ตอนที่ 82-2 ไม่ยอมรับ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทําให้รู้สึกราวกับว่าชีวิตของตนเองกําลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ตอนนี้ร่างกายของนางเย็นชาและความรู้สึกนี้แผ่กระจายไปสู่การแสดงออกภายนอกโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ สามารถเก็บซ่อนความสั่นไหวของตนเองเอาไว้ได้
ดวงตาอันแหลมคมของฮูหยินใหญ่เหมือนคมดาบที่ลึกล่า และนางยังคงจ้องมองไปยังหญิงสาวเป็นเวลา นาน จากนั้นจึงเอียงริมฝีปากของตนเองเบา ๆ
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ลุกขึ้นได้!”
แม่นมหลินยิ้มพร้อมกับพยุงร่างของจิวหยินเหนียงขึ้นมา ขณะที่หญิงสาวรู้สึกสับสนกับความตั้งใจของฮูหยินใหญ่มากขึ้น และคิดไม่ออกว่านายหญิงผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่
แต่รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดกลัวที่กําลังก่อตัวขึ้น ขณะที่ก้มหน้าที่แดงก่ําลงพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น โดยดวงตาที่น่าสงสารคู่หนึ่งของนางแอบเหลือบมองฮูหยินใหญ่ด้วยอาการสั่นสะท้าน
ช่างดูไร้เดียงสา และมันเหมือนกับใบหน้าของผู้หญิงเลวคนนั้น!
ฮูหยินใหญ่ไม่สามารถทนเห็นใบหน้าของนางที่มีความคล้ายคลึงกันได้ แต่ในที่สุดก็สามารถระงับความโกรธและบอกให้นางนั่งลง
จิวหยินเหนียงยกตัวของตนเองขึ้นเล็กน้อยและนั่งลง และแม้ว่าจะนั่งลงแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะวางน้ําหนักทั้งหมดลงบนเก้าอี้ โดยร่างกายของนางถูกยกขึ้นเล็กน้อย
“สิ่งที่ฮูหยินใหญ่กล่าวถึงเมื่อครู่คือเรื่องอันใดหรือ?”
มือของจิวหยินเหนียงกํากระโปรงของตนเองโดยไม่รู้ตัวโดยน้ําเสียงของนางสั่น
ฮูหยินใหญ่ยิ้ม
“โอ้! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อครู่แม่นมหลินมาเล่าให้ข้าฟังว่าคนที่ชื่อหมิงจี้ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับนางบําเรอของขุนนางดังนั้นเขาจึงถูกจับและมัดเอาไว้”
“อา…”
จิวหยินเหนียงรู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่เริ่มต้น และหลังจากที่ได้ฟังคํากล่าวเหล่านั้นแล้ว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกแน่นในอก และไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้แม้แต่คําเดียว
จากนั้นความอับอายอย่างมากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง และน้ําตาก็เริ่มก่อตัวขึ้นในดวงตาที่สับสนของหญิงสาว
ราวกับว่าฮูหยินใหญ่มองไม่เห็นความกลัวในดวงตาของนาง และทําเพียงแค่หัวเราะ
“มันน่าเสียดายจริง ๆ ที่งานเลี้ยงของเจ้าวันนี้มีความวุ่นวาย แต่นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะนักแสดงที่สกปรกเช่นนั้นไม่สมควรมีสิทธิ์ได้ย่างเท้าก้าวเข้ามาในบ้านตระกูลหลี่จวหยินเหนียง! เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?!”
จิวหยินเหนียงไม่ทราบว่าจะกล่าวอย่างไรดีจึงได้แต่กล่าวค่าว่า
ฮูหยินใหญ่หัวเราะเยาะ
“ข้ายังมิได้สอบถามเจ้าเลยแต่ได้ยินมาว่า เจ้าเคยเห็นนายท่านก่อนที่จะเข้ามาอยู่ที่บ้านพักของตระกูลหลี”
จิวหลินเหนียงรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า
“ที่ผ่านมาข้ามีโอกาสได้ไปร้องเพลงในงานเลี้ยงของแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง และเขาต้องการให้ข้าไปเป็นนางบําเรอของเขาแต่ข้ามเต็มใจ
และบังเอิญว่าตอนนั้นนายท่านเดินผ่านมาพอดีจึงช่วยข้าให้รอดพ้นจากสถานการณ์นั้น”
เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ฟังสิ่งนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าสามีของตนเองทําตัวเป็นวีรบุรุษโดยการเข้าไปช่วยเหลือสาวงามให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้าย จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้นขณะที่คิ้วคู่นั้นขมวดขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นนางก็อยากจะประชดประชันเด็กสาว แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเรียกนางมาเรื่องอื่น ดังนั้นจึงต้องระงับความเป็นปรปักษ์ที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ก่อน
เมื่อสังเกตเห็นการแสดง ออกบนใบหน้าของนายหญิงเปลี่ยนไปอย่างลังเล จิวหยินเหนียงจึงรู้สึกกลัวและไม่กล้าที่จะกล่าวอะไร ขณะที่ฮูหยินใหญ่กล่าวเบา ๆ ว่า
“การได้พบกับนายท่านในครั้งนั้นที่บ้านพักของท่านขุนนาง เป็นการจงใจล่อลวงนายท่านเพื่อต้องการที่จะยกระดับฐานะของตนเองใช่หรือไม่?”
แก้มของจิ๋วหลินเหนียงเปลี่ยนเป็นสีแดงและรู้สึกไม่สบายใจกับคํากล่าวเหล่านั้น โดยรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ความจริงก็คือนางเห็นหลี่เสี่ยวหรันเพียงแค่ครั้งเดียวและไม่ได้มีเจตนาอื่นใดต่อเขาเลย
แต่ต่อมา…ต่อมาหลี่เสี่ยวหนได้ส่งกล่องขนาดใหญ่ที่มีทองคําและเงินมากมายไปให้หัวหน้าคณะ
จากนั้นหัวหน้าคณะงิ้วพยายามอย่างหนักที่จะเกลี้ยกล่อม นางว่าการได้แต่งงานกับท่านอ่ามาตย์หลีถือว่าเป็นเกียรติมาก และหากนางไม่เต็มใจ เขาจะขายหมิงจให้กับคนอื่น และนั่นคือตอนที่นางยอมรับข้อเสนออย่างจริงจัง
ฮูหยินใหญ่เห็นการแสดงออกของนางแล้วจึงพอจะเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้
ทําให้ตอนนี้ไม่เพียงแต่ดวงตาของนายหญิงผู้นี้จะลุกโชนด้วยความโกรธ แต่ความเมตตาที่ไม่เต็มใจของนางก่อนหน้านี้ก็ได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์แล้วคณะที่หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา
ฮูหยินใหญ่ตะคอกเสียงดังโดยที่น้ําเสียงของนางนั้นช่างดุดันและมีพลัง
“เนื่องจากนายท่านมีความรักที่ลึกซึ้งต่อเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงตอบแทนด้วยการกระทําเช่นนี้?”
จิวหลินเหนียงไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่รู้
“ฮูหยิน ข้ามิทราบว่าท่านกําลังกล่าวถึงสิ่งใด?”
รอยยิ้มของฮูหยินใหญ่เย็นชาพร้อมกับขบฟันอย่างแรงและเค้นคํากล่าวคําเหล่านี้ออกจากปากของนาง
“เจ้ามิต้องปฏิเสธ! ตอนนี้นักแสดงคนนั้นอยู่ในมือของขาแล้ว”
จิวหยินเหนียงสังเกตว่าคํากล่าวของฮูหยินใหญ่นั้นเลวร้ายมากจนอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
แต่ท่ามกลางความตื่นตระหนกนั้นนางยังคงมีสติและทราบดีว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามนางจะต้องไม่ยอมรับมันเด็ดขาด จึงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า
“ฮูหยิน ท่านกําลังกล่าวถึงสิ่งใดกัน ข้ามเข้าใจ! หากท่านต้องการที่จะทําให้ข้าเป็นคนผิด เหตุใดเราจึงมิให้นายท่านตัดสินเรื่องนี้!”
ฮูหยินใหญ่ไม่ยอมให้หญิงสาวกล่าวมากกว่านี้จึงตะคอกขึ้นเพื่อขัดจังหวะนาง
“นายท่านหรือ? เจ้าและนักแสดงผู้นั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก่อน แต่แสร้งทําเป็นเหมือนมิรู้จักกัน มิหนําซ้ํายังกล้าที่จะแต่งงานกับนายท่านอีกด้วย
หากเจ้าบริสุทธิ์จริง ๆ เราไปเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ต่อหน้านายท่านกัน!
และหากสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ออกไปนายท่านจะต้องถูกคนทั้งโลกเยาะเย้ย ซึ่งแน่นอนว่าการเยาะเย้ยนั้นอาจมีฝ่ายตรงข้ามบางคนที่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อทําร้ายนายท่าน! เรื่องทั้งหมดนี้เจ้ามเข้าใจหรือ?”