บทที่ 250 ตรวจดีเอ็นเอ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“เปล่าค่ะ”วารุณีส่ายหน้า จากนั้นมัดผมขึ้นมา“ประธานนัทธี พวกเราไปเถอะ”

นัทธียื่นมือไปขวางตรงหน้าเธอ“ผมดูก่อนว่าด้านนอกมียามไหม”

“ค่ะ”วารุณียืนไม่ขยับ

นัทธีเปิดประตู ออกไปมองซ้ายมองขวาตรงทางเดินสองด้าน เห็นว่าไม่มียามแล้ว จึงหันหน้าไปพูดกับข้างในประตูว่า“ออกมาเถอะ”

วารุณีก้มหน้าลงเล็กน้อย ดึงเสื้อสูทที่ตัวมาไว้ใกล้ๆแล้วออกไป

นัทธีจับไหล่ของเธอไว้

วารุณีตัวแข็งไป กำลังจะพูดอะไร

แต่เขาพูดออกมาก่อน“คนที่สถานีโทรทัศน์ต่างรู้จักผม คุณทำตัวสนิทกับผมหน่อย พวกเขาเห็นแล้วก็จะไม่ค้นตัวคุณ”

พูดจบ นัทธีโอบวารุณีไว้แน่น ออกไปจากสถานีโทรทัศน์

ไปถึงรถ วารุณีเอาเสื้อคลุมที่ตัวออกมาคืนเขา“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”

นัทธีรับเสื้อคลุมมาแล้ว กลับไม่ได้สวม เอาไปคลุมขาของเธอ“กระโปรงสั้นมาก ปิดดีๆ อีกเดี๋ยวมารุตจะมาแล้ว”

ถ้าในรถมีแค่พวกเขาสองคน เธอเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร

แต่มารุตจะมา เขาให้มารุตเห็นขาของเธอไม่ได้

วารุณีมองสูทที่ปิดอยู่บนขาของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก

กระโปรงของเธอถูกเขาฉีกไป สั้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าล่อนจ้อน

แต่เขาทำตัวตามใจตัวเองแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกตลกดี มีความรู้สึกถูกใส่ใจ

แป๊บเดียว มารุตก็กลับมา เปิดประตูรถแล้วนั่งไปที่นั่งคนขับ หันไปมองเห็นวารุณี ก็ทักทายอย่างไม่แปลกใจ“คุณวารุณี”

วารุณียิ้มให้“ผู้ช่วยมารุต”

มารุตพยักหน้า จากนั้นมองไปที่นัทธี“ประธานนัทธี เรียบร้อยแล้วครับ ผมเอาตัวที่อยู่ในภาพบันทึกคุณวารุณีลบเกลี้ยงแล้วครับ คนพวกนั้นที่สถานีโทรทัศน์หาคุณวารุณีไม่เจอแน่”

วารุณีได้ยินคำนี้ ดวงตาก็เบิกโต และมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ

ที่แท้เขาไม่ใช่แค่ช่วยเธอหลบยามพวกนั้นในเวลาที่สำคัญ แต่ยังทำเรื่องพวกนี้ให้เธออีก

“ประธานนัทธี……”วารุณีกัดริมฝีปาก เรียกชื่อของนัทธี อยากจะพูดอะไร

นัทธีกดมือไว้“โอเค ขยานีกับคนนั้น……”

“ปวิช”วารุณีรีบพูดเตือนเขา

นัทธีพยักหน้า“กับปวิชนั่นตอนนี้เป็นอย่างไร?”

“ปวิชถูกผู้อำนวยการสถานีเรียกไปแล้ว เขาสั่งยามตั้งมากมายขนาดนั้น และยังจับไม่ได้อีก ถามยังทำให้ทั้งสถานีโทรทัศน์ตื่นตระหนกไปหมด จะต้องรับผิดชอบแน่”

มารุตสตาร์ทรถ ขับรถไปพูดไปว่า“ส่วนขยานี เธอออกไปจากสถานีโทรทัศน์แล้วครับ รีบไปมาก”

“เธอต้องกลับตระกูลศรีสุขคําแน่ อยากดูว่าคนที่แอบฟังพวกเขาคุยกัน เอาความลับไปบอกสุภัทรหรือไม่ ถ้าไม่ เธอก็ไปหยุดก่อนได้”วารุณีหรี่นัยน์ตาดอกท้อลงแล้ววิเคราะห์

“ความลับอะไร?”ใบหน้ามารุตดูอยากรู้อยากเห็น

นัทธีเหลือบมองเขา เหมือนว่ากำลังไม่ชอบใจที่เขาพูดมาก

มารุตไอออกมาเบาๆทันที ลูบปลายจมูก ขับรถอย่างตั้งใจ ไม่ถามอีก

วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเบอร์นักสืบคนนั้นที่เฝ้าดูพิชญา ให้เขาคิดหาทางเอาเส้นผมของขยานีพิชญา และสุภัทรกับปวิชมาให้ได้

นัทธีได้ยิน ก็เงยตาขึ้นมา“คุณอยากตรวจดีเอ็นเอให้พวกเขาเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ฉันอยากทำสักหน่อย กับสี่คนนี้ค่ะ”วารุณีวางโทรศัพท์ลงแล้วพูด

มีแค่แบบนี้ เธอถึงจะยิ่งแน่ใจได้ว่า พิชญาเป็นลูกของขยานีกับปวิชหรือไม่กันแน่

นัทธีเอามือยันไว้ที่ประตูรถ“ถึงตอนนั้นให้พิชิตทำให้คุณละกัน เร็วที่สุดสองชั่วโมงก็ได้มาแล้ว”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”วารุณีไม่ฏิเสธเขา ยิ้มตอบขอบคุณไป

นัทธีเงยคางขึ้น“แล้วต่อไปจะไปไหน?”

“กลับสตูดิโอค่ะ ช่วงนี้รับงานมาอย่างหนึ่ง ยุ่งมาก”วารุณีตบกระเป๋าของตัวเอง

นัทธีมองไปที่มารุต“ได้ยินหรือยัง?”

“ได้ยินแล้วครับ”มารุตตอบกลับทันที

ไม่นานนัก ก็ถึงสตูดิโอ

วารุณีเอาเสื้อคลุมที่ขาขึ้นมาคืนให้ชายหนุ่ม

ครั้งนี้ชายหนุ่มรับไว้ แล้วก็ใส่ไปเลย

วารุณีเอากระเป๋าสะพายไปที่ไหล่ แล้วเปิดประตูรถ

ตอนที่ขาข้างหนึ่งของเธอก้าวออกไป เหมือนเธอจะคิดอะไรขึ้นได้อีก ก็ไม่ได้ขยับ

ผ่านไปสองวินาที วารุณีหันกลับไป หลังจากจ้องนัทธีสักพัก ทันใดนั้นก็เอื้อมตัวเข้าไป แล้วจูบไปที่หน้าเขา

รูม่านตาของนัทธีหดลง

มารุตอ้าปากกว้าง“คุณวารุณี คุณ……”

เขายังพูดไม่จบ วารุณีก็ก้มหน้าอันแดงก่ำ แล้วรีบลงไปจากรถ

จากนั้นปิดประตูรถวิ่งเข้าไปในอาคาร แป๊บเดียวก็หายไปเลย

นัทธีลูบหน้าตัวเองอย่างตะลึงงัน ซึ่งก็เป็นจุดที่เพิ่งถูกวารุณีจูบไป ลูกกระเดือกขยับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มารุตมองทางที่วารุณีออกไป แล้วจึงมองประธานของตัวเองที่เสียสติไป ก็อดไม่ได้ที่จะผิวปาก พูดเยาะเย้ยออกไป“ประธาน ยินดีด้วยนะครับ สุดท้ายก็ได้สาวสวยมาแล้ว”

“ได้สาวสวยมา?”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับเบาๆ น้ำเสียงมีความสงสัยเล็กน้อย

มารุตพยักหน้า“ครับ ช่วงนี้คุณจีบคุณวารุณีอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?แต่คุณวารุณีไม่ตอบตกลงเลย แต่เมื่อกี๊คุณวารุณีจูบคุณก่อนเอง ชัดเจนมากๆ ว่าเธอเปิดใจแล้ว ยอมที่จะคบกับคุณ”

แววตาของนัทธีมีความประหลาดใจ แผ่นหลังยืดตรงเล็กน้อย“เป็นแบบนี้เหรอ?”

“แน่นอนครับ ไม่งั้นเธอจะจูบคุณทำไม?”มารุตดันแว่น

ถึงแม้เขาไม่เคยมีความรัก แต่ก็อ่านนิยายรักมาไม่น้อย

เรื่องนี้จึงเข้าใจดี

อย่างไรก็ตามนัทธีไม่เชื่อเขามากนัก ละสายตาลงพูดเสียงหม่นว่า“บางทีเธออาจจะแค่ขอบคุณผม ที่เพิ่งช่วยเธอ”

“จะเป็นไปได้ไงครับ”มารุตเบะปาก“ประธาน ผมบอกให้นะ คุณช่วยคุณวารุณีมาหลายครั้งแล้ว และก็มากกว่าหนึ่งครั้งด้วย แต่ครั้งไหนบ้างที่คุณวารุณีขอบคุณคุณ แล้วก็จูบคุณด้วย?”

ได้ยินดังนั้น ริมฝีปากบางๆของนัทธีก็ขยับเล็กน้อย ไม่พูด

มารุตโน้มน้าวไปอีกว่า“ดังนั้นประธานนัทธี ไม่งั้นคุณลองดูสิ สารภาพกับคุณวารุณีอีกครั้ง ไม่แน่ครั้งนี้อาจจะสำเร็จจริงๆ”

นัทธีละสายตาลงไป เหมือนกำลังคิด

แป๊บหนึ่ง เขาเงยหน้ามามองอาคารตรงหน้า แล้วสายตาก็มีความลึกซึ้ง“ตอนดึกค่อยว่ากัน ออกรถเถอะ”

“ครับ”มารุตตอบกลับ

ในสตูดิโอ วารุณียืนอยู่ที่ระเบียงออฟฟิศของตัวเองแล้วมองลงไป หลังจากมองเห็นเบนท์ลีย์ที่ชั้นล่างขับออกไป จึงเอามือปิดหน้าที่ร้อนผ่าวแล้วหันกลับ กลับไปนั่งลงที่หน้าเก้าอี้ออฟฟิศ

หลายวันนี้ พวกเขาตัวติดกันมาก เธอชินแล้วที่จะไปมาหาสู่กับเขาแบบนี้ ที่สำคัญก็คือ ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในความยากลำบาก เขาก็จะปรากฏตัวคนแรกเสมอ ช่วยเธอและปกป้องเธอ

ดังนั้นเธอจึงอยากลองดูกับเขา ก็คือไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่ ว่าเธอจูบเขานั่นก็หมายความว่าตอบรับแล้วที่จะคบกับเขา

“วารุณี!”กำลังคิดอยู่นั้น ปาจรีย์ก็ผลักประตูเข้ามา

วารุณียืดเอวตรงทันที เอามือที่หน้าวางลงไป นั่งตัวตรงจัดท่าทางและมองเธอ“มีอะไรเหรอ?”

ปาจรีย์หรี่ตาลงอย่างสงสัย“ฉันต่างหากที่จะถามเธอว่าเป็นอะไร ฉันเข้ามาเธอก็จัดท่าทาง หน้าก็ยังแดง สภาพเหมือนร้อนตัว เธอคงไม่ได้ทำเรื่องชั่วๆอะไรมาใช่ไหม?”

“จะเป็นไปได้ไงล่ะ”วารุณีจ้องเธออย่างเซ็งๆ“พอเถอะ มาหาฉันมีอะไรล่ะ?”

“อ้อ แบบร่างรายเดือนที่ดีไซเนอร์ด้านล่างวาด เธอดูว่าตรงไหนต้องแก้”ปาจรีย์เอากองออกแบบหนึ่งกองที่อยู่ในมือยื่นไป

วารุณียื่นมือไปรับ“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

“แล้วก็ ยังมีอีกเรื่อง”มือสองข้างของปาจรีย์วางยันไว้ที่โต๊ะทำงานของเธอ

วารุณีเงยมองเธอ“อะไรอีก?”

“มีนิตยสารแฟชั่นเล่มหนึ่ง กำลังคัดเลือกการออกแบบปกเสื้อผ้า พวกเราจะไปเข้าร่วมไหม?”ปาจรีย์ถาม