บทที่ 210 พ่อลูก
เซวียนผิงโหวตัดสินใจจะไปพบเซียวลิ่วหลัง

“เขาพักที่ไหน” เซวียนผิงโหวเอ่ยถามผู้ดูแลหลิว

“ตรอกปี้สุ่ยขอรับ” ผู้ดูแลหลิวให้คำตอบที่อยู่ของเซียวลิ่วหลังและกู้เจียว

เซวียนผิงโหวขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังตรอกปี้สุ่ย

โดยมีฉังจิ่งเป็นสารถี

ตั้งแต่ที่เซียวลิ่วหลังสอบฮุ่ยหยวนได้ ตรอกปี้สุ่ยก็ดูจะคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ บริเวณหน้าตรอกเต็มไปด้วยรถม้าจอดเรียงราย

ทำให้รถม้าของเซวียนผิงโหวเข้าไปในตรอกนั้นไม่ได้

เขาได้แต่ถอนหายใจ

พลางนึก กะอีแค่มาเจอลูกชายมันยากขนาดนี้เชียวรึ

เซวียนผิงโหวตัดสินใจลงเดิน ฉังจิ่งเดินตามเขามาติดๆ บุรุษวัยกลางคนสองคนเดินเรียงหน้าหนึ่งหลังหนึ่งเดินดุ่มๆ เข้าไปในตรอก

เซวียนผิงโหวรู้ได้ในทันทีว่าเรือนหลังไหนเป็นของลูกชายเขาโดยที่ไม่ต้องมีคนมาบอก เพราะประตูหน้าเรือนถูกเปิดออกกว้าง โดยที่มีคนไม่ซ้ำหน้าเดินเข้าออกกันขวักไขว่

จู่ๆ เซวียนผิงโหวเอ่ยขึ้นกับฉังจิ่ง “เจ้าไปหาที่หลบก่อน หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องเข้ามาล่ะ”

ฉังจิ่ง “ขอรับ”

เซวียนผิงโหวเอ่ยจบก็ย่างเท้าเข้าไปยังเรือนของเซียวลิ่วหลังและกู้เจียว

เซวียนผิงโหวแค่อยากให้เขาหาที่พักก็เท่านั้น แต่ด้วยความที่ฉังจิ่งเป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก ก็เลยนึกอำพรางตัวด้วยการใส่ชุดสวมหมวกแปลงกายเป็นชาวนา แล้วนั่งยองๆ พิงข้างกำแพง

พอเซวียนผิงโหวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรือน ก็มีแขกอีกกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะกลับออกไป ขณะที่เซียวลิ่วหลังกำลังจะปิดประตูใหญ่ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่มือหนึ่งเข้ามาขวางไว้

เซียวลิ่วหลังเปิดประตูออกไปดู

เซวียนผิงโหวนึกในใจ หึ หน้านิ่งเชียวนะ

เซียวลิ่วหลังมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉย “มีเรื่องอันใดรึ”

หึ ท่าทีเย็นชาแบบนี้ หากเป็นเซียวเหิงละก็ ป่านนี้เขาคงมีน้ำโหไปนานแล้ว

เซวียนผิงโหวสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยทัก “เจ้าใช่…”

“ไม่ใช่” เซียวลิ่วหลังรีบตัดบททันควัน

เซวียนผิงโหวถึงกับกุมขมับ ก่อนจะขมวดคิ้วแผดเสียงใส่ “อะไรมาใช่ไม่ใช่ ข้ายังถามไม่จบเลย!”

“ต่อให้ถามแล้ว ข้าก็จะยังตอบว่าไม่อยู่ดี” เซียวลิ่วหลังโต้กลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เซวียนผิงโหวพยายามข่มความโกรธไว้ในอก

เซียวลิ่วหลังคว้ามือของเขาที่กำลังคาอยู่ที่ประตูลงไป เซวียนผิงโหวนึกว่าเขาจะทำอะไร สุดท้ายเซียวลิ่วหลังปิดประตูเรือนอย่างสนิท

เซวียนผิงโหวนึกในใจ เจ้าเด็กบ้า!

คนอย่างเซวียนผิงโหวแน่นอนว่าไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยความที่โตมากับค่ายทหาร จึงพุ่งตัวเข้าไปที่ประตูด้วยความมั่นใจ

ปึง!

ประตูเรือนที่ถูกผลักออกปิดลงแล้ว ส่วนร่างของเซวียนผิงโหวก็ได้เข้ามาอยู่ในลานหน้าเรือนจนได้!

เซวียนผิงโหวเลิกคิ้วมองไปที่อีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้าเรือนไปอย่างไม่สนใจใยดี

เซียวลิ่วหลังเบื่อจะท้าวความยาวสาวความยืดกับเขา

ส่วนเซวียนผิงโหวรู้ว่าเจ้าลูกชายตัวจะแสบจะต้องแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเอามือกุมหน้าอก และใช้อีกมือป้องปากแล้วไอออกมา

ขณะไอโขลกนั้น เขาก็เอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่เตรียมไว้ปิดปากไว้ พอหยิบออกมาดู ปรากฏบนผ้าเช็ดหน้ามีรอยคราบสีแดงสด

นี่ไง ข้าไอเป็นเลือดแล้ว

เขามีอาการบาดเจ็บที่ร่างกายซึ่งเป็นเก่าจากการต่อสู้กับแคว้นเฉินเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาชนะมาได้ก็จริง แต่อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงใช้ได้เลยทีเดียว

เรื่องนี้เซียวเหิงรู้ดี

เซวียนผิงโหวจงใจคลี่ผ้าออกให้เขาเห็น

ดูสิดู เลือดออกแล้วเห็นไหม!

หารู้ไม่เซียวลิ่วหลังไม่มองแม้แต่หางตา

มุกนี้ใช้ไม่ได้หรอกรึนี่

เซวียนผิงโหวกัดฟันแน่น จากนั้นล้มลงไปบนพื้น

เรื่องหน้าไม่อายขอให้บอก เพราะในเมืองหลวงแห่งนี้ เขานี่แหละไม่เป็นรองใคร

เซวียนผิงโหวตัดสินใจใช้วิธีนี้หลอกล่อเซียวลิ่วหลังโดยการล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งขวางทางที่เขากำลังจะเดินพอดี

มีหรือที่เซียวลิ่วหลังจะคล้อยตาม เด็กหนุ่มผู้ไร้หัวใจคนนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้าวเท้าขึ้น แล้วเดินข้ามร่างที่นอนอยู่บนพื้นของเซวียนผิงโหวไปต่อหน้าต่อตา

เซวียนผิงโหว

นี่ยังไม่นับว่าน่ากลัวที่สุดเสียทีเดียว เพราะขณะที่ก้าวแรกของเซียวลิ่วหลังข้ามไป พอกำลังจะก้าวเท้าหลัง จู่ๆ เสี่ยวจิ้งคงก็วิ่งเตาะๆ แตะๆ เข้ามาใกล้ๆ

เสี่ยวจิ้งคงที่เห็นเซวียนผิงโหวล้มลงกับพื้น “ไอ้หยา! มีคนล้มอยู่มิใช่รึ! เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ เขาคือท่านลุงสุดหล่อที่ข้าเจอตรงที่พักม้ามิใช่รึ”

เซียวลิ่วหลัง “อืม เจ้าช่วยเขาสิ”

เสี่ยวจิ้งคง “อ้อ แล้วต้องช่วยอย่างไรล่ะ”

เซียวลิ่วหลัง “ก็ช่วยอย่างทีเจียวเจียวช่วยยังไงล่ะ”

เสี่ยวจิ้งคงเอียงศีรษะทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะย่อตัวลงแล้วแล้วใช้ฝ่ามือกดเข้าไปที่หน้าอกของเขา

เขาเคยเห็นกู้เจียวช่วยชีวิตคนไว้ด้วยวิธีนี้

เขาเลียนแบบได้เหมือนกู้เจียวมาก ทั้งสีหน้าและท่าทาง จะติดก็แค่แรงน้อยเกินไปหน่อย ไม่ว่าจะกดอย่างไรก็กดไม่ลงเสียที

เสี่ยวจิ้งคงเลยตัดสินใจจะใช้เท้าเหยียบแทน

เขาถอดรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนร่างของเซวียนผิงโหว!

ทำเอาเซวียนผิงโหวจุกจนหน้ามืด

ให้ตายสิ!

เสี่ยวจิ้งคงเหยียบลงไปเต็มๆ ที่บริเวณแผ่นอกของเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า!

เซวียนผิงโหว “…”

เจ้าเด็กน้อย ตัวหนักเหมือนกันนะเรา…

ส่วนเซียวลิ่วหลังยิ้มกริ่มมองดูการแสดงของเซวียนผิงโหว

ในเมื่อทำขนาดนี้แล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ได้ เขาต้องแสดงต่อไป

“ไอ้หยา ไม่เห็นจะได้ผลเลย!” เสี่ยวจิ้งคงยอมแพ้ ลองคิดหาวิธีอื่นต่อพลางเอามือเท้าเอว “สงสัยต้องใช้วิธีผายปอด!”

เซวียนผิงโหว ผะ ผาย ผายอะไรนะ

เสี่ยวจิ้งคงค่อยๆ อ้าปาก สูดลมหายใจลึกจากนั้นเผยอปากออกเล็กน้อย

“ปล่อยเขาไปเดี๋ยวนี้นะ ข้าจัดการเอง!” เป็นเสียงตะโกนของแม่เฒ่าหลิวผู้ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเพื่อนบ้านของเพื่อนบ้านกำลังวิ่งตรงมาทางนี้พร้อมกับชุดกระโปรงและปากที่ทาด้วยชาดแดงก่ำ!

เซวียนผิงโหวเริ่มรู้สึกอกสั่นขวัญผวา!

เขาลืมตาแล้วรีบลุกขึ้น “ข้าดีขึ้นแล้ว!”

แม่เฒ่าหลิวทำหน้าผิดหวัง

แผนหลอกของเซวียนผิงโหวเป็นอันจบลงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม เขาโชคดีที่ได้พบจี้จิ่วอาวุโสทันทีที่เขาเดินออกจากตรอกปี้สุ่ย

จี้จิ่วอาวุโสที่เพิ่งออกมาจากเรือนของนายใหญ่จ้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้บังเอิญมาพบกับเซวียนผิงโหว ณ ที่แห่งนี้

เซวียนผิงโหวเอ่ยทักเขาก่อน “ฮั่วจี้จิ่ว”

“เซียว ท่านโหวเซียวรึ” เสียงและชื่อที่คุ้นเคยทำให้จี้จิ่วขมวดคิ้ว เขาหยุดมองด้วยความประหลาดใจ

แม้ว่ายศของจี้จิ่วอาวุโสจะต่ำกว่าเซวียนผิงโหว แต่จี้จิ่วอาวุโสเป็นผู้อาวุโสกว่า ซ้ำยังเป็นอาจารย์ของเซียวเหิง ทั้งสองจึงค่อนข้างสนิทกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทมากเสียทีเดียว

เขาไม่ได้อยู่ในค่ายเดียวกันกับเซวียนผิงโหว หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือเขาไม่ได้สังกัดที่ใดเลย

แม้เขากับราชครูจวงจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันกับฮ่องเต้และเซวียนผิงโหวอยู่ดี

จี้จิ่วอาวุโสจึงไม่ได้เอ่ยเรียกชื่อเซวียนผิงโหวแบบที่ราชครูจวงเรียก จะให้เรียกว่าโหวเหย่เฉยๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนิทกันถึงขนาดว่าจะเรียกแบบนั้นได้

เซวียนผิงโหวทำหน้างุนงง “เหตุใดท่านจี้จิ่วอาวุโสถึงมาปรากฏในที่แห่งนี้ได้ล่ะ”

“ข้า…”

ขณะที่จี้จิ่วอาวุโสกำลังจะตอบกลับไปว่าเขาแค่เดินผ่านตรงนี้ แต่จู่ๆ เสียงของหญิงชราก็พลันดังขึ้นจากเรือนของนายใหญ่จ้าว “เร็วหน่อยสิตาเฒ่า! กับแค่ให้ไปหยิบของที่เรือน เดินไม่กี่ก้าวแค่นี้ มัวแต่ชักช้าร่ำไรอยู่ได้!”

จี้จิ่วอาวุโสถึงกับสะดุ้งโหยง

จวงไทเฮาไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เลย เซวียนผิงโหวก็เช่นกัน ซ้ำเขายังมีความคิดอยากจะกำจัดไทเฮามาโดยตลอด นอกจากเรื่องที่ทั้งสองตระกูลไม่ลงรอยกันแล้ว ยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ

จวงไทเฮาเคยวางยาพิษเซียวเหิง

เหตุการณ์ครั้งนั้น เซียวเหิงที่เพิ่งจะอายุห้าขวบได้มีโอกาสเข้าเฝ้าในวัง แต่สุดท้ายกลับถูกจวงไทเฮาวางยาพิษ เคราะห์ยังดีที่เขารอดมาได้

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมิใช่การเข้าใจผิดอย่างแน่นอน

ตั้งแต่วันนั้น เซวียนผิงโหวก็เป็นอันตัดขาดกับจวงไทเฮา

หากเซวียนผิงโหวรู้ว่าจวงไทเฮาอยู่ที่นี่มีหวังได้นองเลือดกันแน่

ด้วยความที่ในอดีต ภาพลักษณ์จวงไทเฮาเวลาอยู่ในวังจะมีความเย่อหยิ่ง บวกกับน้ำเสียงของนางที่มีความสงวนท่าที สูงส่ง สง่างาม เยือกเย็นและแฝงไปด้วยอำนาจ ซึ่งตรงกันข้ามกับเสียงของหญิงชราเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง

แม้เซวียนผิงโหวจะไม่มีทางฟังออก

แต่ก็ชวนให้สงสัยได้ไม่มากก็น้อยล่ะ

เซวียนผิงโหวหรี่ตามองชายสูงวัย “จี้จิ่วฮั่วพักอยู่แถวนี้เองหรอกหรือ อยู่ข้างเรือนของอาเหิงใช่หรือไม่”

จี้จิ่วอาวุโสสะดุ้งในใจ แต่สีหน้ากลับนิ่งเฉยพลางตอบ “ข้ามิได้เป็นจี้จิ่วของกั๋วจื่อเจียนแล้วนะ”

เซวียนผิงโหวยิ้มอย่างเยือกเย็น “ตาเฒ่าเอ๋ย อย่าเบี่ยงประเด็นหน่อยเลย ข้าถามว่าท่านยังพักอยู่ข้างเรือนของอาเหิงใช่หรือไม่”

จี้จิ่วอาวุโสแสดงท่าทีขึงขัง “ที่ท่านโหวเซียวพูดมา เหตุใดข้าจะไม่เข้าใจ”

เซวียนผิงโหวไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือเข้าไปตบเบาๆ ที่บ่าของจี้จิ่วอาวุโสราวกับต้องการจบบทสนทนา ก่อนจะเดินหันหลังออกไป

แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวๆ จู่ก็พลันหยุดชะงัก หันหน้ากลับมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ “แม้ข้าจะเอ่ยถึงอาเหิง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่มีอาการเศร้าโศกอันใดเลยนะ”

จี้จิ่วอาวุโสสูดปากพลางนึกในใจ ไหนใครบอกเซวียนผิงโหวเป็นคนเอาแต่ใช้กำลังไม่มีสมอง ดูสิดู ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งเหลี่ยมจัดอย่าบอกใครเชียวล่ะ!

เฮ้อ เพราะเอาแต่พะวงเรื่องของไทเฮาจอมงูพิษนั่นแท้ๆ เลยเผลอหลงกลเข้าเสียจนได้

“ท่านโหวไม่ได้เป็นข้า จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เสียใจ” อย่างน้อยยังพอมีโอกาสแก้ตัวบ้างน่า!

“งั้นหรือ” เซวียนผิงโหวทำหน้ายิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินออกไป “ฉังจิ่ง พวกเราไปกันเถอะ!”

“ขอรับ” ฉังจิ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ครึ่งชั่วยามจนขาชาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับไม้เท้า

เซวียนผิงโหวชำเลืองเขาด้วยความเวทนา “ไปทำอะไรมา สะดุดขาตัวเองรึไง”

ฉังจิ่ง

เรื่องที่เซวียนผิงโหวมาเยือนมีแค่เซียวลิ่วหลังและจี้จิ่วอาวุโสเท่านั้นที่รู้ ขณะที่คนอื่นมองว่าเป็นแขกบ้านแขกเรือนทั่วไป

กู้เจียวที่ออกไปซื้อผัก พอกลับมาที่เรือน เสี่ยวจิ้งคงก็รีบเข้ามาเล่าเรื่องที่เขาช่วยชีวิตคนไว้ได้ กู้เจียวยังนึกอยู่เลยว่าแขกคนไหนมาเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวจิ้งคง

เสี่ยวจิ้งคงเอามือไขว้หลังพลางมองกู้เจียวตาปริบๆ พูดในใจว่า ชมข้าเร็วสิ ชมข้าเร็ว!

“อืม เสี่ยวจิ้งคงเก่งมากเลย” กู้เจียวชมเขา

เสี่ยวจิ้งคงทำท่าเอนหัวชวนเอ็นดู “แค่ชมอย่างเดียวหรอเจียวเจียว”

กู้เจียวจึงหอมๆ เขาไปหนึ่งที

เสี่ยวจิ้งคงกระโดดโลดเต้นด้วยความอิ่มเอม ดูแล้วน่ารักน่าชังยิ่งนัก!

น่ารักถึงขนาดว่าหัวใจแทบจะละลายกองลงไปที่พื้น แล้วยิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเดินเข้าไปในครัว เริ่มลงมือทำอาหาร

แขกที่มาเยี่ยมพอเห็นถึงความน่ารักของเสี่ยวจิ้งคง ก็รีบโบกมือให้และอยากที่จะเข้าไปเล่นด้วย

แต่จู่ๆ เสี่ยวจิ้งคงก็รีบหุบยิ้มลงแล้วเผยสีหน้าจริงจังออกมาพร้อมกับทำท่าเดินแบบเดียวกับตาเฒ่าจ้าว มุ่งหน้าไปที่ห้องพักของตัวเอง!

สีหน้าทุกคน “…”