ตอนที่ 151 ติดกับดัก
อาจารย์เหมยหลานหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ เมื่อเห็นสภาพของพวกเขา จากนั้นเธอก็พูดในสิ่งที่ทำให้หลี่จิง และคนอื่นๆ สิ้นหวังในทันที
“วันนี้พวกคุณมาสายเกินไป การลงโทษจะเพิ่มเป็นสองเท่าจากเมื่อวาน ลบ 60 เครดิต!” อาจารย์เหมยหลานยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่พูดการลงโทษราวกับว่าเธอให้รางวัลพวกเขาแทน
หลี่จิงและคนอื่นๆ ตกอยู่ในความสิ้นหวังในทันที และขอร้องอาจารย์เหมยหลานให้ลดการลงโทษของพวกเขาลงหน่อย
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว ก็ทำให้อาจารย์เหมยหลานหัวเราะอย่างมีความสุข
“ไม่! เริ่มชั้นเรียนของเราวันนี้ได้แล้ว!” อาจารย์เหม่ยหลานปรบมือ
อาจารย์เหมยหลานได้ทบทวนทักษะ [กระแสจิต) ทั้งหมดของพวกเขาในชั่วโมงถัดไป และชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดหลายประการเพื่อที่พวกเขาจะได้แก้ไข จากนั้นจึงเรียนต่อในบทเรียนต่อไป
อาจารย์เหมยหลานมอบแผ่นหยกให้แต่ละคนอีกครั้งและเคาะลงบนหน้าผากเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของใบหยกในครั้งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
“เอ่อ… อาจารย์เหมยหลาน โปรดบอกฉันว่านี่เป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่ทรงพลังอย่างยิ่ง…” ถึงหลี่เสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานของเธอ แต่การแสดงออกของเธอแปลกมาก
“ไม่ นั่นเป็นชุดของท่าเต้น เราจะฝึกเต้นนี้ต่อจากนี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์!” อาจารย์เหมยหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมล่ะ! เราเข้าสู่สถาบันจิ้งจอกนับหมื่นแห่งนี้เพราะเราต้องการแข็งแกร่งนะ!” น่าแปลกที่ปิงอี้เป็นคนแรกที่บ่น ไม่ใช่ถังลี่เสวี่ย
“ถ้าวันนี้แม้แต่คุณคนใดคนหนึ่งสามารถเต้นชุดนี้ได้ ฉันจะให้รางวัลแก่พวกคุณทุกคน 100 เครดิต!” อาจารย์เหมยหลานกล่าวอย่างสบายๆ เธอเกียจคร้านเกินกว่าจะอธิบายผลของท่าเต้นชุดนี้ที่จะเกิดขึ้นแก่พวกเขา
หลี่จิงและดวงตาของคนอื่นๆ กลายเป็นสีแดงเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาทำงานตลอดทั้งคืนและได้รับเครดิตน้อยกว่า 100 เครดิตเท่านั้น แต่ตอนนี้อาจารย์เหมยหลานสัญญาว่าจะให้เครดิต 100 หากพวกเขาสามารถเต้นชุดนั้นได้ เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วพวกเขาจะไม่ทำได้ยังไงกัน?
พวกเขาเข้าประจำตำแหน่งทันที และพยายามทำ แต่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
มองเพียงครั้งเดียวถังลี่เสวี่ยก็รู้แล้วว่าท่าเต้นเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย
ท่าเต้นแต่ละท่าดูสง่างามและน่ามอง
เมื่อรวมเข้ากับความงามของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์ พวกมันดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นเมื่อทำการเต้นนี้ และสามารถเกลี้ยกล่อมมนุษย์เพศชายได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งในการเต้นรำนี้ยากกว่าการเล่นโยคะสุดขีดในชีวิตก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องการความสมดุลและความยืดหยุ่นสูงจึงจะสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็เพิ่งจะมีร่างมนุษย์ได้ไม่นานนี้เอง
เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของท่าเต้นเหล่านี้คือการช่วยเหลือพวกเขา และทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับร่างมนุษย์เพื่อที่พวกเขาจะได้ต่อสู้อย่างเหมาะสมในร่างมนุษย์โดยเร็วที่สุด
ถังลี่เสวี่ยเป็นอดีตมนุษย์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่เธอก็กลับชาติมาเกิดเป็นจิ้งจอกในตอนนี้
เกิดเป็นมนุษย์และเกิดเป็นจิ้งจอกแล้วได้ร่างมนุษย์กลับคืนมามีความแตกต่างอย่างมาก! มันเหมือนกับเมื่อคุณเคยชินกับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ แล้วจู่ๆ คุณก็เปลี่ยนไปใช้รถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นอย่างน้อยเธอก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งวันเพื่อทำความคุ้นเคยกับร่างมนุษย์ของเธออีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับร่างมนุษย์ของเธอแล้วในตอนนี้ แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำท่าเต้นชุดนี้ให้เสร็จได้ เพราะมันยากเกินไปจนกลายเป็นฝันร้าย
ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวที่ต้องคุกเข่าลงสักสองสามนิ้วจนเกือบคุกเข่า แต่เข่าต้องไม่แตะพื้น จากนั้นต้องงอร่างกายไปข้างหลัง 90 องศาในตำแหน่งนั้น พวกเขาเกือบจะหักกระดูกสันหลังเมื่อพยายามทำอย่างนั้น และทุกคนก็สะดุดถอยหลัง
ในท้ายที่สุด ไม่มีใครสามารถทำท่าเต้นชุดนี้ได้จนชั้นเรียนจะจบลง และทำได้เพียงกลับไปด้วยความผิดหวัง
“โอ้ ใช่ ฉันต้องเตือนพวกคุณทุกคน หากคุณยังไม่สามารถเต้นชุดนี้ให้เสร็จหลังจากสามวันฉันจะหักเงิน 300 เครดิตจากพวกคุณแต่ละคน! ดังนั้นคุณควรทำภารกิจน้อยลงจากนี้ไป และเริ่มฝึกที่บ้าน! ” อาจารย์เหมยหลานเตือนพวกเขาอย่างเข้มงวดก่อนที่จะออกจากชั้นเรียนสำหรับวันนี้
หลี่จิงและคนอื่นๆ คร่ำครวญด้วยความกลัว เมื่อพวกเขาได้ยินคำเตือนของอาจารย์เหมยหลาน แม้แต่ ถังลี่เสวี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หลังจากเลิกเรียนหลี่จิง ถังลี่เสวี่ยและคนอื่นๆ ไปที่ร้านอาหารที่ชั้นหนึ่งของอาคารที่พักอาศัยเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
ถังลี่เสวี่ยใช้โอกาสนี้ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ทำไมพวกเขาดูซีดเซียวกันแบบนี้และพวกเขาก็เริ่มเล่าให้ถังลี่เสวี่ยฟังทุกอย่าง
เห็นได้ชัดว่าเมื่อหลี่จิงและคนอื่นๆ ต้องการทำภารกิจระดับ E ง่ายๆ เช่น กวาดถนนหรือดึงหญ้า ภารกิจเหล่านั้นทั้งหมดได้รับจากผู้อื่นไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้รับภารกิจที่หนักกว่า
ภารกิจระดับ E ที่ยากกว่านั้นจริง ๆ แล้วอันตรายกว่ามาก แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา เช่น กลายเป็นเป้าหมายฝึกหัดสำหรับนักเรียนปีที่สอง หรือกลายเป็นหนูทดลองเพื่อทดสอบผลกระทบของยาจากนักเล่นแร่แปรธาตุมือใหม่ หรือให้อาหารสัตว์เลี้ยงที่ดุร้ายในระดับจ้าวอสูร แต่ละภารกิจเหล่านี้มากเกินพอที่จะทำให้พวกเขาสูญเสียหนึ่งหรือสองแขนขา
แค่ได้ยินเรื่องราวของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ถังลี่เสวี่ยเข้าในแล้ว กับสภาพของพวกเขาในตอนนี้
“ฉันก็คิดว่าแค่การกวาดถนน และดึงหญ้านั้นมันก็แย่พออยู่แล้วนะเนี่ย… ขอให้โชคดีพวกเธอโชคดีนะ! ขอพระเจ้าอวยพรทุกคนเสมอ!” ถังลี่เสวี่ยยกนิ้วโป้ง และอวยพรทุกคน
วันนี้ถังลี่เสี่ยเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเขาทั้งหมด และเครดิต 190 ของเธอลดลงเหลือ 20 เครดิตแต่เธอไม่ต้องกังวลเลยเพราะวันนี้เธอสามารถสร้างเครื่องรางเพิ่มเติมได้ และขายให้กับโรงประมูลอีกครั้งเหมือนเมื่อวาน
ปิงอี้และเฮยหยิ่งห่าวเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอใช้เครดิตมากมายเพื่อเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเขา แต่เธอเพียงบอกว่าเธอมีวิธีที่จะได้รับเครดิตอย่างรวดเร็ว
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน หลี่จิง บิงอี้ เฮยหยิงห่าวและคนอื่นๆ ไปที่โถงภารกิจเพื่อทำภารกิจระดับ E อีกครั้ง ในขณะที่ถังลี่เสวี่ยกลับไปที่ห้องของเธอกับญาญ่า
ถังลี่เสวี่ยเข้าไปในห้องทำงาน จากนั้นเธอหยิบ [ปากกาจารึก] สีทองออกมาจากคลังระบบพร้อมกับกระดาษยันต์ที่ซื้อมาจากกระเป๋าอวกาศของเธอ
“เอาล่ะ เริ่มในส่วนของวันนี้กันเลย!” ถังลี่เสี่ยกำหมัดแน่น และตะโกนเสียงดังเพื่อกระตุ้นตัวเอง
วันนี้เธอต้องการจารึกทักษะติดตัว (รักษาตัวเอง] ลงบนกระดาษยันต์ที่ว่างเปล่า ถ้าเธอทำสำเร็จจริงๆ เธอสามารถใช้เครื่องรางนี้รักษาเพื่อนๆของเธอ เมื่อมีอาการวิกฤตได้ในภายหลัง
แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงนั้นมันยากมาก
ฟึบฟึบฟึบ
มันไม่ราบรื่นอย่างที่เธอคิด เธอเกือบจะหมดความอดทนหลังจากล้มเหลวติดต่อกันห้าครั้ง
ฟู่ว–!!
กระดาษยันต์ใบที่หกก็กลายเป็นฝุ่น หลังจากที่ถังลี่เสวี่ยล้มเหลวในการจารึกทักษะ [รักษาตัวเอง] ของเธอลงไป
“ฟู่ ใจเย็นๆ มาลองทำ ยันต์แห่งการพุ่ง] เหมือนเมื่อวานกันเถอะ” ถังลี่เสวี่ยใช้นิ้วลูบหน้าผากของเธอ
ดึง!
[สำเร็จ จารึกยันต์แห่งแดช +1 สำเร็จ!]
[ความชำนาญของนักจารึกเพิ่มขึ้น!]
ถังลี่เสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคของเธอไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด เธอสามารถสร้าง [ยันต์แห่งการพุ่ง +1] ได้สองครั้งในสิบสองครั้ง ถ้าเธอขายมันด้วยราคาเมื่อวาน เธอจะได้เงินเกือบ 1,000 เครดิต!
แต่เมื่อเธอตัดสินใจที่จะลองทำยันต์ (รักษาตัวเอง] อีกครั้ง เธอเริ่มรู้สึกเวียนหัวด้วยอาการปวดศีรษะที่เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ถังลี่เสวี่ยถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง และหงุดหงิดในขณะที่คิดว่า
“อย่างที่ฉันคาดไว้ จิตวิญญาณของฉันยังอ่อนแอเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่กันอาโอเมียวสามารถควบคุมฉันได้อย่างง่ายดายด้วยความสามารถขั้นเทพของเธอ ถึงตอนนี้ฉันสามารถลองจารึกอักษรรูนได้เพียง 18-19 ครั้งเท่านั้น ฉันอาจจะหมดสติไปถ้าฉันพยายามที่จะจารึกมากกว่านั้น
ถังลี่เสวี่ยกัดฟันและทนต่ออาการปวดศีรษะ เธอตัดสินใจลองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพักผ่อน
แตกต่างจากรูน [พุ่ง] รูน [รักษาตัวเอง] มีสองพยางค์ ดังนั้นความยากในการจารึกจึงมากกว่ารูน [พุ่ง] ถึงสองเท่า
ถ้ารูน [พุ่ง] ในภาษาของเราเป็นคำว่า “1” อักษรรูน [การรักษาตัวเอง] ในภาษาของเราคือคำว่า ‘B’
ถังลี่เสวี่ยจดจ่อกับ [ปากกาจารึก] สีทองในมือ และกระดาษยันต์ที่ว่างเปล่าตรงหน้าเธอ จากนั้นก็เริ่มจารึกอักษรรูน [รักษาตัวเอง] อย่างระมัดระวังและช้าๆ
เธอต้องยอมรับว่าหลังจากความล้มเหลวครั้งแรกในการจารึกอักษรรูน [รักษาตัวเอง] เธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย และวิตกกังวลซึ่งส่งผลให้เธอล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง
ดิ๊ง!
[สำเร็จ จารึกยันต์แห่งการรักษาสำเร็จ +2]
[ความชำนาญของนักจารึกเพิ่มขึ้น!]
[ความชำนาญของนักจารึกได้เพิ่มระดับเป็น 3 (ระดับเริ่มต้น)]
“เย้! ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ! หึหึ และมันคือ +2! ไม่ใช่แค่ +1!? ถังลี่เสวี่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกระโดดไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข ในขณะที่ถือ [ยันต์แห่งการรักษา] ไว้ในมือของเธอแน่น
“มาดูกันว่าผลของมันเป็นยังไง!? ถังลี่เสวี่ยเลียริมฝีปากสีชมพูของเธอและประเมิน [ยันต์แห่งการรักษา] ในมือของเธอด้วย [ดวงตานักปราชญ์) พื้นฐานของเธอ
[ยันต์แห่งการรักษา +2]
[ผล: เปิดใช้งานทักษะการรักษาตัวเอง (รักษา 1% ของ HP สูงสุดทุกๆ 10 วินาที เป็นเวลา 100 วินาที)
[+1 ผละ เยียวยา +0.5% ของ HP สูงสุด ทุกๆ 10 วินาที ระยะเวลา +30 วินาที]
[+2 ผล: เยียวยา +1% ของ HP สูงสุดทุกๆ 10 วินาที ระยะเวลา +70 วินาที]
ถังลี่เสวี่ยเกือบจะเป็นลมด้วยความตกใจ และมีความสุขเมื่อเธอเห็นผลของเครื่องรางในมือของเธอ
“อะไรกันเนี่ย! ไม่ได้หมายความว่ามันจะรักษา 2.5% ของ HP สูงสุดทุก ๆ 10 วินาที่เป็นเวลา 200 วินาที! เอ่อ… ขอฉันนับก่อน… ว้าว มันหมายความว่าเครื่องรางนี้จะรักษา HP 50% หลังจาก 200 วินาที!” ริมฝีปากสีชมพูของถังลี่เสวี่ยกระตุกอย่างรุนแรงด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอเห็นผลของยันต์
เธอรู้สึกท้อแท้ระหว่างการขายเครื่องรางนี้เพื่อรับเครดิตเพิ่ม หรือเก็บไว้เพื่อที่เธอจะได้ใช้มันเมื่อสหายของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในท้ายที่สุด เธอตัดสินใจที่จะเก็บไว้ตอนนี้ แต่เธอจะขายชิ้นต่อไปอย่างแน่นอน ถ้าเธอสามารถจารึก [ยันต์แห่งการรักษา] นี้ได้อีกในภายหลัง
ถังลี่เสวี่ยรู้สึกว่าเธอไม่สามารถจารึกยันต์ได้อีกต่อไปสำหรับวันนี้ มิฉะนั้นเธอจะเป็นลมอย่างแน่นอน จิตวิญญาณของเธอถึงขีดจำกัดแล้วหลังจากพยายามจารึกอักษรรูนลงบนกระดาษยันต์ที่ว่างเปล่าเป็นจำนวน 18 ครั้ง
เธอเก็บ [ปากกาจารึก] สีทองกลับเข้าไปในคลังระบบ และโยนใบยันต์ทั้งหมดของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอวกาศก่อนที่เธอจะออกจากอาคารที่พักอาศัยกับญาญ่า และตรงไปที่โรงประมูล
โชคของเธอค่อนข้างดี และเธอสามารถขาย (ยันต์แห่งการพุ่ง +1] ทั้งสองได้ในราคา 1220 เครดิตหลังจากที่โรงประมูลเก็บราคา 20% สำหรับค่าธรรมเนียมไปแล้ว เธอก็ได้รับเครดิตเป็นจำนวน 976
วันนี้ทุกอย่างดูดีมาก และถังลี่เสวี่ยก็ยิ้มด้วยความสุข เธอบอกกับญาญ่าว่าวันนี้สามารถสั่งอาหารราคาแพงได้
เธอตัดสินใจเลี้ยง บังอี้และเฮยหยิงห่าวสำหรับอาหารค่ำในคืนนี้ที่ร้านอาหารชั้นหนึ่งด้วยเครดิตเหล่านี้ด้วย
น่าเสียดายที่ถังลี่เสวี่ยเธอถูกลิขิตให้เผชิญกับสิ่งผิดปกติในคืนนี้
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เมื่อถึงลี่เสี่ยออกมาจากโรงประมูล
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น เมื่อเธอกำลังเดินกลับจากโรงประมูลไปยังที่พักของเธอ
ในระหว่าทางเธอไม่พบใครเลยสักคนเดียว!
เธอรู้สึกได้ว่าเธอเดินมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงที่หมายของเธอสักที
ในสถาบันจิ้งจอกกนับหมื่นแห่งนี้มีสุนัขจิ้งจอกอยู่หลานแสนตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ถนนที่เธอเดินอยู่นี้ มันจะว่างเปล่า! และไม่พบเจอสุนัขจิ้งจอกเลยสักตัวเดียว!
ถังลี่เสวี่ยขมวดคิ้ว ขณะที่เธอเปิดสถานะหน้าต่างของญาญ่าอย่างรวดเร็ว และกดปุ่ม
<<เก็บ>> ที่อยู่ในนั้น
ร่างเล็กๆ ของญาญ่าที่นั่งอยู่บนหัวของถังลี่เสวี่ยหายไปทันทีหลังจากที่ถังลี่เสวี่ยกดปุ่ม <<เก็บ>>
ถังลี่เสวี่ยยังเปิดใช้งาน [ร่างเทพ] ทันทีอีกด้วย และร่างของเธอก็หายไปในอากาศ
“มันเกิดอะไรขึ้น? มีคนหมายหัวฉันงั้นหรอ เพื่อปล้นยันต์ หรือว่าเครดิตรึเปล่า? มันเป็นไปไม่ได้หรอก! ยันต์ที่ฉันสร้างขึ้นเป็นแค่ระดับพื้นฐานเท่านั้นเอง และ 1000 เครดิตก็แทบไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับที่นี่!” ถังลี่เสวี่ยเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้นเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้
คนที่สามารถแยกเธอออกมาจากถนนจริงได้ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยจะต้องแข็งแกร่ง และหยั่งรู้มากแน่ๆ
แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมเธอถึงตกเป็นเป้าหมายไปได้
“หรือมีคนรู้ความลับเกี่ยวกับเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจของฉันแล้วงั้นหรอ? มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย?! ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะ แล้วก็ระวังในการใช้มันอย่างมาก แม้แต่จะอยู่ในการทดสอบที่อันตรายก่อนหน้านี้ แม้จะติดอยู่ในภาพลวงตาตอนทดสอบครั้งสุดท้าย ฉันก็ไม่ได้ใช้มันไม่ใช่หรอ!!”
“อาจมีใครบางคนรู้เรื่อง [ปากกาจารึก] สีทองศักดิ์สิทธิ์นี้ และตัดสินใจจะขโมยมันไปจากฉัน? อาจเป็นไปได้ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด ไอเทมทั้งหมดจากระบบควรถูกซ่อนไม่ให้คนอื่นเห็น นอกจากฉันไม่ใช่หรอ? แล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไร!”
ถังลี่เสี่ยคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครกันที่มุ่งเป้ามาที่เธอ เธอจึงคิดว่าค่อยหาเหตุผลในภายหลัง ตอนนี้ต้องพยายามที่จะออกจากพื้นที่ปิดผนึกนี้ก่อน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่ที่ถูกปิดผนึกนี้ถูกสร้างขึ้นจากพื้นที่ระดับสูง และผู้ที่สร้างพื้นที่ระดับสูงนี้จะต้องเป็นนักจารึกระดับปรมาจารย์ที่มีความสำเร็จสูงมาก