บทที่ 287 แต่งตั้งอ๋อง คัดเลือกพระชายา

จี้หมิงซูที่ทุกคนในจวนจี้กั๋วกงนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ

เพียงแต่ก่อนหน้านี้หานกุ้ยเฟยแค่ให้คนเอาตัวนางออกมา แต่ไม่ได้เอาตัวไป๋อี๋เหนียงออกมาด้วย นางถูกพาตัวมาพักในเรือนหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งในเมืองหลวง มีหญิงรับใช้ท่าทางดุร้ายสามสี่คนคอยจับตามองนางอยู่ ทุกวันหลังจากทายาบนใบหน้าให้นางแล้ว ก็จะสั่งให้นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเพื่อวาดภาพ

แต่ช่วงที่ผ่านมานั้นต่างออกไป เมื่อหญิงรับใช้เหล่านั้นต่างก็ขี้เกียจ ไม่มีอะไรทำก็มักจะเดินเล่นรอบ ๆ ลานบ้าน เอาแจกันมากลิ้งเล่น แม้แต่ถ้วยชาที่ไม่มีค่าอะไรก็ยังจะขโมย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะออกไปซื้อกระดาษและหมึกมาให้นาง

จี้หมิงซูจึงคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหานกุ้ยเฟยหรือไม่ แต่ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวแม้แต่เงินสักเหวินก็ไม่มี จึงไม่กล้าไปถามพวกนาง คนรับใช้เหล่านี้เหยียบย่ำคนที่ต่ำต้อยจนชินชา นางเห็นตอนที่ยังอยู่ในจวนจี้กั๋วกงจนชินเสียแล้ว

มาคิดดูตอนนี้เมื่อชาติก่อนตอนที่เป็นอนุในนามของเผยยวน กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขมากที่สุด ทั้งจวนหย่งกวานโหวมีนางเป็นนายหญิงที่ถูกต้องเพียงคนเดียว ท่านหญิงซ่างหยางก็ไม่ค่อยไปที่นั่น นางอยากทำอะไรก็ได้ทำ

จี้หมิงซูคิดถึงตรงนี้ก็ส่ายหัวแรง ๆ นางไม่ควรคิด สิ่งที่นางต้องการคือตำแหน่งฮองเฮา สตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในต้าจิ้น เหตุใดถึงคิดอยากจะเป็นอนุของชายอื่นได้

ถึงยามโหย่วพอดี จี้หมิงซูรอตอนกินข้าวเย็นจึงจะสามารถสอบถามพวกหญิงรับใช้เหล่านั้นได้ แต่ใครจะคิดว่ารอพักใหญ่ จนผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่มีคนมาส่งข้าว

จี้หมิงซูไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไปดูเอง ปกติแล้วนางสามารถเดินไปได้แค่ลานบ้านเท่านั้น แต่วันนี้กลับพบว่าไม่มีใครจับตามองนาง นางจึงเดินไปที่ห้องครัว ทั้งด้านนอกและด้านใน ด้านหน้าและด้านหลัง ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว!

จี้หมิงซูไม่ต้องการไปจากที่นี่ แม้ว่าชีวิตที่นี่จะยากลำบาก ทั้งยังถูกคนจับตามอง แต่หากที่นี่เกิดเรื่องขึ้นนั่นก็หมายความว่าหานกุ้ยเฟยไม่ต้องการนางแล้ว หรือว่าองค์ชายรองจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

จี้หมิงซูรู้สึกตื่นตกใจ นางเริ่มตะโกนเรียกชื่อหญิงรับใช้เหล่านั้น

อย่าว่าแต่เสียงตอบกลับเลย แม้แต่ความเคลื่อนไหวสักนิดก็ไม่มี

จี้หมิงซูไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตาย นางกลับห้องไปหยิบหมวกคลุมหน้าทันที ก่อนจะปิดบังใบหน้าตัวเองและเดินไปที่ประตูใหญ่

คนรับใช้ที่เดิมเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

จี้หมิงซูค้นหาคนจนทั่วเรือนแล้ว เจ้าพวกมือเท้าสกปรกพวกนั้นไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลย แต่นางยังฉลาดอยู่บ้าง กลัวว่าคืนนี้ตัวเองจะไม่มีที่นอน จึงหากลอนมาขัดไว้ที่ประตูใหญ่ แล้วจึงเดินไปตามถนน

ไม่ได้ออกมาเดินบนถนนใหญ่เช่นนี้นานแล้ว จี้หมิงซูจึงรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าใดนัก

นางไม่ได้ไปสืบข่าวที่โรงน้ำชาหรือภัตตาคาร สถานที่เหล่านั้นไม่มีเงินใครจะมาสนทนากับเจ้ากัน

ไม่นานจี้หมิงซูก็คิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา

ตอนที่เซียวหรงหรงลงมาจากรถม้า สีหน้าของนางดูหงุดหงิดเล็กน้อย สถานการณ์ในเมืองหลวงตอนนี้ปั่นป่วนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากจวนต่าง ๆ จะไม่จัดงานเลี้ยงใด ๆ แล้ว แม้แต่เหล่าสหายของนางก็ล้วนถูกขังอยู่ภายในจวน บางคนกำลังพูดคุยเรื่องการแต่งงานอย่างรีบร้อน

ราวกับว่าครอบครัวกำลังประสบกับหายนะอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งหากไม่ใช่ครอบครัวนี้ถูกรื้อค้นบ้าน ครอบครัวนั้นก็กำลังมีปัญหา

“หรงหรง”

เซียวหรงหรงผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสตรีผู้นั้นยืนอยู่ที่ประตูร้านอักษรพู่กันและภาพวาด หลังจากที่นางนึกอยู่ครู่หนึ่งก็อุทานขึ้นมา “หมิงซู?”

เดิมเซียวหรงหรงรู้สึกดีใจอย่างมาก อย่างไรเสียความสัมพันธ์ของนางกับจี้หมิงซูก็นับว่าไม่เลว

แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของพี่ชาย ก็เกิดความคิดที่ไม่อยากให้จี้หมิงซูเข้ามาใกล้ นางเริ่มลังเลเล็กน้อย

แน่นอนว่าจี้หมิงซูสังเกตได้ถึงความห่างเหินของเซียวหรงหรง แต่ว่านางเลือกที่จะไม่สนใจ เดิมก็ไม่ได้คาดหวังว่านางจะปฏิบัติต่อตนเองดีอยู่แล้ว เพียงแค่ต้องการพูดคุยด้วยก็เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเซียวนับว่าใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบความวุ่นวายของเมืองหลวง และพวกเขาไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

“หรงหรง ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าไม่อยากพบข้า แต่ตอนนี้ข้าจนตรอกยิ่งนัก”

เมื่อเห็นสหายเก่าตกต่ำเพียงนี้ เซียวหรงหรงจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากให้คนไปเตรียมห้องส่วนตัวที่โรงน้ำชาข้าง ๆ และพาจี้หมิงซูขึ้นไปที่ชั้นบน

“ครอบครัวเจ้า…ช่างเถอะ ช่วงนี้เจ้าไม่ได้ถูกขังอยู่ศาลต้าหลี่หรอกหรือ?”

เรื่องของจี้หมิงซูกลายเป็นที่พูดถึงของคนในเมืองหลวง แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นนางออกมาเช่นนี้

จี้หมิงซูรู้สึกเอือมระอา “ที่ข้ามาวันนี้เพียงแค่อยากจะถามเจ้าเรื่องขององค์ชายรอง ข้าถูกคุมขังอยู่ช่วงหนึ่ง จึงตัดขาดการติดต่อกับพวกเขาไป”

เซียวหรงหรงจิบชาหนึ่งอึก ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “องค์ชายรองตอนนี้กลับมาเมืองหลวงแล้ว ตั้งใจสวดมนต์ภาวนาอยู่ที่ตำหนัก เพื่อขอพรให้หานกุ้ยเฟยที่ล่วงลับไป”

“อะไรนะ? หานกุ้ยเฟยสิ้นพระชนม์แล้วอย่างนั้นหรือ?”

หานกุ้ยเฟยเพิ่งจะอายุสามสิบกว่า ร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด เหตุใดอยู่ดี ๆ ถึงสิ้นพระชนม์ได้

“เจ้าอย่าบอกใครนะว่าข้าเป็นคนบอก ได้ข่าวว่าตอนที่ไปรับไท่ซ่างหวง หานกุ้ยเฟยถูกลดตำแหน่งเป็นเหม่ยเหริน แล้วจู่ ๆ ก็ป่วยกะทันหัน คืนวันนั้นก็สิ้นพระชนม์ทันที ตอนฝังพระศพถึงได้ฝังในนามของกุ้ยเฟย”

ภายในใจของจี้หมิงซูรู้สึกหนักอึ้ง คิดไม่ถึงว่าหานกุ้ยเฟยจะสิ้นพระชนม์แล้ว มิน่าเล่าคนที่นางจัดหามาถึงได้หนีกันไปหมด คาดว่าคงได้ยินเรื่องที่องค์ชายรองทรงเก็บตัวอยู่ในตำหนัก รอนานแล้วก็ไม่มีคนมาสนใจพวกนาง จึงขี้เกียจจะดูแลสตรีที่เสียโฉมเช่นนาง ดังนั้นจึงได้ขโมยของและหนีไปสินะ

จี้หมิงซูยิ่งคิดในใจก็ยิ่งเป็นกังวล “เช่นนั้นองค์ชายรองยังสบายดีอยู่หรือไม่?”

เซียวหรงหรงพูดอย่างสบาย ๆ “เขาย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นถึงองค์ชาย ตอนนี้เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในตำหนัก เกรงว่าคงเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ก่อน ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์จะแต่งตั้งบรรดาองค์ชายเป็นท่านอ๋อง และคัดเลือกพระชายา…”

เซียวหรงหรงแสดงความเห็นอกเห็นใจ “หมิงซู เจ้ากับองค์ชายรอง ข้าว่าไม่สู้ปล่อยไปเช่นนี้เถอะ ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเจ้าล้วนไม่สู้ดี หากต้องการให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนคงเป็นไปได้ยากแล้ว”

จี้หมิงซูย่อมรู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่นางกลับมาเกิดใหม่ ทว่าต้องคับแค้นใจกว่าชาติก่อนอีกอย่างนั้นหรือ? นางจะหาที่ปรึกษาที่มีความสามารถจริง ๆ ให้กับเซี่ยหยาง และช่วยให้เซี่ยหยางยืนหยัดขึ้นมา อีกทั้งนางก็มีวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่สามารถทำให้ตัวเองปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อีกครั้ง เพียงแต่วิธีการนี้จำเป็นต้องไปหาคนคนหนึ่ง

จี้หมิงซูคิดถึงความทรงจำในชาติก่อน และคัดเลือกคนที่มีประโยชน์เหล่านั้นออกมา แต่ปากกลับเอ่ยขึ้นว่า “หรงหรง ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้า แต่ข้าเป็นห่วงเซี่ยหยาง ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีหรือไม่ เรื่องอื่นข้าไม่กล้าหวัง”

คำพูดกินใจเช่นนี้ทำให้เซียวหรงหรงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับตำหนักของเซี่ยหยางที่ไปสืบมาให้นางฟัง และเมื่อรู้ว่าจี้หมิงซูไม่มีเงินก็ยังให้คนนำเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่นำออกมาวันนี้มอบให้นางอีกด้วย

ตระกูลเซียวไม่ขาดแคลนเงิน พ่อของเซียวหรงหรงไม่ได้อยู่เมืองหลวงมานานแล้ว คนดูแลบ้านอย่างเซียวเย่เจ๋อก็ไม่เคยตระหนี่กับน้องสาวของเขา นางจึงสามารถใช้จ่ายได้ฟุ่มเฟือยกว่าคุณหนูของจวนจี้กั๋วกงอย่างจี้หมิงซู

จี้หมิงซูเองก็ไม่ได้เกรงใจนางแต่อย่างใด หลังจากแยกกับนางที่โรงน้ำชาแล้ว จึงตัดสินใจจะหาโอกาสเหมาะ ๆ ให้เซี่ยหยางมาพบตนเองอีกครั้ง

นางเดินไปช้า ๆ เมื่อเดินผ่านศาลต้าหลี่ก็เร่งฝีเท้าขึ้น โดยไม่ได้คิดถึงไป๋อี๋เหนียงที่ยังถูกขังข้างในแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเมื่อประตูหลังของศาลต้าหลี่มีรถเข็นขนนักโทษที่คลุมเสื่อฟางออกมา จี้หมิงซูจึงชะลอฝีเท้าลง

รถเข็นนั่นเคลื่อนผ่านหน้าของนางไป บนรถเข็นคันสุดท้าย มือที่ถูกทรมานคู่หนึ่งค่อย ๆ ร่วงลงมา ทั้งยังทาน้ำมันทาเล็บสีแดงสดเอาไว้ น้ำมันทาเล็บที่ดีเช่นนี้ เป็นหานกุ้ยเฟยที่พระราชทานให้กับนาง และนางได้มอบให้กับไป๋อี๋เหนียง

“ท่านแม่…” จี้หมิงซูน้ำตาไหลริน นางคิดไม่ถึงว่าหานกุ้ยเฟยจะไม่สนใจไป๋อี๋เหนียงจริง ๆ และเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไป๋อี๋เหนียงกลับทนไม่ไหวและสิ้นใจเสียแล้ว

“ข้าจะแก้แค้นให้ท่านอย่างแน่นอน จี้จือฮวน ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!!”

.

.

.