ตอนที่ 96 โลกที่พังทลาย

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 96 โลกที่พังทลาย

ผมที่ยืนมองอยู่บริเวณข้างบนกำแพงขนาดใหญ่ของเมืองอิชกะ ได้เห็นร่างของคน 3 คนวิ่งตรงไปยังทางเหนือของประตูเมือง

ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าพวกเขาคือ 3 คนที่มาจากเกาะอสูรยักษ์ คลิมกับโกซุได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บจากนักบวชซาร่าไปแล้ว หลังเธอรีบเดินทางเข้ามาในเมืองเพราะได้ยินเสียงคำราม นอกจากนี้ผมก็ให้พวกเขาดื่มโพชั่นเสริมพลังกายไปแล้ว การรับมือกับพวกมอนสเตอร์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

คลิมแสดงท่าทีไม่พอใจอยากมากหลังจากผมมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขา หลังบาดแผลถูกรักษา แต่เขาก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมาเสียงดัง อาจจะเป็นเพราะโกซุเป็นคนออกคำสั่งอีกทีก็ได้มั้ง ไม่ก็พี่สาวของเขาเป็นคนเกลี้ยกล่อม

――เดี๋ยวนะ จะว่าไปไอ้หมอนี่ก็หน้าแดงจนเงียบไปเลยทันทีที่ได้เห็นนักบวชซาร่านี่หว่า หวังว่าจะไม่เกี่ยวกับเธอหรอกนะ…

เอาเป็นว่าสุดท้ายทั้ง 3 คน ก็น่าจะชั่วเป็นโล่กำบังพวกมอนสเตอร์ให้ได้ตามที่ผมหวังแหละ การป้องกันแนวหน้าก็คงหายห่วง

แต่ปัญหาอยู่ตรงแผนที่ผมวางไว้อย่างอื่นเนี่ยสิ

คนในแคลนของผมไม่ฟังคำสั่งผมเลยแม้แต่คนเดียว

ลูนามาเรียก็ออกไปลาดตระเวนทั่วเมืองเพื่อช่วยผู้บาดเจ็บจากเหตุความวุ่นวายภายใน นอกจากนี้เธอก็ทำหน้าที่ในการจัดการหัวขโมยที่ฉวยโอกาสด้วย

“มาสเตอร์ ในนามของดาบควันโลหิต เราจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับแคลนค่ะ ยิ่งเป็นสถานการณ์แบบนี้ด้วย”

คำพูดของนักปราชญ์เอลฟ์ถูกต้องจนผมเถียงอะไรไม่ออก

เพราะผมสร้างแคลนขึ้นมาก็เพราะไม่พอใจกับการกระทำของกิลด์ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ อย่าว่าแต่กิลด์เลย เมืองอิชกะจะอยู่รอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ผมก็เลยไม่มีเหตุผลให้ต้องยกระดับความเชื่อมั่นทางสังคมของแคลน

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะบอกลูนามาเรียสักหน่อย

เพราะเธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกแคลนรุ่นก่อตั่ง เธอรู้เหตุผลที่ผมสร้างแคลนดีกว่าใคร และผมก็ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันให้ความสำคัญอะไรกับแคลนที่สร้างขนาดนั้น

ดังนั้นพอเธอบอกว่านี่เป็นการทำเพื่อแคลน ผมก็เลยรู้สึกสงสัยการตัดสินใจของเธอนิดหน่อยที่ยังเลือกจะอยู่เมืองนี้ต่อ พอผมถามไปเธอก็ยิ้มให้กับผมอย่างขมขื่น เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอหมายถึงอะไร

ทางมิโรสลาฟก็ไม่ต่างอะไรกับลูนามาเรีย เธอออกไปช่วยจัดระเบียบของเมืองให้กลับมาเหมือนเดิม

จอมเวทสาวผมแดงที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดจากการใช้เวทระเบิดตัวเอง แต่พอได้รับการช่วยเหลือให้พ้นความตายมาได้ด้วยพลังของนักบวชซาร่าและอิเรีย เธอก็ดื่มโพชั่นที่มีทั้งหมดในคราวเดียวและออกไปทำหน้าที่ทันที

“นี่เป็นหน้าที่ของฉันในการปกป้องฐานที่มั่นของคุณ ยามคุณไม่อยู่ ครั้งแรกฉันพลาดไป แต่ฉันจะไม่ยอมให้มีครั้งที่สองค่ะ….ฉันไม่อยากแสดงภาพที่ไม่น่าดูอีกแล้ว”

ทางมนุษย์สัตว์สาวชีลก็พยักหน้าให้กับคำพูดของมิโรสลาฟ

ถึงทางชีลจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเท่ามิโรสลาฟ แต่การที่เธอรับการโจมตีของไคลอาแทนซูซูเมะ มันก็สร้างบาดแผลให้เธอพอสมควร

แน่นอนว่าบาดแผลของเธอปิดไปแล้วเพราะนักบวชซาร่า แต่ก็ใช่ว่าเลือดที่เสียไปจะกลับมาด้วยในทันที เธอควรจะนอนพักอยู่บนเตียงด้วยซ้ำเช่นเดียวกับมิโรสลาฟทำไมเธอถึงเลือกดื่มโพชั่นแล้วฝืนตัวเองออกไปกัน

พอเป็นแบบนี้ชีลก็เลยมองว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะมาพัก ในขณะที่มิโรสลาฟซึ่งอาการหนักกว่าเธอยังต้องออกไป

เหล่าผู้ที่บาดเจ็บได้พยายามช่วยเหลือกันและกัน คงไม่ต้องบอกนะว่าซูซูเมะที่ทั้ง 3 สาวช่วยกันปกป้องจะแสดงท่าทีแบบไหนออกมา

แม้เธอจะยังรู้สึกกลัวจากเหตุการณ์ที่ 3 คนจากเกาะมาโจมตี แต่เธอก็ตั้งใจพยายามเข้าไปช่วยเหลือดูแลอาการของมิโรสลาฟและชีล เธอบอกว่าเธอจะตามไปคุมดูแลเผื่ออาการของพวกเธอทั้งสองแย่ลงกะทันหัน

ก็รู้แหละว่าเธอเป็นเด็กดีนะ

คงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนบาดเจ็บ ผมก็บอกเธอไม่ให้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วนะ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าสุดท้ายคำพูดของผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก

หากมีเวลามากกว่านี้จะอยากจะคุยกันเพิ่มหรอก แต่ตอนนี้เวลานี่แหละเป็นของที่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ทางนักบวชซาร่ากับอิเรียก็เหมือนกัน ดูเหมือนผมจะพาพวกเขาติดมาด้วยในเวลาที่เลวร้ายสุดๆ อันที่จริงผมมีหน้าที่ต้องพาพวกเธอไปยังที่ปลอดภัยด้วย แต่ก็เพราะเรื่องของเวลาทำให้ผมไม่มีเวลาพอ――เอาเถอะ สุดท้ายถึงผมจะขอให้ทั้งสองคนหนีไป ด้วยนิสัยพวกเธอก็คงไม่มีทางทอดทิ้งเมืองอิชกะหรอก

อธิบายหน่อยละกันว่าตอนนี้ปากช่วงล่างของผมกำลังถูกปิดไว้ด้วยที่ปิดปากสีขาว ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันพิษจากมอนสเตอร์ คนที่สร้างมันขึ้นมาก็คือนักบวชซาร่า

ก็แหงล่ะ เอาผ้าธรรมดามาปิดไว้เฉยๆ มันจะไปช่วยอะไรได้ เพราะงั้นนี่จึงเป็นผ้าศักดิ์สิทธิ์ ผ้าที่ถูกถักทอด้วยการใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์เข้ามาผสม――สิ่งนี้ก็จะไม่ต่างอะไรกับของที่ได้รับพรจากเทพแห่งกฎหมาย

“เอาจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะได้ผลกับพิษที่ทำลายล้างได้แม้กระทั่งผืนดินหรือเปล่า แต่มันก็ดีกว่าการไปตัวเปล่านี่เนอะ”

นั่นคือคำพูดที่นักบวชซาร่าซึ่งมีบางส่วนของเสื้อคลุมหายไปบอกกับผม

ผ้าปิดปากที่ผมได้รับมา มันถูกสร้างขึ้นมาจากเสื้อคลุมของเธอ เธอรับตัดมันออกมาส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นหน้ากากให้กับผม ทันทีที่เธอรู้ว่าผมต้องการจะไปเผชิญหน้ากับอะไร

จากการที่อิเรียหันหน้าหนีแล้วมองไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ขณะที่เห็นนักบวชซาร่าตัดชุดคลุมออก ผมคิดว่าชุดคลุมของนักบวชซาร่าคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากเลยทีเดียว

――พอเจอแบบนี้เข้าไปมันก็ได้เหตุผลที่ไม่สามารถแพ้ได้เพิ่มขึ้นมาแล้วสิ

ตอนแรกก็กะจะวางแผนต่อสู้ไม่ให้กดดันตัวเองมากเกินไปอยู่หรอกนะ

ระหว่างที่กำลังคิดๆ อะไรอยู่ ผมก็มองไปยังบริเวณทิศเหนืออีกครั้ง

สิ่งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน มันได้ปรากฏขึ้น

บริเวณทิศเหนือที่ไกลออกไป มีหอคอยสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้าจากป่าทีทิส

อันที่จริงก็ขึ้นอยู่กับมุมมองนะว่าจะเห็นมันเป็นอะไร บ้างก็ว่าเป็นของคล้ายกับต้นไม้ขนาดใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นทอร์นาโด

ส่วนขนาดของมันก็เท่ากำปั้นได้หากมองจากตรงจุดนี้ แต่ด้วยระยะห่างของมันกับเมืองอิชกะ ผมคิดว่าขนาดจริงมันน่าจะใหญ่พอทับเมืองอิชกะได้ทั้งเมืองเลย

ดิน ต้นไม้ น้ำในพื้นที่นั้นถูกดูดขึ้นไปบนท้องฟ้า แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตอื่น พวกสัตว์อสูรก็ปะปนกันภายในนั้น ผมคิดว่าสีแดงของมันคงเป็นสีของดินที่ผสมเข้ากับเลือดสิ่งมีชีวิตมากมาย

「ภัยพิบัติที่มีเลือดเนื้อ ช่างเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมเสียจริง」

เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งผิดปกติพวกนี้เกิดมาจากเจ้าสิ่งมีชีวิตในตำนานนั่น

แค่เข้าใกล้ยังทำได้ไม่ง่ายเลย นับประสาอะไรกับการจะปราบมัน ถึงจะนำกองทัพนับล้านเข้ามาปราบ พวกเขาก็คงถูกพายุนั่นพัดหายขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นเศษเนื้อแน่

ก็ไม่รู้หรอกนะว่านั่นมันการสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันของเจ้านั่น หรือโลกใบนี้กำลังร่ำไห้ให้กับการมีอยู่ของมันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

แต่ไม่ว่าจะทางไหน สิ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในแง่พลังอำนาจหากต้องเทียบกับของที่เจอในอดีตทั้งหมด นี่สินะความสุดยอดของเผ่ามังกร สิ่งมีชีวิตในตำนานที่ยืนเหนือเผ่าพันธุ์อื่นทั้งหมด

―ถึงจะบอกไปแบบนั้น ผมกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันภายในส่วนลึกของผมมันกำลังกรีดร้องออกมาให้ผมรีบไปกลืนกินสิ่งนั้นเสียด้วยซ้ำ

ในวินาทีต่อมา ผมจึงกระโดดลงจากกำแพงเมือง

จากนั้นร่างกายของผมก็หยุดนิ่งลงไปจากการร่วง เพราะมีร่างของไวเวิร์นครามมารับผมเอาไว้ก่อนจะลงถึงพื้น จากนั้นมันก็บินขึ้นไปเหนือกำแพงเมือง

พวกผมทั้งสองทะยานขึ้นไปในอากาศ

「ไปกันเถอะ คราว โซราส」

คราว โซราสตอบสนองคำสั่งของผมอย่างกระตือรือร้นด้วยเสียง “กิ้ว!”

เดิมทีไวเวิร์นมันก็เป็นสายพันธุ์ย่อยของมังกรอยู่แล้ว สงสัยเหมือนกันว่าคราว โซราสจะปฏิเสธการเผชิญหน้ากับมังกรหรือแสดงความหวาดกลัวออกมาไหม

ทว่า มันกลับไม่แสดงอาการที่ว่ามาเลยสักนิด มันทำตามคำสั่งของผมด้วยท่าทีที่ดูมุ่งมั่น ก่อนจะบินตรงไปยังบริเวณพายุทอร์นาโดสีแดงฉาน

ผมยิ้มออกมาในขณะที่ขี่หลังไวเวิร์นอยู่

ดูเหมือนผมจะเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับคราว โซราสไปเยอะเลย รวมไปถึงสมาชิกแคลนคนอื่นๆ ของผมด้วย หากโดนบอกว่าเป็นพวกไม่มีตามองคนให้ดี ผมก็คงต้องยอมรับแล้วมั้งแบบนี้ เอาเถอะไว้หลังจากนี้ค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับคนรอบตัวผมไปเรื่อยๆ แล้วกัน

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้ คราว โซราสก็เดินทางมาถึงที่หมายแล้ว ถึงจะเจอพวกสัตว์อสูรที่บินได้ตามทางบ้าง แต่พวกมันก็หลีกหนีคราว โซราสเสียหมด ไม่ก็ถูกบาเรียที่สร้างมาจากมานาของมันผลักออกไป

เมื่อพวกผมมาถึงส่วนลึกของป่าทีทิส ก็พบว่าบนท้องฟ้าไม่มีพวกสัตว์อสูรอีกต่อไป

แต่มันถูกแทนที่ด้วยละอองสีม่วงแดงที่ฟุ้งไปมาแทน เศษดินที่ปลิวไปมาโดยรอบ มีมานาของสิ่งมีชีวิตในตำนานปะปนเข้ามาด้วย

ทัศนวิสัยที่เคยมองเห็นได้ชัดตอนนี้ถูกพวกเศษหินและดินบดบังไปหมด บางทีมันอาจจะมีพิษผสมเศษพวกนี้ด้วยก็ได้ แต่เพราะบาเรียของคราว โซราสเลยทำให้ผมไม่ได้รับผลกระทบอะไรจนถึงตอนนี้ ทว่า――

「กิ้ววว!」

「หื้ม ยังไหวอยู่ใช่ไหม ยังไงฉันก็ขอฝากนายด้วยล่ะ」

「กิ้ว!」

ผมลูบหลังของมันเบาๆ จากนั้นมันก็ส่งเสียงตอบรับกลับมา

วินาทีที่พวกผมบินเข้าไปในพายุ หูของผมก็ปวดไปจนหมด เสียงสะท้อนของลมพายุที่คำรามออกมาช่างรุนแรง ดินและต้นไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศก็ถูกพัดหมุนไปมา

ผมเข้าใจได้เลยว่าคราว โซราสต้องฝืนร่างกายตัวเองขนาดไหน เพื่อไม่ให้ถูกกระแสลมกลืนกินเข้าไป

ทัศนวิสัยตอนนี้กลายเป็นศูนย์ แต่อย่างน้อยพวกผมก็น่าจะใกล้กับจุดหมายมากขึ้น ผมมั่นใจว่าหากมองเห็นเป้าหมายของผมแล้ว สายลมพวกนี้ก็น่าจะเบาบางลง――แล้วก็เป็นเหมือนกับการตอบสนองความคิดของผม สิ่งนั้นราวกับสามารถอ่านใจของผมได้

เพราะบริเวณใจกลางของพายุ ความรุนแรงของลมมันไม่ได้เทียบเท่ากับบริเวณนอก

อย่างที่คาดไว้ เจ้าสิ่งนั้น

◆◆◆

สมเหตุสมผลแล้วที่จะเรียกมันว่า ตำนาน

ดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง หัว 8 หัว หาง 8 หาง ลำตัวที่ย้อมไปด้วยเลือด

เลือดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของมันคือพิษที่สามารถหลอมละลายโลกได้ทั้งใบ

หลักฐานการเกิดของฟุไค ศูนย์รวมแห่งวัฏจักรชีวิตและความตาย ราชาแห่งพิษที่ทำลายได้แม้กระทั่งความนิรันดร์แห่งทวยเทพ

ไฮดรา

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code