล่านั้น?

แต่ก็ไม่น่าใช่ ร้านอื่นก็ต้องมีค่าใช้จ่ายซื้อวัตถุดิบเหมือนกัน อีกอย่างวัตถุดิบของเขาก็มาจากตัวเขาเอง ดังนั้นจึงตั้งงบค่าใช้จ่ายเอาไว้ไม่ได้สูงมากนัก มันไม่น่าจะใช่สาเหตุของผลกำไรต่ำ

“ค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบรับ “เงินหมุนเวียนรายวันส่วนใหญ่จะมาจากเครื่องดื่มพวกเหล้าและไวน์ ตอนที่พวกเราซื้อมานั้น พวกเราไม่ได้ส่วนลดอะไรเลย ทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเกินไปค่ะ ส่งผลให้ผลกำไรในภาพรวมของร้านต่ำลง ฉันเลยอยากจะถามเถ้าแก่ว่าพอจะมีช่องทางติดต่อในเรื่องตรงนี้ไหมคะ ถ้าสามารถซื้อเหล้าและไวน์ในราคาถูกลงได้ ก็จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายลงไปด้วยค่ะ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อู๋ฝานถึงกับเหม่อไป

แม้อู๋ฝานไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการดูแลจัดการของร้าน แต่เขาก็รู้ว่าในบรรดาสัดส่วนเงินที่ลูกค้านำมาใช้จ่าย ส่วนใหญ่ย่อมเป็นเครื่องดื่มมึนเมา โดยเฉพาะกับลูกค้าห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง ไวน์ที่พวกเขาเลือกดื่มนั้นราคาไม่ถูก มันสามารถเป็นตัวดึงการเงินของร้านให้สูงขึ้นได้ แต่เพราะไวน์เหล่านั้นที่ร้านซื้อมา ราคาไม่ถูก ทำให้อัตราส่วนกำไรจากไวน์ค่อนข้างต่ำ

มันจึงนำไปสู่ความจริงที่ว่าแม้เงินหมุนเวียนของร้านโลกในแหวนค่อนข้างสูง แต่ผลกำไรจริง ๆ กลับไม่ได้ดีเหมือนที่คาดเอาไว้ ในฐานะผู้จัดการร้าน เฉินปิงเหยาไม่สามารถหาทางออกของปัญหานี้ด้วยตัวเองได้ ดังนั้นจึงต้องรายงานให้อู๋ฝานตัดสินใจ

วันที่ร้านเปิดทำการ เฉินปิงเหยาได้เห็นบรรดาทายาทตระกูลที่มั่งคั่งในเจียงโจวมาให้การสนับสนุน ดังนั้นในใจของเธอนั้น เถ้าแก่ย่อมต้องมีเส้นสายในเจียงโจวไม่ใช่น้อย การจะหาช่องทางซื้อเครื่องดื่มมึนเมาในราคาถูก ย่อมไม่น่าใช่ปัญหายากเกินแก้

เฉินปิงเหยาคาดเดาได้ถูกต้อง อู๋ฝานสามารถคลี่คลายปัญหาเรื่องนี้ได้โดยอาศัยหวังจื่อหมิงหรือถังอวี่เฟย และแม้จะไม่มีความช่วยเหลือจากทั้งสองคน ด้วยชื่อเสียงที่มากขึ้นของร้าน ย่อมต้องมีผู้ผลิตเครื่องดื่มมึนเมารายใหญ่มาเคาะประตูพร้อมขายสินค้าของตัวเอง หรือไม่ก็เป็นคนกลางจัดหาช่องทางซื้อขายพร้อมเสนอราคาต่ำกว่าตลาดให้ ยิ่งพวกเขาได้รู้ว่าร้านโลกในแหวนเป็นลูกค้ารายใหญ่และมั่นคงจะยิ่งเสนอราคาที่ถูกลง

ดังนั้นแล้ว การคลี่คลายปัญหาเรื่องนี้สำหรับอู๋ฝาน จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด

แต่ภายหลังเฉินปิงเหยาเอ่ยถึงเรื่องไวน์ขึ้นมา อู๋ฝานกลับเกิดความคิดที่แตกต่างออกไป

เพราะเขาเองก็สามารถบ่มไวน์ได้!

เพราะเปิดร้านเป็นของตัวเอง อู๋ฝานจึงตระหนักว่าไวน์สามารถทำกำไรได้เพียงใด โดยเฉพาะกับไวน์ที่ดี มันยิ่งทำกำไรได้มากขึ้น หากเป็นเช่นนั้น ผลิตไวน์เองไม่ดีกว่าเหรอ? มันจะทั้งแก้ปัญหาเรื่องต้นทุน และยังช่วยเพิ่มกำไร รวมถึงเพิ่มธุรกิจอีกรูปแบบขึ้นมาด้วย

“เถ้าแก่คะ? เถ้าแก่?” เฉินปิงเหยาเห็นอู๋ฝานนิ่งไป เธอจึงอดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงเรียก “ฟังฉันอยู่หรือเปล่าคะ?”

ทำไมเถ้าแก่ของเธอถึงทำตัวไม่น่านับถือขนาดนี้กัน เธอรายงานอยู่ตรงนี้ แต่เขากลับเหม่อลอยไม่ฟัง

“แค่ก! ฟังอยู่ ฟังอยู่ครับ” อู๋ฝานดึงสติกลับคืนมาพร้อมตอบรับ “เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

“รับทราบค่ะ” เฉินปิงเหยาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขอตัวกลับไป

“ผู้จัดการเฉิน” อู๋ฝานตะโกนเรียกเฉินปิงเหยา

เฉินปิงเหยาหันกลับมามองอู๋ฝานด้วยความสงสัย

“ทำงานได้ดีมากครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ขอบคุณค่ะ” เฉินปิงเหยายิ้มบาง ๆ ตอบรับ

เถ้าแก่คนนี้ค่อนข้างนิสัยดี ทั้งยังหน้าตาชวนมอง ที่สำคัญคือพูดคุยด้วยง่าย

อู๋ฝานไม่รู้ว่าคำที่ตนเองเพิ่งเอ่ยชมไปนั้น จะเปลี่ยนภาพจำของเขาในใจของเฉินปิงเหยา ที่เขาพูดออกไป ไม่ได้ต้องการกระตุ้นอะไรหญิงสาว อย่างไรอีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ได้ดีจริง ๆ ทั้งยังจัดการบริหารดูแลร้านอย่างตั้งใจมากซะด้วยซ้ำ

ทันทีที่อู๋ฝานออกจากร้าน เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากถังอวี่เฟย

“ลืมเรื่องการแข่งขันไปแล้วหรือยังคะ? การแข่งจะเริ่มคืนพรุ่งนี้ ถึงเวลาพวกเราไปด้วยกันนะคะ” ถังอวี่เฟยพูดผ่านโทรศัพท์ “การแข่งจะจัดขึ้นที่เมืองข้าง ๆ พวกเราคงต้องออกเดินทางเร็วหน่อยนะคะ”

การแข่ง?

อู๋ฝานนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจำได้ว่าถังอวี่เฟยพูดถึงการแข่งขันรถซิ่ง ถ้าเธอไม่โทรมาเตือนให้รู้ เขาก็เกือบจะลืมเลือนไปแล้ว อย่างไรตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้กระหายจะเข้าร่วมถึงขนาดนั้น

“ได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ

อย่างไรตอนกลางคืนก็ไม่ได้มีธุระอะไรต้องทำ ดังนั้นอู๋ฝานจึงอยากไปพบกับบรรดาคนที่เป็นนักแข่งรถมือฉกาจบ้างสักครั้ง

และในใจของอู๋ฝานนั้น พลันนึกชื่อหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นคือหานเป่าฟาง

อีกฝ่ายคือคนที่หวังจื่อหมิงหวังดีย้ำเตือนให้เขารับรู้เอาไว้ และครั้งนี้ อีกฝ่ายจะต้องมาเข้าร่วมงานอย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะสร้างปัญหาใดขึ้นในระหว่างการแข่ง

ในช่วงบ่าย อู๋ฝานรีบเดินทางไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ คำสั่งซื้อของเจ้าหย้าหนานนั้น ตอนนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงที่แทบจะไม่มีเวลาว่าง อู๋ฝานเองก็ลงแรงช่วยไปไม่น้อย โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้ ไม่ว่าจะอาจารย์เก่าหรือว่าคนงาน เวลานี้ต่างก็นับถือในงานฝีมือของชายหนุ่ม ไม่เพียงแต่ระดับงานฝีมือสูงส่ง แต่ยังสร้างด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เร็วกว่าที่หลายคนจะสามารถทำได้ แม้ตอนแรกพวกเขาจะเคยดูหมิ่นอีกฝ่าย แต่ขณะนี้กลับมองประหนึ่งเป็นไอดอล ตัวเจ้าหย้าหนานเองนั้นก็นับถืออู๋ฝานยิ่งกว่าที่เคยเป็นเช่นกัน

“ไม่นานมานี้มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ?” อู๋ฝานถามกับเจ้าหย้าหนานตอนที่อยู่ในโรงงานเฟอร์นิเจอร์

อู๋ฝานยังไม่ลืมว่าโรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง และมีความเป็นไปได้มากว่าเป็นฝีมือใครบางคน ตอนนี้โรงงานเฟอร์นิเจอร์เป็นของเขาแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจมองข้ามประเด็นนี้ไปได้