ตอนที่ 82-3 ขอร้อง

คํากล่าวของฮูหยินใหญ่เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดมากระทบกับจิวหยินเหนียงด้วยความรุนแรง โดยมันทําให้หญิงสาวรู้สึกตกใจมากจนทําให้ตัวแข็งที่อและไม่สามารถขยับตัวได้

ใบหน้าของนางดูเหมือนถูกกระแสน้ําเย็นตกลงมาใส่ โดยมันเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันทีด้วยความตื่นตระหนก

ฮูหยินใหญ่เห็นหญิงสาวนั่งนิ่งและรู้ว่าคํากล่าวของตนเองใช้ได้ผล จึงกล่าวอย่างเย็นชาอีกว่า

“ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นผู้ที่เข้าใจและรู้ดีอยู่แล้วว่าควรทําอย่างไร

หากเจ้ามีสมองก็ควรรู้ว่าผู้ใดที่สามารถช่วยเจ้าได้! และจากนี้ไปเจ้าควรเชื่อฟังผู้ใด! “

ค่ากล่าวนี้ทําให้จิวหยินเหนียงตกตะลึงเป็นที่สุด

เมื่อหลี่เว่ยหยางเดินผ่านทางเดินมาและสังเกตเห็นจิวหยินเหนียงนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะหินที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ ขณะที่ใบหน้าอันบอบบางเหมือนดอกไม้ของนางกําลังเคร่งเครียด

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเตือนว่า

“จิวหยืนเหนียง เซียนจูมาแล้ว”

ทันทีที่จิวหยินเหนียงเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลเว่ยหยาง และในตอนนั้นนางถึงกับแสดงความหวาดกลัวขณะที่รีบโค้งคํานับ

“คารวะเซียนจ!”

“เมื่อเจ้าแต่งงานกับท่านพ่อแล้ว เจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ดังนั้นมีจําเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”

หลี่เว่ยหยางกล่าวพร้อมกับกําลังชั่งน้ําหนักการแสดงออกของหญิงสาวตรงหน้า

หลังจากได้ฟังสิ่งนี้ จิวหยินเหนียงไม่เพียงแต่จะดูไม่มีความสุขเท่านั้น แต่ใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอีกด้วย

หลเว่ยหยางเห็นว่านางดูผิดปกติและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามว่า

“ข้าสังเกตเห็นว่าจิวหยินเหนียงขมวดคิ้วราวกับว่ากําลังมีเรื่องกังวลใจ”

“ไม่ … ไม่ …”

จิวหยินเหนียงตกใจเล็กน้อยและกล่าวว่า

“เมื่อเห็นลมพัดและดอกไม้ที่ร่วงหล่นไปทั่วทําให้ข้ารู้สึกเศร้าอยู่ภายในใจ”

หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของจิวหยินเหนียง แสดงถึงความกลัดกลุ่มที่มีอยู่ในหัวใจของนาง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นเพียงความเศร้าที่ผุดขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมตรงหน้า

หลังจากที่จิวหยินเหนียงกล่าวคําเหล่านั้นแล้วก็จ้องไปที่ดวงตาของหลี่เว่ยหยางด้วยความกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชื่อ เพราะเซียนจูแสดงท่าทางสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

ในความเป็นจริงความเศร้าโศกนับพันในหัวใจของนางทั้งหมดเป็นเพราะฮูหยินใหญ่ เพราะค่าที่ฮูหยินใหญ่กล่าวในวันนี้นั้นยังคงค้างคาอยู่ในหัวใจของนาง

จนมาถึงตอนนี้นางก็ยังมีความรู้สึกว่าตนเองอาจจะหลบหนีออกไปจากที่อยู่อาศัยแห่งนี้ แต่ก็รู้ซึ้งดีว่าตนเองไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย

ดังนั้นจึงรู้สึกขัดแย้งและก่าลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานแทบทุกลมหายใจเข้าออก

ที่สําคัญไปกว่านั้นเมื่อหลี่เสี่ยวหนชื่นชอบนางตอนนี้ก็ถือว่าดีไป แต่หากในวันหนึ่งตนเองไม่ได้รับความโปรดปรานอีกต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียใจมากสักเพียงใด

หลเว่ยหยางเห็นว่าการแสดงออกของจิวหยินเหนียงนั้นมีอย่างผิดปกติ จึงสั่งให้ไปจ่อหยิบถ้วยน้ําชามาในน้ําชาส่งให้จิวหยินเหนียงพลางยิ้มและกล่าวว่า

“จิวหยินเหนียงชาใหม่ยังมาไม่ถึง และนี่เป็นชาเฉินของปีที่แล้ว ท่านลองชิมดูสิ”

จิวหยินเหนียงได้ลิ้มรสชาที่เรียกว่าคุณภาพดี และมันดีกว่าชาที่นางมีมาก จึงเหลือบมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่างระมัดระวัง

ทุกสิ่งที่หลี่เว่ยหยางสวมใส่และดื่มกินอยู่ในปัจจุบันนี้นั้นเหนือกว่าทุกคนในครัวเรือนนี้

บุตรสาวของนางสนมผู้หนึ่งมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮูหยินใหญ่โกรธเกลียดหลเว่ยหยางมากจนถึงขั้นที่บังคับให้ตนเองทําลาย..

จิวหยินเหนียงคิดถึงความรุนแรงในค่ากล่าวของฮูหยินใหญ่ในเวลานั้น ท่าให้นางไม่สามารถขัดขึ้นได้ และตอนนี้นางทําได้แค่เพียงก้มหน้ามองต่ํา แต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น

“เซียนจ ข้ามีบางอย่างจะขอความช่วยเหลือจากท่าน!”

หลี่เว่ยหยางมองไปที่นางและเลิกคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ:

“หากจิวหยินเหนียงมีสิ่งใดจะกล่าว ท่านสามารถบอกกล่าวกับข้าได้โดยตรง”

จิวหยินเหนียงกล่าวอย่างจริงจังว่า

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สะดวกนัก เราสามารถเปลี่ยนไปที่อื่นได้หรือไม่?”

หลเว่ยหยางยิ้มและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“มิจําเป็น มิมีอันใดต้องซ่อนจากผู้อื่น ข้าเชื่อว่าจิวหยินเหนียงมิมีอันใดเลวร้ายที่จะกล่าว”

จิวหยินเหนียงไม่คิดว่าเซียนจะปฏิเสธเร็วเช่นนี้ ทําให้ไม่ทราบว่าจะกล่าวอันใดดีก่อนที่นางจะกล่าวว่า

“มีคนกล่าวว่าเซียนเป็นผู้ที่มีจิตใจดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่นแล้วเหตุใดจึงมิฟังค่าขอร้องของข้าบ้าง?”

หลเว่ยหยางหัวเราะชอบใจ จิวหยินเหนียงผู้นี้แม้จะเทียบไม่ได้กับชั้นเชิงของซื้อหยินเหนียง แต่นางก็สามารถเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว

จิวหยินเหนียงเห็นหลเว่ยหยางหัวเราะจึงคิดว่าน่าจะขอร้องนางได้จึงรีบกล่าวว่า

“ข้ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะขอร้อง หากท่านเต็มใจช่วย ข้าจะยอมเป็นทาสและตายแทนท่าน…”

หลี่เว่ยหยางขมวดคิ้ว ขณะที่จิวหยินเหนียงจับมือนางทันที

“เซียนจ! ตอนนี้ชีวิตของข้าเปรียบเสมือนอยู่บนเส้นด้าย ได้โปรดเมตตาช่วยขาสักครั้ง!”

เซียนจผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล! หลเว่ยหยางยืนนิ่งและกล่าวว่า

“จิวหยินเหนียง ตอนนี้ท่านย่ากําลังรอช้าอยู่ ข้าคงต้องรีบไป”

จิวหยินเหนียงเริ่มกังวลและกล่าวอย่างยุ่งยากใจว่า

“เซียนจ ได้โปรดอยู่ก่อน ข้าจะรีบกล่าวเพื่อมิให้เสียเวลาท่าน ข้าอยากจะขอร้องให้ท่านปล่อยข้าไป”

หลเว่ยหยางมีความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า

“เจ้ากล่าวอันใด?!?”

จวหยืนเหนียงกัดฟันและกล่าวว่า

“ข้าขอร้องให้ปล่อยข้าไป!”

ตอนนี้นางเดินเข้ามาใกล้เซียนจุมากขึ้น ทําให้นอกจากสาวใช้ส่วนตัวของหลี่เว่ยหยางแล้วไม่มีผู้ใดได้ยินบทสนทนาของพวกนาง

แต่จังหวะนั้นหลเว่ยหยางเอียงศีรษะและเห็นเด็กสาวสองสามคนเดินผ่านทางเดินมาพอดี

แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ยิน แต่ก็สามารถมองเห็นจิวหลินเหนียง และการเดินเตร่ของหญิงสาวเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?