ตอนที่ 82-4 ช่วยข้าด้วย

หลี่เว่ยหยางไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดแต่กลับยิ้มอย่างจริงใจพลางกล่าวว่า

“ตอนนี้ท่านเป็นถึงหยินเหนียงคนโปรดของท่านพ่อที่มีความมั่งคั่งและร่ํารวยชั่วนิรันดร์แล้วท่านกําลังบอกให้ข้าปล่อยท่านไป ท่านวางแผนจะไปที่ไหนหรือ?”

จิวหยินเหนียงตกตะลึงและรีบร้อนกล่าวว่า

“ถึงแม้ว่าที่นี่จะเยี่ยมยอดมาก แต่สภาพแวดล้อมช่างซับซ้อนซึ่งมันทําให้ข้ารู้สึกลําบากใจแม้ว่าจะมีเงินทองมากมายก็ตาม และความต้องการที่แท้จริงของข้าคือการออกไปจากที่นี่!”

ใบหน้าของหลี่เว่ยหยางสลดลงขณะที่หันหน้าหนีไปโดยไม่ได้กล่าวอันใด เดิมที่จิวหยินเหนียงวางตัวเป็นอย่างดี แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดนางจึงเปลี่ยนการแสดงของตนเองอย่างกะทันหัน

หยินเหนียงผู้ต้อยต่ําดึงแขนเสื้อของเซียนจด้วยความลําบากใจและกล่าวว่า

“เซียนจ! ข้าเพียงแค่ต้องการขอร้องให้ท่านช่วยชีวิตข้าด้วย เพราะหากข้ายังอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะต้องตายอย่างไร้เหตุผลแน่นอน!”

หลเว่ยหยางมองนางอย่างเย็นชา ขณะที่จิวหยินเหนียงรีบกล่าวว่า

“เมื่อครู่ฮูหยินใหญ่เรียกข้าไปพบอีกครั้งเพื่อดุด่าว่าข้า และนางยังกล่าวถึงเรื่องเก่า ๆ ข้า…ข้าทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ !”

หลเว่ยหยางสะบัดมือจากนางอย่างแรงและกล่าวอย่างเย็นชาว่า

“ท่านต้องการออกไปอยู่ข้างนอกก็ควรไปขอท่านพ่อกับท่านแม่ เหตุใดท่านจึงต้องมาหาข้าด้วย”

หลังจากที่กล่าวจบเซียนก็ทําท่าจะหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินจากไปโดยไม่ฟังค่าอธิบายของจิวหยินเหนียง

ทันใดนั้นเสียงร้องไห้คร่ําครวญจากจิวหยินเหนียงก็ดังขึ้น ขณะที่นางคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่เว่ยหยางและกล่าวว่า

“การช่วยชีวิตคนได้กุศลมากกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเพื่อบูชาพระพุทธองค์ ข้าขอให้เซียนจได้โปรดเมตตาช่วยข้าด้วย! มิเช่นนั้นหากฮูหยินใหญ่ได้รับหลักฐาน นางจะต้องทุบตีข้าจนตายอย่างแน่นอน!”

เมื่อหยินเหนียงคุกเข่าลงตรงหน้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ทราบว่าในสายตาของผู้อื่นที่ได้พบเห็นจะคิดอย่างไรบ้าง

โดยบางคนอาจจะคิดว่าหลี่เว่ยหยางกําลังกลั่นแกล้งจิวหยินเหนียง และผู้คนคงจะร่ําลือกันไปต่างๆนานาอย่างแน่นอน

จิวหยินเหนียงไม่ทราบกฎของตระกูลชนชั้นสูงจริง ๆ หรือว่านางจงใจให้ผู้อื่นเห็น!

หลี่เว่ยหยางมองไปที่ไปซื้อและโม่ฉเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง ขณะที่สาวใช้ทั้งสองคนรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างของจิวหยินเหนียงขึ้นมา จากนั้นหลเว่ยหยางจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า

“หากท่านรักอิสระก็มควรตัดสินใจมากับท่านพ่อตั้งแต่ตอนแรก ในเมื่อตอนนี้ท่านกลายเป็นนางบําเรอของท่านพ่อไปแล้วก็ควรปฏิบัติตามหน้าที่และปรนนิบัติท่านพ่อให้ดี “

จิวหยินเหนียงยังคงร้องไห้ฟูมฟายพร้อมกับกล่าวว่า

“เซียนจเติบโตมาพร้อมกับความมั่งคั่งและร่ํารวย ท่านจะเข้าใจความยากลําบากของคนอย่างข้าได้อย่างไร

เดิมที่ข้ามาจากเมืองฉางโจว แม้ว่าข้าจะไม่ร่ํารวย แต่ก็เป็นคุณหนูจากครอบครัวที่ดี หลังจากที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต แม่เลี้ยงใจร้ายก็ขายข้าให้กับคณะงิ้ว

ดังนั้นข้าจึงโตมากับการร้องเพลงในคณะงิ้ว โดยไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทนทุกข์ยากและตรากตรําอีกนานสักเพียงใด แต่สิ่งเหล่านี้ข้ามิเคยกลัว

ข้าเคยฝันว่าสักวันหนึ่งจะเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้ออิสรภาพให้กับตัวเอง และหาที่หลบภัยกับญาติที่ยากจน จากนั้นจะซื้อทรัพย์สินบางอย่างและหาครอบครัวที่ดีเพื่อแต่งงานด้วย

ใครจะไปรู้ว่าวันดีคืนดีเจ้าของคณะงิ้วก็มอบข้าให้กับนายท่านโดยให้อยู่ในฐานะนางบําเรอ

ตราบใดที่นายท่านอยู่ด้วยข้าก็จะมีชีวิตที่ดี ผู้ใดจะไปทราบว่าวันนี้ฮูหยินใหญ่เรียกข้าเข้าไปพบอย่างกะทันหัน และบังคับให้ยอมรับว่าขามีความสัมพันธ์กับนักแสดงงิ้วและขู่ว่าจะบอกนายท่าน

เซียนจ…ช่วยข้าด้วย ข้าหมดหนทางแล้วจริง ๆ ! “

หลเว่ยหยางเงียบกริบราวกับว่ากําลังไตร่ตรองถึงความน่าเชื่อถือในคํากล่าวของจิวหยินเหนียง

จิวหยินเหนียงมองไปที่การแสดงออกของคุณหนูสามและเดาว่านางกําลังลังเลจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า

“ข้าทราบว่าเซียนจูเป็นคนจิตใจดีที่หาได้ยากในครอบครัวนี้ มิเช่นนั้นท่านคงจะไม่ดูแลคุณชายสาม ที่มิได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น

นอกจากนี้ท่านมิต้องการให้ฮูหยินใหญ่มีความสุขใช่หรือไม่?ครั้งนี้ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”

ที่หลเว่ยหยางช่วยหลี่หมินเอ๋อเป็นเพราะคําสัญญาของนางที่มีต่อฮูหยินสาม ซึ่งมันไม่ใช่เพราะนางมีจิตใจที่ดีแต่อย่างใด

เพราะนางเคยสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า หากได้เกิดใหม่นางจะไม่ใจดีกับผู้ใดอีก

จิวหยินเหนียงสังเกตว่าเซียนจยังคงเงียบทําให้คิดว่านางยังไม่เต็มใจที่จะช่วยตนเองจึงรีบกล่าวว่า

“เซียนจ ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านช่วยข้าโดยมิได้ผลประโยชน์ตอบแทน หากท่านต้องการให้ข้าทําสิ่งใด ข้าจะไม่ปฏิเสธ!”

ขณะนี้จิวหยินเหนียงเห็นหลี่เว่ยหยางปรากฏตัวบนทางเดินที่ปูด้วยหิน จึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหานางอย่างรีบด่วน พร้อมกับอ้อนวอนว่า

“เซียนจ! ข้ายินดีที่จะเป็นคนรับใช้ท่าน แล้วจะคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับท่านในภายหลัง”

เมื่อหยืนเหนียงกล่าวจบก็รีบร้อนจากไปทันที่ราวกับว่านางได้เห็นผี

หลเว่ยหยางมองไปที่การจากไปของจิวหยินเหนียงอย่างครุ่นคิด ขณะที่ไปจอกระซิบว่า

“คุณหนู ท่านคิดว่าคํากล่าวของนางน่าเชื่อถือเพียงใด?

หลเว่ยหยางยิ้มและกล่าวว่า

“ส่วนที่เกี่ยวกับตัวนางนั้นมิใช่เรื่องโกหก”

ไปจ่อเดาว่า

“เป็นเพราะฮูหยินใหญ่รู้ความลับของจิวหยินเหนียง นางจึงจําใจต้องออกไปจากที่นี่ใช่หรือไม่?”

หลเว่ยหยางส่ายหัว

“สิ่งนี้ข้าไม่รู้”

วันก่อนเวทีล้มลงทับนักแสดง หรือว่าเขาเป็นอดีตคนรักของ

จิวหยินเหนียง ซึ่งฮูหยินใหญ่อาจจะรู้เรื่องนี้ แต่นางคงไม่พบหลักฐานที่ชัดเจน จึงต้องการใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบและดูว่าท่าทีของจิวหยินเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง

โดยเว่ยหยางคิดว่าตนเองน่าจะเดาถูกแล้วว่านั้นคือสาเหตุที่เรียกหยินเหนียงเข้าพบ

และจากการปรากฏตัวของจิวหยินเหนียงในครั้งนี้ ดูเหมือนว่านางจะต่อต้านและไม่ยอมรับมัน แต่อาจจะมีความกลัวอยู่พอสมควรจึงมาขอความช่วยเหลือจากตนเอง

จิวหยินเหนียงรู้ว่าเซียนจะสามารถช่วยได้ เพราะคิดว่าหากสามารถสร้างปัญหาให้กับฮูหยินใหญ่ได้ หลี่เว่ยหยางคงจะไม่พลาดโอกาส