ตอนที่ 95 เหตุผลที่ต้องสู้
โอ้ยยยยยย………..
แม้เสียงคำรามจะสงบลงไปแล้ว แต่เสียงสะท้อนที่ดังอยู่ในจนแสบหูก็ไม่ได้หายไปไหน
ความวุ่นวายทั่วเมืองอิชกะในตอนนี้ก็เกิดจากเสียงสะท้อนนี่แหละ
ถึงแม้จิตใจที่สับสนของผู้คนจะสงบลงได้บ้างหากปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลาพักหายใจสักหน่อย แต่ปัญหาที่ตามมาจากนี้น่ะสิ
การปรากฏตัวของสายพันธ์ุในตำนาน ที่สามารถทำลายแนวป้องกันได้ในชั่วพริบตา ทำให้มอสเตอร์คลุ้มคลั่ง ทำให้พิษปนเปื้อนมากับแม่น้ำเคล ป่าทีทิสกลายเป็นฟุไค
เห็นได้ชัดเลยว่าจากนี้ไปเมืองอิชกะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยากจะรับมือได้
พอคิดได้แบบนี้แล้ว――ผมก็ชี้ปลายอาภรณ์วิญญาณตรงไปที่โกซุ
ถึงแม้จะได้ยินเสียงของใครบางคนอยู่ในสภาพหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะกลับไปมอง
ไม่สำคัญแล้วว่าตอนนี้จะเป็นไฮดราหรือเปล่า แต่ความจริงที่ว่าทั้ง 3 คนจากเกาะอสูรยักษ์คือศัตรูของผมก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้นผมต้องรีบฆ่าพวกเขา แล้วไปจัดการเรื่องไฮดราในทันที เพราะหากผมปล่อยไว้ ซูซูเมะอาจจะถูกจัดการไประหว่างที่ผมรับมือกับไฮดราก็ได้
เพื่อตอบสนองต่อจิตมุ่งร้ายของผม โกซุก็เหมือนจะพยายามจับดาบของเขาขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสียงที่ออกมาจากหมวกหัววัวไม่ได้มีจิตของการต่อสู้อีกแล้ว
「เดี๋ยวก่อน ท่านโซระ ข้าเคยเผชิญหน้ากับมังกรภายในประตูปีศาจมาก่อน สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นคือมังกรคำรามแน่นอน หากเรายังฝืนสู้กันต่อไปก็มีแต่จะเป็นประโยชน์ให้กับมันเท่านั้น」
「แล้วมันยังไงกันล่ะ? สำหรับฉันมันก็แค่จำนวนศัตรูที่ต้องฆ่าเพิ่มขึ้น มันก็เป็นกลยุทธ์พื้นฐานไม่ใช่หรือไงที่ต้องค่อยๆ ฆ่าศัตรูไปทีละคน」
หรือนี่กะจะบอกให้ฉันกับพวกนายร่วมมือกัน?
พอผมถามเขาไปด้วยเสียงเย้ยหยัน โกซุก็พยักหน้าให้กับผมอย่างหนักแน่น
「ครับ ตัวตนของสายพันธุ์ในตำนานคือเหตุผลการดำรงอยู่ของมายาดาบเดียว การมีอยู่ของมันคือภัยคุกคามต่อท่านเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากเรามาสนใจเรื่องตรงนี้ก่อน ไม่ว่าฝ่ายไหนก็น่าจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่แบบนี้ก็สมเหตุสมผลดีนี่ครับ」
「สมเหตุสมผลบ้าบออะไรกัน」
ผมปฏิเสธคำพูดขอโกซุอย่างไม่ไยดี
ก็จริงว่าหากเทียบเรื่องพลังการต่อสู้โกซุกับอีก2คนก็ถือว่าเป็นคนที่หาตัวจับได้ยาก หากได้ร่วมมือกัน พวกผมอาจจะฆ่าไฮดราและหยุดยั้งความวุ่นวายทั้งหมดได้
แต่มันก็อยู่บนพื้นฐานที่ว่าผมสามารถไว้ใจพวกเขาได้
ความเป็นไปได้ที่ผมจะถูกแทงจากข้างหลังระหว่างต่อสู้ก็ไม่ได้เป็นศูนย์เสียหน่อย
นอกจากนี้ สมมติว่าพวกเราร่วมมือกันปราบไฮดราแล้วหยุดความวุ่นวายนี้ได้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นล่ะ เรื่องของซูซูเมะใช่จะจบลงตามสักหน่อย
ไม่เพียงแค่ผมต้องมาต่อสู้กับพวกเขาในสภาพที่ร่างกายกลับมาสมบูรณ์พร้อมกันล่ะ คลิมที่รับรู้ถึงความสามารถของผมไปเขาก็จะระวังตัวมากขึ้น แถมจะใช้ลูกเล่นเดิมเหมือนครั้งนี้ก็ไม่ได้ด้วย
ผมไม่ได้ผยองพอจะคิดว่าตัวเองจะชนะทั้ง3คนได้อีกครั้งหรอกนะ
หากพูดถึงเรื่องความสมเหตุสมผล สิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือการฆ่าพวกเขาให้หมดเสียตรงนี้เลย
「คงหวังว่าอยากจะใช้โอกาสนี้ในการแก้มือ เรื่องในคราวนี้ด้วยสินะ แต่คิดเหรอว่าฉันจะยอมปล่อยพวกนายไปน่ะ? 」
「ข้าไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นอยู่เลย หลังจากที่พวกเราจัดการกับสิ่งมีชีวิตในตำนานนั้นลง พวกเราจะกลับไปยังเกาะเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะมีอยู่ของคิจินจะทำให้ข้ากังวลใจอยู่บ้าง….แต่เนื่องจากท่านสามารถใช้อาภรณ์วิญญาณได้แล้ว ข้าก็จะขอปล่อยให้ท่านทำหน้าที่จัดการเรื่องของเธอทั้งหมดแทน」
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยพอได้ยินแบบนั้น แถมโกซุก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังอีก
ก็จริงว่าคิจินคือเผ่าพันธุ์ที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กับมนุษย์ แต่พวกเขาก็สูญเสียพลังที่จะทำเช่นนั้นได้ไปนานแล้ว ซูซูเมะตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวธรรมดา――ถึงเธอจะมีพรสวรรค์ด้านเวมมนตร์บ้างก็เถอะ เลยทำให้เรียกว่าเด็กสาวธรรมดาได้ไม่เต็มปาก แต่เธอก็ไม่ใช่ตัวตนที่อันตรายขนาดต้องเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาซัดเสียหน่อย
กลับกัน โกซุมองว่าซูซูเมะคือภัยคุกคามของจริง
ผมมั่นใจว่าเหตุผลที่โกซุและคนอื่นๆ มองคิจินว่าเป็นศัตรูก็เพราะต้องการรักษาหลักการของตระกูลที่สังหารปีศาจผนึกเทพมาร――แต่ในสถานการณ์แบบนี้ผมชักเริ่มคิดแล้วสิว่ามันอาจจะมีเบื้องหลังอะไรที่มากกว่านั้นซึ่งผมไม่รู้
ผมก็อยากจะยืนยันเรื่องนั้นหรอกนะ แต่คิดว่าคงจะเสียเวลาเปล่า
เพราะหากสิ่งที่พวกเขารู้ สามารถเอามาบอกผมได้ พวกเขาคงบอกผมกันไปนานแล้ว พวกเขาจะต้องใช้มันเพื่อโน้มน้าวผมในการปล่อยให้ฆ่าซูซูเมะแน่
ดังนั้นเหตุผลที่เขาไม่สามารถบอกกับผมได้ก็น่าจะเป็นกฎการรักษาความลับบางอย่าง และคนที่สามารถออกคำสั่งปิดปากคนในตระกูลทุกคนได้ก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลมิตสึรุกิ
――ใบหน้าของพ่อผมปรากฏขึ้นมาในหัวครู่หนึ่ง จากนั้นผมก็ส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดเอามันออกไป
「ตอนนี้นายจะพูดอะไรก็ตามใจ แต่ว่า――」
「ด-ได้โปรดรอก่อนค่ะ!」
ในระหว่างที่ผมจะจัดการกับโกซุแล้วพูดส่งท้าย เสียงที่ไม่น่าฟังเสียงหนึ่งก็เข้ามาในหูของผมจนขัดการกระทำของผมเสียหมด
พอผมหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นลิดเดลที่มองมาทางผมด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว โดยพยุ่งลูนามาเลียเอาไว้อยู่
「…กิลด์เองก็อยากจะขอร้องเรื่องนี้กับท่านด้วยค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มนุษย์จะมาสู้กันอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดลดดาบของคุณลงด้วยเถอะค่ะ」
สภาพของลิดเดลในตอนนี้พูดออกมาราวกับต้องการจะดุผม ส่วนพาร์เฟตที่อยู่ห่างออกไปกำลังทรุดอยู่กับพื้นเพราะความกลัวยังไม่จางหายไปจากร่างเธอ
แล้วไหงพวกกิลด์มาอยู่ที่นี่ได้กัน? ――จะว่าไปนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมอยากจะถามลิดเดลอยู่เหมือนกัน
พอได้ถามเรื่องราวเพิ่มก็ทำให้รู้ว่าคนพวกนี้แหละที่นำทางโกซุกับที่เหลือมาโจมตีบ้านของผม
แล้วก็รู้ด้วยว่า ก่อนหน้านี้โกซุและอีก 2 คน ได้เดินทางมารับมือกับพวกมอนสเตอร์ที่คลุ้มคลั่ง
จากนั้นแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของผมทันทีที่ได้ยินเรื่องนั้น
แต่แผนที่ว่ามันก็ไม่ใช่ความคิดอลังการแสนฉลาดอะไรทำนองนั้นหรอก มันก็แค่แผนง่ายๆ
ทว่าสำหรับตอนนี้มันคือแผนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะคิดได้แล้ว ซึ่งน่าจะช่วยให้ผมจบเรื่องนี้ได้เร็วขึ้นด้วย――หรืออย่างน้อยก็ในความคิดของผมอ่านะ
ผมมองไปยังโกซุอีกครั้งและเปิดปากพูด โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองลิดเดลอีกรอบด้วยซ้ำ
「โกซุ ฉันไม่เชื่อคำพูดของนายหรอกนะ ถึงนายจะตั้งใจแบบนั้นจริงๆ แต่สุดท้ายนายก็ยังสามารถกลับมาจัดการพวกเราได้ หากผู้นำตระกูลสั่ง นายคงจะไม่รอช้ารีบพุ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อฆ่าซูซูเมะแน่」
「……」
「แต่มันก็จริงที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มนุษย์จะมาต่อสู้กัน ดังนั้นฉันเลยอยากจะขอความร่วมมือจากนายเพื่อฆ่าไอ้เจ้าตัวนั้นก่อน แสดงให้ฉันเห็นสิว่านายไม่ได้มีดีแค่พูด」
「แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ? 」
「กลับไปที่แนวป้องกันพร้อมกับอีก 2 คน แล้วหยุดพวกมอนสเตอร์คลุ้มคลั่งให้ได้ซะ ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย」
แนวป้องกันนั้นอยู่ใกล้บริเวณป่าทีทิสมากกว่าเมืองอิชกะ เพราะแบบนั้นผมจึงไม่สงสัยเลยว่ามังกรคำรามจะส่งผลกระทบมากกว่าตรงนี้แน่ แล้วพวกมอนสเตอร์ก็คงทะลุแนวป้องกันมาได้
โดยปกติแล้ว มันก็คงจะมีกำลังเสริมจากเมืองอิชกะไปช่วยหรอก แต่พอผมเห็นสภาพคนในเมืองแล้วคงไม่ไหว
ตรงจุดนี้แหละที่โกซุกับพวกที่เหลือจะเข้ามามีบท พวกเขาต้องรับมือกับฝูงมอนสเตอร์ทั้งหมดนั้น ก็จริงว่า 2 ใน 3 บาดเจ็บอยู่ แต่แค่การป้องกันเฉยๆ แผลแค่นี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก
ในขณะที่พวกเขาถ่วงเวลาไว้ให้ ผมก็จะพาพวกพ้องของผมหนีออกจากเมืองอิชกะไป แต่จะให้ไปที่หมู่บ้านเมลเทซึ่งได้รับผลกระทบจากพิษที่ไหลมาตามแม่น้ำก็คงเสี่ยงไปหน่อย ผมคงต้องเดินทางไปไกลกว่านั้น บางทีอาจจะต้องเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ทางตอนใต้แทน
――หากทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด ผมก็คงเข้าไปสู้กับไฮดราได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก
◆◆◆
พอการปรากฏตัวของไฮดราได้รับการยืนยัน ผมก็ตัดสินใจในทันทีว่าจะต้องฆ่าเจ้ามังกรพิษตัวนั้น
จะเมืองอิชกะที่วุ่นวายหรือแนวป้องกันที่ล่มสลายไป ทุกอย่างมันไม่ใช่ปัญหาของผมเลย
สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือการกลืนกิน นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากการต่อสู้กับโกซุ
นอกจากนี้ถึงผมจะตัดเรื่องความรู้สึกส่วนตัวออกไป การปราบไฮดราก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกมากกว่าเรื่องที่เหลืออยู่ดี
เพราะถึงผมจะไปช่วยผู้คนในเมืองกลับไปแนวป้องกันเพื่อรับมือกับมอนสเตอร์ แต่สุดท้ายเหตุการณ์เดิมก็จะเกิดขึ้น พวกเขาก็ต้องโดนการคำรามของไฮดราโจมตีอีกครั้ง
ไม่มีเวลาให้ค่อยๆ เตรียมตัวแล้ว ผมต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด ไม่มีทางอื่นจะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้
นอกจากนี้ มันก็มีเรื่องความต้องการส่วนตัวของผมปนอยู่ด้วย
เลเวลของผมตอนนี้คือ 12 ――ผมเพิ่มจาก 9 ไป 10 ตอนที่จัดการคลิมได้ และ 10 ไป 12 หลังฟันร่างของโกซุไป ตอนที่ฆ่าจินโบที่เมืองหลวงก็เหมือนกัน ดูเหมือนวิญญาณของพวกนักรบธงแห่งผืนป่าจะมีคุณภาพเหนือกว่าพวกมอนสเตอร์คลาสราชาเยอะเลยไม่ว่าจะแง่ของปริมาณและคุณภาพ
แล้วเจ้าสิ่งมีชีวิตในตำนานนั่นมันจะสุดยอดขนาดไหนกันล่ะ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมมองข้ามไปไม่ได้เลย
จากนี้พอคิดว่าหากสังหารมันได้ จะได้รับฉายาอย่าง ดราก้อนสเลเยอร์อีกมันก็ยิ่งทำให้ผมมีแรงใจในการสู้มากขึ้น
กลับไปยังสนามรบเพื่อเมืองอิชกะแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต――ใครมันจะไปมีปณิธานที่กล้าหาญขนาดนั้นกันเล่า
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code