ตอนที่ 83-1 สําหรับท่าน
ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ว่าบุตรสาวที่เกิดมาเป็นนางสนมผู้นี้และนายหญิงใหญ่ของบ้านไม่ลงรอยกัน ซึ่งมันไม่แปลกเลยที่จิวหยินเหนียงจะมาขอความช่วยเหลือจากตนเอง
อย่างไรก็ตามหลี่เว่ยหยางคิดว่าแม้ทุกอย่างจะดูสมเหตุสมผล แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่รู้สึกได้ว่ามันน่าจะมีบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ โดยไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคํากล่าวได้
ตามวิธีของฮูหยินใหญ่นางจะไม่โจมตีถ้าไม่มั่นใจ แล้วนางจะปล่อยจิวหยินเหนียงออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?
อีกทั้งยังให้ผู้หญิงคนนี้มาขอความช่วยเหลือจากตนเองอีก!!
หลี่เว่ยหยางคิดมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกสงสัยมากขึ้น จากนั้นจึงกระซิบว่า
“ในสองวันนี้ให้ความสําคัญกับการเคลื่อนไหวของทุกคนภายในครอบครัวด้วย”
“บ่าวรับทราบ” ไป๋จื่อตอบ
หลังจากหลี่เว่ยหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวกับโม่ฉูว่า
“เจ้ารู้จักกับสาวใช้ของจิวหยินเหนียงที่มีชื่อว่า เฉียวจูหรือไม่?”
โม่ฉูหยุดชั่วคราวแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า
“ในอดีตบ่าวกับนางเคยพูดคุยและดูแลซึ่งกันและกัน”
หลี่เว่ยหยางพยักหน้าเรียกสาวใช้ให้ขยับหูเข้ามาใกล้ ๆ และกระซิบสองสามคํา จากนั้นรอยยิ้มอันอ่อนหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่จูโดยกล่าวว่า
“บ่าวรับทราบ”
ในตอนกลางคืนโม่ฉูมองหาโอกาสที่จะเรียกสาวใช้ที่ชื่อเฉียวจูออกมาอย่างเงียบ ๆ และกล่าวว่า
“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีอะไรผิดปกติกับจิวหยินเหนียงหรือไม่?”
ทันใดนั้นหัวใจของเฉียวจูก็เต้นไม่เป็นจังหวะ แต่กลับหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า
“กิจวัตรประจําวันของหยินเหนียงมีความปกติดี ข้าไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่แปลกประหลาด”
โม่ฉูยิ้มและรีบดึงมือของเธอไปในที่ลับตาคน จากนั้นได้วางก้อนสีเงินแวววาวไว้ในมือ ของสาวใช้ของหยินเหนียง ขณะที่เฉียวจูรู้สึกประหลาดใจสักครู่ก่อนที่จะกล่าวว่า
“นับตั้งแต่หยินเหนียงกลับออกจากที่พักของฮูหยินใหญ่แล้ว นางก็ทําตัวแปลก ๆ ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่กล่าวอะไร แต่หยินเหนียงนอนฝันร้ายตลอดทั้งคืน!”
โม่ฉูนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นได้กล่าวสองสามคําที่ด้านข้างหูของนาง ซึ่งมันทําให้เฉียวจูรู้สึกลังเลใจแล้วกล่าวว่า
“ข้าเป็นสาวใช้ของหยินเหนียง ทําเช่นนี้มันจะดีหรือ?”
โม่ฉูหัวเราะแต่ไม่ได้กล่าวอันใดนอกจากมองไปที่เงินในมือของเฉียวจู สาวใช้ของหยินเหนียงจึงรีบเก็บก่อนเงินอย่างรวดเร็ว ขณะที่มีความลังเลใจแฝงอยู่ในแววตาอย่างชัดเจนแต่ยังคงเงียบอยู่เงียบเมื่อโม่ฉูเห็นดังนั้น จึงยิ้มและสัญญาว่า
“คราวหน้าจะเป็นทองคําแท่ง”
เฉียวจูรู้สึกประหลาดใจและจากนั้นกล่าวว่า
“การแอบสังเกตพฤติกรรมของนายหญิงตนเองเป็เรื่องที่มิควรทํา”
โม่ฉูพยักหน้า
“ทองคําสองแท่ง”
เฉียวจนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งขณะที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับรายได้ที่ตนเองได้รับทุกเดือนกับผลประโยชน์ในครั้งนี้ จากนั้นสาวใช่ได้พยักหน้าและกระซิบว่า
“ตกลง! จากนี้ไปข้าจะรายงานทุกการเคลื่อนไหวของจิวหยินเหนียงให้เซียนจูทราบ”
หลี่เว่ยหยางนอนอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้านโดยถือหนังสือไว้ในมือ เธอเกือบจะหลับไปแล้วเมื่อแสงแดดส่องลงบนใบหน้าของเธออย่างสบาย ๆ
ในขณะนี้หญิงสาวที่ไม่คุ้นเคยเดินเข้ามาจากข้างนอกและกล่าวเสียงดังว่า
“ไป๋จื่อ เมื่อครู่ข้าเดินผ่านมาเห็นกระถางดอกไม้นี้จึงนํามันเข้ามาให้ ไม่รู้ว่าผู้ใดส่งมาให้คุณหนู!”
หลี่เว่ยหยางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองไปที่หญิงสาว เธอนั่งอยู่ในบ้านของเธอเสียงของหญิงสาวคนนี้ไม่สูงหรือต่ํามันไม่รบกวนเธอ แต่ก็สังเกตเห็นได้ชัด
ไป๋จื่อรีบเดินไปและกระซิบอย่างตําหนิ
“คุณหนูอยู่ด้านใน เจ้าไม่เข้าใจกฎของที่นี่หรืออย่างไร?!”
หญิงสาวผู้นั้นแสดงความไร้เดียงสาบนใบหน้าตนเอง ขณะที่รู้สึกตกใจและก้มหน้าลง
โม่ฉูกระซิบที่หูของหลี่เว่ยหยางและอธิบายว่า
“คุณหนูนั่นคือเด็กผู้หญิงที่กวาดถนนอยู่ด้านนอก”
กวาดถนนอยู่ด้านนอกหรือ?
นางเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?
ริมฝีปากของหลี่เว่ยหยางเปิดออกและแสดงให้เห็นร่องรอยของการเยาะเย้ยอันละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้อะไรบางอย่าง
สาวใช้ถือกระถางดอกไม้เข้ามาอย่างมีความสุขให้หลี่เว่ยหยางดู และนี่คือกระถางดอกบีโกเนีย
หลี่เว่ยหยางหยิบกระถางต้นไม้ขึ้นมาดมและพบว่ามันมีกลิ่นดอกไม้ที่ผิดปกติ โดยมีกลิ่นหอมของผงที่มีความพิเศษบางอย่าง
เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ จะสังเกตเห็นว่าที่ต้นบีโกเนียนี้มีผ้าซาตินถูกมัดด้วยลวดสีทองผูกติดกับมัน กิ่งก้านและใบไม้ของดอกไม้แต่ละใบเป็นลูกปัดสีเงินพันรอบเม็ดคริสตัลสีเหลืองและสีเขียวเข้ม อีกทั้งยังมีสีชมพูซ่อนอยู่ในช่อดอกไม้
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบของเช่นนี้ และมันทําให้ความงดงามของช่อดอกไม้นั้นหาที่เปรียบมิได้
หลี่เว่ยหยางบิดดอกไม้เบา ๆ และวางไว้ใต้แสงอาทิตย์ขณะที่นางหันมาและพบว่าผลึกสีชมพูที่ติดอยู่บนกิ่งก้านดอกเปล่งประกายในแสงแดด
ไป๋จื่อรู้สึกประหลาดใจและกล่าวว่า
“คุณหนู มันงดงามมากเลย!”
แท้จริงแล้วบีโกเนียนี้ดูงดงามและมีมูลค่ามากกว่าดอกไม้จริง หลี่เหว่ยหยางยิ้มเยาะ ขณะที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มได้ปรากฏขึ้นทันทีในความคิดของนางโดยมีดวงตาที่ทะเยอทะยานคู่หนึ่งอยู่บนใบหน้านั้น
ทัวเป่าเจิ้น
เมื่อนางเห็นกระถางดอกไม้นี้ หลี่เว่ยหยางจึงนึกถึงคน ๆ นี้ ความตั้งใจในการให้ของขวัญของเขาชัดเจนว่าเขาต้องการแสดงออกว่าชื่นชอบนาง
ชายคนนี้คงจะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกนางปฏิเสธไป ในขณะที่เขาแสดงความรักต่อหลี่จางเล่อในเชิงรุก แต่อีกทางเขาก็ไม่ต้องการที่จะยอมแพ้นางเช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดที่ยิงนกสองตัวด้วยลูกศรเพียงแค่ดอกเดียว เขามีอํานาจทางทหารของตระกูลเจียงและ ยังคงต้องการเป็นผู้ชนะในทุกเรื่อง เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วหลี่เว่ยหยางก็หัวเราะเสียงดังขึ้น
ในขณะนี้หลี่หมิ่นเต่อกําลังเดินเข้ามาจากสนาม และเมื่อเขาเห็นหลเว่ยหยางยืนอยู่หน้าดอกไม้เขาก็ยิ้มพร้อมกับโบกแขนเสื้อ
ทันใดนั้นนกตัวหนึ่งก็บินออกมาจากแขนเสื้อของเขา ขณะที่หลี่เว่ยหยางได้ยินเสียงระฆังที่ดังกระหึมผ่านหูทําให้อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
หลี่หมินเต่อยิ้มเบา ๆ และผิวปากเล็กน้อย โดยนกตัวนั้นได้บินวนรอบตัวและหยุดที่นิ้วของเขา จากนั้นจึงมอบมันให้กับหลี่เว่ยหยางขณะที่กล่าวว่า
“สําหรับท่าน”