ตอนที่ 293 ฉันคิดถึงมากกว่าแก / ตอนที่ 294 เขาเทพจันทราสถานที่ต้องห้าม
ตอนที่ 293 ฉันคิดถึงมากกว่าแก
เช้าวันอาทิตย์ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จมู่เถาเยาก็ฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
นอกจากคนตระกูลเย่ว์กับอวิ๋นไป๋แล้ว เฉิงอันนั่ว ปาอิน ปาเฝ่ย ก็มากันหมด
เป็นครั้งแรกที่ปาเฝ่ยเห็นมู่เถาเยาฝังเข็ม ถึงกับตะลึงในทันที
ปู่ของเขาไม่ค่อยถนัดเรื่องการฝังเข็ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อกับเขาที่ค่อนข้างเรียนไปทางแพทย์สมัยใหม่
เมื่อฝังครบหนึ่งร้อยแปดเข็มแล้วปาเฝ่ยก็ยิงคำถามไม่หยุด คนอื่นอยากพูดก็แทรกไม่ได้
มู่เถาเยาดึงเข็มออกแล้วจับชีพจร เห็นปาเฝ่ยยังอยากพูดต่อ เธอจึงเอ่ยปาก “ปาเฝ่ย ฉันขอเอาเข็มทองไปฆ่าเชื้อก่อน ถ้าสนใจเรื่องการฝังเข็ม อาจารย์สามของฉันเก่งที่สุดแล้ว”
“ได้ครับ คุณไปจัดการฆ่าเชื้อเข็มก่อน ผมจะขอคำชี้แนะจากหมอลู่”
“อืม”
มู่เถาเยาเก็บกล่องยาใบน้อยแล้วเดินขึ้นชั้นบนกลับห้องคนเดียว
เมื่อลงมาอีกครั้งทุกคนก็ออกจากสวนหย่อมกลับมาที่ห้องรับแขกแล้ว
ลู่จือฉินยิ้มพูดกับลูกศิษย์ “เสี่ยวเยาเยา สุขภาพของคุณชายเล็กใช้ได้เลยทีเดียว เดี๋ยวพอถึงหน้าหนาวก็บำรุงให้มีเนื้อหนังได้พอดี”
บำรุงไปออกกำลังไป สุขภาพก็จะดีขึ้น ดูดีขึ้น
สองชาตินี้ของเธอรวมกันยังไม่เคยเจอเด็กหนุ่มที่ดูดีแบบนี้มาก่อน
ถ้าสุขภาพแข็งแรง ต่อให้ไม่เก่งเท่าเสี่ยวเยาเยา เธอกับเย่ว์เลี่ยงก็จะไม่คัดค้านถ้าเขาจะมาเป็นสามีของเสี่ยวเยาเยา
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ค่ะ ตี้อู๋เปียนใกล้เหมือนคนทั่วไปแล้ว”
ตี้อู๋เปียนก็ดีใจ
“ซาลาเปาน้อย ตอนบ่ายพวกเธอยังจะไปเขายอดหมาป่าอีกไหม”
“ตอนบ่ายไปเขาเทพจันทรา พรุ่งนี้จะไปป่าพิษหมาป่าแล้ว จะกลับมาก่อนฝังเข็มครั้งถัดไปของคุณ”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ป่าพิษหมาป่าอยู่ชายแดน ห่างจากตำหนักพระจันทร์ไปไกลมาก ถ้าไปกลับ รวมกับเส้นทางที่ต้องเดินซ้ำของวันก่อนหน้า มันจะเสียเวลามาก คุณเดินทางไกลเป็นครั้งแรกไม่ใช่เหรอ ช่วงหลายวันนี้ออกไปเดินเที่ยวในเผ่ากับน้าเล็กแล้วกันนะ”
“…อืม”
“ตำหนักพระจันทร์มีห้องสมุด ถ้าเบื่อก็ไปอ่านหนังสือได้”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่มีทางเบื่อ เธอทำธุระของเธอไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
“อืม พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ ฉันจะส่งรูปหญ้าอายุยืน ดอกจื่อตัน หญ้าไป่หลิงไปให้อาจารย์ใหญ่กับพวกศิษย์พี่”
“ได้”
ปาเฝ่ย “เสี่ยวเยาเยา ผมก็อยากได้รูปหญ้าไป่หลิงด้วย”
ปาอินยกมือ “ฉันเอาด้วย”
ตอนพวกเขามาถึงเห็นหญ้าอายุยืนกับดอกจื่อตันที่ปลูกอยู่ในตะกร้าตรงประตูแล้ว ดังนั้นขอแค่รูปหญ้าไป่หลิงก็พอ
“อืม เดี๋ยวส่งเข้าโทรศัพท์ให้นะ”
มู่เถาเยาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ค้นหารูปถ่ายแล้วส่งให้ทุกคน
สองสามนาทีต่อมาโทรศัพท์ก็สั่น
ใบหน้าของมู่เถาเยามีรอยยิ้มบาง เธอกดรับวิดีโอคอล คุยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอย่างไม่รู้ตัว
คนตระกูลเย่ว์เห็นแก้วตาดวงใจของตัวเองมีท่าทีออดอ้อนแบบเด็กสาวก็รู้สึกปวดใจเป็นครั้งที่หมื่น แต่ก็ดีใจ
ลู่จือฉินสบตากับเย่ว์เลี่ยงแล้วยิ้ม
มู่เถาเยาคุยกับปลายสายประมาณสิบห้านาที ตั้งแต่เรื่องการแพทย์ไปจนถึงวรยุทธ์
อืม เปลี่ยนไปคุยกับอาจารย์รองต่อ
ไม่กี่นาทีต่อมาก็คุยกับอาจารย์แม่รอง
สุดท้ายถึงเป็นเป่ยซี
คุยได้ประมาณสิบนาทีมู่เถาเยาก็ส่งโทรศัพท์ให้พ่อ
“คุณแม่ก็อยากคุยกับทุกคนค่ะ”
เย่ว์หลั่งรับโทรศัพท์มา มองคนในจอด้วยสายตาอ่อนโยน
“เสี่ยวซี…” บลาๆๆ บลาๆๆ
คำพูดอย่างคิดถึง ชื่นชม พรั่งพรูออกมาไม่หยุด ไม่รู้สึกอายเลยสักนิดที่พูดคำหวานๆ ออกมาต่อหน้าทุกคน
คนอื่นๆ ต่างตะลึงงัน ยกเว้นคนตระกูลเย่ว์ที่เห็นจนชินแล้ว
อวิ๋นไป๋คิดในใจ เขายังดูด้อยกว่าหน่อยเมื่อเทียบกับพี่เย่ว์
ต้องเอาอย่างบ้าง!
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ตี้อู๋เปียนเห็นความรักอันร้อนแรงแบบไม่มีปิดบังแบบนี้
คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่เหมือนคนประเทศเหยียนหวงเลยจริงๆ
ส่วนใหญ่คนเหยียนหวงจะเก็บความรู้สึก น้อยมากที่จะกล้าพูดคำหวานๆ ต่อหน้าผู้คนแบบลุงเย่ว์
ตี้อู๋เปียนแอบจดจำเอาไว้ อีกหน่อยซาลาเปาน้อยคงพูดกับเขา
ซาลาเปาน้อยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของลุงเย่ว์ จะต้องสืบทอดความกล้าแสดงออกและสำนวนภาษาแบบนี้มาแน่นอน
ตี้อู๋เปียนแค่ลองจินตนาการใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าวแล้ว
มู่เถาเยาเอาหลังมือแนบหน้าผากเขา
ไม่เห็นจะมีไข้!
เธออดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ “ทำไมหน้าแดงล่ะตี้อู๋เปียน”
ทุกคนพากันหันไปมองตี้อู๋เปียน
“เอ่อ…ฉันนึกถึงเรื่องบางอย่างแล้วตื่นเต้นน่ะ ไม่ใช่ไข้ขึ้นหรอก” เขินต่างหาก
หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“เอ่อ ไม่เป็นไรก็ดี”
ตี้อู๋เปียนกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ผิวของเขาขาวเกินไป แค่หน้าแดงเล็กน้อยก็เห็นได้ชัดแล้ว
เฮ้อ เขาควบคุมอาการทางร่างกายไม่ได้ งั้นก็ต้องควบคุมสมองตัวเอง แบบนี้น่าจะได้หรือเปล่า
เย่ว์หลั่ง “ลูกรัก พ่อคิดถึงแม่ของลูกแล้ว ไว้ลูกกลับมาพ่อจะตามไปหมู่บ้านเถาหยวนด้วยทิ้งพี่ชายสองคนของลูกไว้ที่นี่”
เย่ว์จือกวง “!”
ตอนแรกตกลงกันไว้แล้วว่าให้เขาไปส่งน้องสาวกับคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย!
“พ่อครับ ผมก็คิดถึงแม่เหมือนกัน…”
“ฉันคิดถึงมากกว่าแก ครั้งหน้าแกค่อยไป” เย่ว์หลั่งไม่รอให้ลูกชายสองคนคัดค้านก็ออกคำสั่งทันที
เย่ว์จือกวง “…”
เย่ว์จือเหิงลอบถอนหายใจ เขาก็คิดถึงนะ!
แต่ถ้าพ่อกับอาไปหมู่บ้านเถาหยวนกันหมด งั้นพวกเขาสองพี่น้องก็ต้องอยู่ที่เผ่าแน่นอนแล้ว
ผู้สูงวัยทั้งสี่ เย่ว์หลั่ง เย่ว์เลี่ยง ต่างไม่สนว่าสองพี่น้องคิดยังไง อย่างไรเสียพวกเขาก็จะไป
ปาเฝ่ย “ผมก็จะหาเวลาไปอยู่หมู่บ้านเถาหยวนหน่อยครับ”
ปาอิน “ฉันรอปิดเทอมหน้าหนาวค่อยไป” ตอนนี้เสี่ยวเฉิงอยู่ที่เผ่า เธอต้องทำหน้าที่ไกด์ที่ดี
เย่ว์จือเหิงกับเย่ว์จือกวงไม่กล้าอิจฉาผู้อาวุโส แต่มองปาเฝ่ยด้วยความอิจฉาก็พอได้
ปาเฝ่ยรับสายตาอาฆาตจากสองพี่น้อง เขาผายมือออกด้วยความจนปัญญา ช่วยไม่ได้
ตอนที่ 294 เขาเทพจันทราสถานที่ต้องห้าม
เวลาบ่ายสองโมง มู่เถาเยา เย่ว์เลี่ยง เย่ว์หลั่ง เย่ว์จือเหิง และเย่ว์จือกวง ก็ออกเดินทางไปเขาเทพจันทราสถานที่ต้องห้ามของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมเป็นสถานที่ต้องห้าม กาลเวลาล่วงเลยมานานจนตอบกันไม่ได้แล้ว
รู้เพียงว่าจะกี่รุ่นกี่ยุคก็มีแค่คนตระกูลเย่ว์เท่านั้นที่ไปได้
สถานที่ต้องห้ามอย่างเขาเทพจันทราถูกระบุไว้ในกฎหมาย ทางขึ้นเขาก็มีค่ายทหารปักหลักอยู่ คุ้มกันหนาแน่นราวกับเขตชายแดน
ที่นั่นยังเป็นภูเขาธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเผ่าหมาป่าพระจันทร์อีกด้วย ยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอด แม้แต่กลางฤดูร้อน
นี่คือความมหัศจรรย์ของธารน้ำแข็งและภูเขาไฟที่เฝ้าดูกันและกัน
รถวิ่งไปตามทางหลวงที่โอบล้อมเผ่า เย่ว์หลั่งเล่าเรื่องเขาเทพจันทราให้มู่เถาเยาฟังอย่างมีความสุข
เมื่อเข้าไปในเขาเทพจันทราแล้วลูกสาวถึงจะถือเป็นคนตระกูลเย่ว์อย่างแท้จริง
“…ลูกพ่อ เขาเทพจันทรามีพื้นที่หนึ่งแสนตารางกิโลเมตร พื้นที่หนึ่งในสี่ถูกธารน้ำแข็งปกคลุม หนึ่งในสี่เป็นภูเขาไฟ หนึ่งในสี่เป็นแหล่งของชวนไป๋กับเยี่ยนหง ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสี่เป็นทะเลสาบน้ำแข็ง น้ำตก น้ำพุร้อน เป็นต้น…”
มู่เถาเยาตั้งใจฟังมาก ทั้งยังพยักหน้าเรื่อยๆ “นอกเหนือจากการอยู่ร่วมกันของธารน้ำแข็งและภูเขาไฟ รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบชนิดอย่างชวนไป๋กับเยี่ยนหง ดูเหมือนว่าก็ไม่ได้แตกต่างจากธารน้ำแข็งและภูเขาไฟอื่นๆ มากนักหรือเปล่าคะ”
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น เพียงแต่พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นสถานที่ต้องห้าม”
อันที่จริงภูเขาไฟและธารน้ำแข็งส่วนใหญ่สามารถเข้าไปสำรวจได้ แต่คนตระกูลเย่ว์อย่างพวกเขารู้มาตั้งแต่เด็กว่าคนนอกห้ามเข้าเขาเทพจันทรา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงให้ทีมนักสำรวจเข้าไป
“อาคะ ในหนังสือประวัติศาสตร์ไม่มีบันทึกไว้เหรอคะว่าทำไมถึงห้าม”
เย่ว์เลี่ยงส่ายหน้า “ไม่มีจ้ะ บันทึกประวัติศาสตร์ที่พวกเราเก็บไว้มีแค่ช่วงห้าพันปีมานี้ เก่ากว่านั้นไม่รู้ว่าหายไปในยุคสมัยไหนแล้ว”
เย่ว์หลั่งพูดต่อ “สิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ตอนนี้ เริ่มตั้งแต่หัวหน้าเผ่าคนหนึ่งที่เมื่อห้าพันปีก่อนตายโดยที่ยังไม่ได้มอบหมายหน้าที่ บางทีมันอาจจะขาดช่วงตั้งแต่ตอนนั้น”
มู่เถาเยา “…”
ทำลูกหลานลำบากรู้บ้างไหม
ทำไมไม่สั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ
อย่างแบบเธอดีจะตาย ต่อให้ตายกะทันหันก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง
“งั้นหมอเทวดาปาถิงเข้าไปในเขาเทพจันทราทำไมคะ”
เย่ว์หลั่งถอนหายใจเล็กน้อย “ลุงปาถิงเข้าไปเพื่อศึกษาเยี่ยนหงกับชวนไป๋ รวมถึงพวกน้ำจากธารน้ำแข็ง หินภูเขาไฟ เขาทำเพื่อเผ่ามาตลอดชีวิต เป็นผู้ที่มีแต่ให้อย่างแท้จริง…ปรากฏว่าคนที่มีสุขภาพแข็งแรงกลับอวัยวะล้มเหลวโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า”
“น้ำในทะเลสาบธารน้ำแข็งมีอะไรที่ไม่เหมือนกันเหรอคะ” ไม่อย่างนั้นทำไมต้องศึกษามันด้วย
“น้ำในทะเลสาบธารน้ำแข็งมีสีขาวขุ่นเหมือนนม ไม่เหมือนน้ำจากธรรมชาติของที่อื่น”
“เอาออกไปศึกษาไม่ได้เหรอคะ”
“เคยเอาออกไปตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าก็ไม่ได้แตกต่างจากน้ำธรรมชาติของที่อื่น แค่สะอาดกว่าหน่อย”
เย่ว์เลี่ยงพยักหน้า “ใช่ สุดท้ายทำได้เพียงพาลุงปาถิงเข้าไป”
มู่เถาเยาแค่ฟังก็รู้สึกแปลกใจ
ปริศนาบนโลกนี้มันช่างเยอะเหลือเกิน!
เมื่อชาติก่อนมัวแต่ทำสงครามกับศึกภายในวัง เลยพลาดเรื่องที่น่าสนใจจำนวนมากในธรรมชาติ
เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา ดูเหมือนพวกเราจะยังไม่เคยเล่าที่มาของชื่อน้องให้ฟัง”
“หืม มีที่มาด้วยเหรอคะ ไม่ใช่เติมเต็มแบบที่คุณปู่บอกเหรอคะ”
เย่ว์หลั่งอธิบาย “นั่นแค่ส่วนหนึ่ง ตัวอักษร ‘อิ๋ง’ ในชื่อของลูกถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แม่ของลูกยังไม่ตั้งท้อง ตอนนั้นครอบครัวเรามาที่เขาเทพจันทรา บนยอดเขาปรากฏประกายแสงที่อ่อนโยนมาก สะท้อนไปบนทะเลสาบธารน้ำแข็ง…ต่อมาก็เลยมีชื่อ ‘เย่ว์จืออิ๋ง’ ยังไงล่ะ…”
เย่ว์เลี่ยงพยักหน้า “ใช่ อาเป็นคนคิดชื่อ ‘เย่ว์จืออิ๋ง’ ได้ก่อน ตอนนั้นอาอยากมีหลานสาวมาก ไม่คิดว่าพอกลับถึงบ้านแม่ของหลานก็รู้สึกไม่สบายตัว ไปหาหมอถึงได้พบว่าตั้งท้อง…พวกเราเลยตัดสินใจว่า ไม่ว่าท้องนี้จะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็จะให้ชื่อ ‘เย่ว์จืออิ๋ง’…”
คนเป็นพ่อยิ้มกว้างกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่น้องสาวที่อยากได้หลานสาว ทั้งครอบครัวต่างก็อยากมีเด็กผู้หญิงในบ้าน รวมถึงสองผู้สูงวัยตระกูลเป่ยด้วย
อยู่ๆ มู่เถาเยาก็แอบรู้สึกดีใจที่ตัวเองไม่ใช่เด็กผู้ชาย ไม่อย่างนั้นให้ชื่อ ‘เย่ว์จืออิ๋ง’ …
เธอฟังแล้วยังเขินแทนเลย
บรรยากาศภายในรถเป็นไปด้วยดี ทุกคนต่างพูดไม่หยุดยกเว้นเย่ว์จือกวงที่ขับรถอยู่ แม้แต่มู่เถาเยาที่มาเผ่าครั้งแรกก็ยังไม่หันไปมองนอกรถ
ตอนนี้ความเร็วของรถลดลงแล้ว พี่รองลดกระจกลงทั้งหมด เธอถึงได้เหลือบมองไปด้านนอก
เห็นป้อมทหารพอดี
พวกเขายังทำความเคารพด้วย
เธอเห็นความสงสัยในดวงตาของพวกเขา คงเพราะเห็นเธอหน้าแปลก
เย่ว์จือเหิงโทรหาหัวหน้าค่าย บอกให้รวมพลทหารทุกคนในค่ายแห่งนี้ตอนห้าโมงที่ตรงนี้ เพื่อมาพบว่าที่หัวหน้าเผ่า
มู่เถาเยา “…”
ในอีกห้าปีข้างหน้าเธออาจจะมาที่เผ่าบ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะมาเขาเทพจันทรา มาพบเธอตอนนี้จะมีความหมายอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นอายังต้องอยู่ในตำแหน่งอีกยี่สิบปี เรียกว่าว่าที่หัวหน้าเผ่าตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ
คำพูดนี้ถ้าเป็นสมัยโบราณในราชวงศ์ที่ลูกหลานเยอะ องค์ชายคนนี้คงใกล้ตายแน่แล้ว
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ ตอนนี้เข้าสู่ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับอย่างเป็นทางการแล้ว ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ไม่มีพืช สัตว์ และบ้านคน”
มู่เถาเยามองไปนอกหน้าต่าง เห็นสองข้างทางไม่มีต้นไม้ใบหญ้า สุดสายตาเห็นเพียงภูเขาไฟสีน้ำตาลเหลืองที่ดูแห้งแล้ง
พื้นที่กันดารก็คงจะเป็นเช่นนี้