ตอนที่ 305 ผิดปกติ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 305 ผิดปกติ

เยียนอวิ๋นเกอออกเดินทางจากเมืองหลวงมุ่งหน้าไปยังเรือนพักร่ำรวย

ใช้เวลาเดินทางร่วมสามวัน ในที่สุดก็เดินทางไปถึงเรือนพัก

ทันทีที่นางเดินเข้าประตูใหญ่เรือนพัก นางก็เห็นถึงความเป็นระเบียบ

นางถามพ่อบ้านที่มาต้อนรับ “หานซินแสอยู่ที่ใด”

“รายงานคุณหนู หานซินแสไปทำธุระที่แคว้นซี หากราบรื่นคืนนี้ก็กลับมาขอรับ”

“ทำธุระใด”

“เห็นบอกว่าจะไปติดต่อกับสำนักราชการแคว้นซี ส่วนเรื่องรายละเอียด คงต้องรอคุณหนูถามหานซินแสด้วยตนเอง”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างเข้าใจ

หลังจากเข้ามาในเรือนพักแล้ว นางก็เริ่มเดินสำรวจรอบด้าน

จี้ผิงติดตามอยู่ด้านข้าง

นางถามเขา “หลายเดือนนี้ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง พบว่ามีการพนันบ้างหรือไม่”

“รายงานคุณหนู หลังจากที่ฟังคำชี้แนะของคุณหนู ในเรือนพักมีซินแสสอนตำราเพิ่มขึ้นอีกหลายคน แต่ละเดือนยังมีการแสดงละครครั้งใหญ่ เวลานี้ยังไม่พบผู้ใดเกี่ยวข้องกับการพนัน”

เช่นนี้ย่อมดีมาก

การพนันเกิดขึ้นเพราะชีวิตมีเวลาว่างมากเกินไป แต่ละวันหลังเลิกงาน มีเวลาหลายชั่วยามที่ไม่มีสิ่งใดทำ จึงทำให้คนอยากไปในสถานที่ที่มีคนหมู่มาก

ที่ใดมีคนหมู่มาก

ที่ที่มีการพนันย่อมมีคนมากที่สุด

เมื่อไปอยู่ในสถานที่นั้น คนที่เดิมทีไม่เล่นการพนัน ไม่ชื่นชอบการพนันล้วนได้รับอิทธิพลจากการพนัน

มีครั้งแรกย่อมมีครั้งที่สอง

คนที่เสียอยากได้กลับมา คนที่ได้ยิ่งอยากได้มากขึ้น

ดังนั้น คนที่มีจิตใจอ่อนแอจึงจมปลักลงไป

เพียงแค่การโจมตีการพนันใต้ดินยังไม่พอ

ต้องมีสถานที่ให้ผู้คนได้ใช้เวลาหลายชั่วยามหลังจากเลิกงาน

ยุคสมัยนี้ มีสิ่งใดฆ่าเวลาได้ดียิ่งกว่าการดูละคร ฟังนิทาน

ดังนั้น เรือนพักร่ำรวยจึงมีคนเล่านิทานเพิ่มขึ้นสามคน

นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงกับคณะละครในพื้นที่ ให้พวกเขามาแสดงละครเดือนละสองสามวัน อย่างน้อยก็ให้คนเล่านิทานมีเวลาพักผ่อนลูกคอ

เยียนอวิ๋นเกอมาได้เวลาพอดี วันนี้เป็นวันแสดงละคร

ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน คณะละครกำลังพักผ่อนอยู่ที่หลังเวที

จี้ผิงบอกนาง “คนของคณะละครชื่นชอบชุดสำเร็จรูปของร้านผ้าสี่ฤดูที่สุด พวกเขายอมจ่ายเงินสั่งตัดชุดละครหลายชุด ทุกครั้งที่จากไป พวกเขาล้วนจะซื้อผักดองและเครื่องปรุงปริมาณมากจากร้านขายของชำ บอกว่าเอาไว้กินระหว่างทาง”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “คณะละครก็สามารถนำรายได้มาให้เรือนพัก ไม่เลว ไม่เลว”

คนของคณะละครเห็นองครักษ์ที่องอาจกลุ่มหนึ่งเดินมาแต่ไกล คนที่ขี้ขลาดต่างหลบซ่อนตัวเอาไว้ทันที

มีเพียงหัวหน้าคณะละครออกมาต้อนรับ

“พ่อบ้านจี้!”

หัวหน้าคณะกระตือรือร้นอย่างมาก

คนที่ทำมาหากินอยู่ในเรือนพักต่างมีประโยคหนึ่งที่บอกต่อกันลับหลัง

ยอมทำให้ยมบาลขุ่นเคือง ดีกว่าทำให้จี้ผิงโกรธ

ยอมทำให้หานซินแสขุ่นเคือง ดีกว่าทำให้พ่อบ้านจี้ไม่พอใจ

พ่อบ้านจี้โหดจริงๆ !

จี้ผิงพยักหน้าต่อหัวหน้าคณะ “ท่านนี้คือเถ้าแก่ของพวกข้า”

หัวหน้าคณะตกใจพลันตกตะลึง

เคยได้ยินว่าเถ้าแก่ของเรือนพักร่ำรวยเป็นสตรี เพียงแต่ไม่เคยคิดว่าจะอายุน้อยเช่นนี้ ดวงตานั้นฉายแววองอาจ

เขารีบตั้งสติ “หัวหน้าคณะละครผิงสี่คารวะเถ้าแก่! ขอให้เถ้าแก่เจริญรุ่งเรือง!”

เยียนอวิ๋นเกอมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ต้องมาแสดงละครในเรือนพักทุกเดือน ระหว่างทางเหน็ดเหนื่อยหรือไม่”

“ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เหน็ดเหนื่อย ขอบพระคุณเถ้าแก่และพ่อบ้านเรือนพักที่ชื่นชอบคณะผิงสี่ของพวกเรา ยอมให้โอกาสพวกเรา พวกเราจะแสดงให้ดี เถ้าแก่มาได้เวลา พวกเรากำลังจะแสดงเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องใด”

“แม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่ว!”

เอ๊ะ!

ไม่คิดว่าคณะละครเล็กอย่างผิงสี่จะติดตามข่าวสารได้ มีความสามารถ

เยียนอวิ๋นเกอถามด้วยความสงสัย “มีบทละครหรือไม่ ให้ข้าดูได้หรือไม่”

“มีๆๆ มีบทละคร ข้าน้อยไปหยิบบทละครมาให้”

หัวหน้าหลินหยิบบทละครออกมาจากลัง ยื่นให้ด้วยสองมือ

เยียนอวิ๋นเกอรับมาพลิกอ่านทันที

นางยิ่งอ่านยิ่งขมวดคิ้วมุ่น

จี้ผิงเห็นจึงคิดว่าบทละครอาจมีปัญหา

เขากวาดตามองไปยังหัวหน้าหลิน หัวหน้าหลินตัวสั่นทันที

เนื้อหาของละคร เยียนอวิ๋นเกอพอจะรู้แล้ว

นางถามหัวหน้าหลิน “ผู้ใดเขียนบทละคร สามารถแนะนำได้หรือไม่”

“ขอเถ้าแก่โปรดอภัย พวกข้าได้บทละครนี้มาจากซินแสท่านหนึ่งในเมือง ข้าเห็นว่าเขียนได้ดีจึงจัดทำเป็นละคร วันนี้แสดงเป็นรอบแรก”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย “หัวหน้าหลินรู้หนังสือหรือไม่”

“ไม่รู้!”

“ในเมื่อเจ้าทำละครได้ เจ้าควรจะรู้ว่าเนื้อหาด้านในเกี่ยวกับเรื่องใด”

“แม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่ว!”

“ในเมื่อเป็นบทละครเกี่ยวกับการทำสงครามระหว่างแม่ทัพใหญ่กับซือหม่าโต่ว แต่เหตุใดบทละครที่ข้าอ่านกลับมีเนื้อหาทวงความยุติธรรมให้กับซือหม่าโต่ว มันกำลังร่ายร้องถึงความรู้สึกเห็นใจที่มีต่อโจรกบฏซือหม่าโต่ว เสียดสีการทุจริตของราชสำนัก หัวหน้าหลิน ที่นี่คือนครบาล แต่เจ้ากลับมาขับกล่อมบทละครที่มีความผิดร้ายแรงเช่นนี้ในเรือนพักร่ำรวย เจ้าคิดจะทำอันใด ผู้ใดให้เจ้ามาใส่ร้ายเรือนพักร่ำรวย”

ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหน้าถอดสีด้วยความตกใจ

บรรดาองครักษ์ล้อมรอบคณะละครเอาไว้ทันที ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปแม้แต่คนเดียว

สีหน้าของจี้ผิงก็เปลี่ยนไป เขาแย่งบทละครมาพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว

หัวหน้าหลินก็ทำหน้าฉงน “ไม่ใช่ขอรับ ละครที่พวกเราแสดงนั้น ทางราชสำนักได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ ส่วนโจรกบฏซือหม่าโต่วพ่ายแพ้ราบคาบ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “แต่บทละครของเจ้าไม่ได้เขียนเช่นนี้ เกรงว่าท่านที่ร้องก็คงไม่ได้ร้องเช่นนี้ใช่หรือไม่”

“เป็นไปไม่ได้!” หัวหน้าหลินปฏิเสธ

“เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้! บทละครเขียนไว้อย่างชัดเจน เจ้าตาบอดหรือ”

จี้ผิงตบบทละครด้วยความโกรธอย่างมาก

เรื่องร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นภายใต้สายตาของเขา แต่เขากลับไม่สังเกตถึงมันเป็นเวลาแรก

หากเถ้าแก่ไม่ได้ขอดูบทละคร เกรงว่าคงต้องรอจนแสดงถึงจะพบปัญหา

เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็สายไปแล้ว

ตราบใดที่สำนักราชการเอาเรื่อง เรือนพักร่ำรวยมีปากหมื่นปากก็แก้ตัวไม่ได้

แม้จะถูกเข้าใจผิด แต่ก็ยากที่จะอธิบาย

ยกยอโจรกบฏ โจมตีราชสำนักอย่างเปิดเผย แผ่นดินต้าเว่ยยังไม่ล่มสลายยังกล้าทำเช่นนี้ ไม่ใช่หาที่ตายหรอกหรือ

จี้ผิงตัดสินใจทันที “เถ้าแก่ ข้าน้อยขอเสนอให้จับคณะละครทั้งหมดเอาไว้ แยกกันสืบสวน ย่อมสืบหาต้นเหตุที่แท้จริงได้”

“ไม่ได้นะขอรับ!” หัวหน้าหลินร้อนใจ “เถ้าแก่ พ่อบ้านจี้ คณะผิงสี่ของพวกเราอยู่มาหลายสิบปี พวกท่านสามารถลองสืบดูได้ พวกข้าอยู่ในกฎในเกณฑ์เสมอมา ราชสำนักให้พวกเราทำอย่างไร พวกเราก็ทำอย่างนั้น ไม่เคยขัดคำสั่ง ยิ่งไม่กล้าเสียดสีราชสำนัก ในนี้ย่อมมีการเข้าใจผิด ต้องมีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “หัวหน้าหลิวอย่ารีบร้อน สุดท้ายแล้วเป็นฝีมือคนหรือเกิดความผิดพลาด เจ้าให้คนของข้าตรวจสอบดู ไม่นานก็จะพบความจริง”

“นี่ๆๆ …”

เยียนอวิ๋นเกอไม่พูดพล่ามกับเขาอีก นางหันไปพยักหน้าให้จี้ผิง

จี้ผิงโบกมือ “จับเอาไว้! อย่าปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ยึดสิ่งของที่พวกเขานำมาทั้งหมด

ตรวจสอบให้ละเอียด!”

องครักษ์รับคำสั่ง เริ่มปฏิบัติการจับคน

ทั้งคณะอยู่ในภาวะตื่นตระหนก

บ้างตะโกน บ้างด่าทอ บ้างร้องไห้…

หัวหน้าหลินร้องไห้เสียงดัง เขานั่งลงบนพื้นราวกับว่าท้องฟ้าถล่มลงมา

เยียนอวิ๋นเกอเตือนจี้ผิงว่า “ตรวจดูคนในคณะละครให้ดี ควรตรวจสอบบรรพบุรุษทั้งสามชั่วโคตร ถ้ามีความจำเป็น ให้พวกเขาร้องเพลงบทละคร ดูว่าสอดคล้องกับในบทละครหรือไม่”

“ข้าน้อยรับทราบ! ข้าน้อยจะพยายามสืบหาความจริงก่อนฟ้ามืดขอรับ”

“อย่ารีบสืบหาความจริง ระวังโดนหลอก กุญแจสำคัญคือต้องสืบสวนอย่างช้าๆ และถี่ถ้วน”

“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

เรื่องของคณะละครเป็นแค่เรื่องแทรกซ้อนเล็กน้อย

แต่มันก็ตักเตือนเยียนอวิ๋นเกอขึ้นมาได้ สถานการณ์ไม่ดีเอาเสียจริง

นางเตือนเยียนหนานผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ “ตรวจสอบคนนอกอย่างเข้มงวด อย่าได้ชะล่าใจ สังคมวุ่นวาย ไม่รู้เรือนพักมีผู้ใดปะปนเข้ามาบ้าง”

เรือนพักที่มีคนนับหมื่น ไม่อาจตรวจสอบเบื้องหลังของทุกคนได้อย่างกระจ่าง

หากมีคนตั้งใจแทรกซึมเข้ามา ย่อมจะหาวิธีได้

นางพาคนไปเดินสำรวจต่อ

โชคดีที่ปีนี้ไม่ได้แห้งแล้งเหมือนปีที่แล้ว เรือนพักมีชีวิตชีวาขึ้น พ่อค้าจากเหนือใต้ออกตกมารวมตัวอยู่ในเรือนพัก ซื้อผ้าผืน เครื่องปรุงที่ราคาถูก แต่คุณภาพดี…

พื้นดินบริเวณเนินเขาถูกทอดทิ้ง ไม่ปลูกเสบียง แต่เปลี่ยนมาปลูกผลไม้

เมื่อเห็นนาข้าวสีทองอร่าม คาดว่าปีนี้ผลผลิตคงดีไม่น้อย

แม้ไม่อาจเทียบกับปีที่สภาพอากาศดีได้ แต่อย่างน้อยเรื่องปากท้องก็ไม่ใช่ปัญหา

ในแปลงนาของผู้เช่าก็มีสถานการณ์ที่ดีเช่นเดียวกัน

บรรดาผู้เช่ากำลังวุ่นวายกับการถางหญ้าหรือรดน้ำในแปลงนาท่ามกลางแสงแดด

บรรดาเด็กน้อยกำลังช่วยตัดหญ้า หญ้าเลี้ยงหมู หญ้าเลี้ยงวัว หญ้าเลี้ยงปลา…

เรือนพักเลี้ยงสัตว์เอาไว้มากมาย ล้วนพึ่งพาบรรดาเด็กน้อยเหล่านี้ให้อาหาร พวกเขามีความดีความชอบอย่างมาก

โรงงานถักทอเปิดทำงานเต็มวัน ผ้าผืนที่ประณีตและงดงามถูกทอออกมาทีละผืน เพียงพริบตาก็ถูกบรรดาพ่อค้าที่มาเฝ้าอยู่ในเรือนพักแย่งซื้อจนหมด

มือของเยียนอวิ๋นเกอลูบผ่านผ้าแพร ฝีมือไร้ที่ติ คุณภาพชั้นดีอย่างแน่นอน

นางถามพ่อบ้านในโรงงาน “ใยนุ่น ใยไหม ใยป่านยังพอหรือไม่”

“รายงานคุณหนู เส้นใยแต่ละชนิดล้วนเพียงพอ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า

ร่วมมือกับตระกูลหลิงได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเสียจริง ช่วยแก้ไขปัญหาแหล่งทรัพยากรไม่มั่นคงที่นางปวดหัวที่สุด

หลังจากเดินสำรวจมารอบหนึ่ง นางก็พอรู้สถานการณ์คร่าวๆ แล้ว

เยียนอวิ๋นเกอกลับไปตรวจบัญชีที่ห้องตำรา

องครักษ์เดินเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน “รายงานเถ้าแก่ ทางคณะละครมีคนคิดสั้น บอกว่าทนรับการเหยียดหยามไม่ได้”

“มีคนตายหรือไม่”

“พบได้ทันเวลา ไม่มีคนตาย”

ไม่มีคนตายก็พอ

“เหตุใดจึงทนรับการเหยียดหยามไม่ได้ หรือมีคนกล้าบังอาจลงมือโดยพลการ”

“ไม่มีเรื่องนั้นเด็ดขาด! คนของคณะละครใส่ร้ายเพื่อหลบหลีกการสืบสวนอย่างเห็นได้ชัด”

“เช่นนั้นก็ตรวจสอบอย่างเข้มงวด!”

“ขอรับ!”

เยียนอวิ๋นเกอยิ่งรู้สึกว่าคณะละครผิดปกติ

นางให้คนหาบทละครที่คณะละครเคยแสดงออกมาทั้งหมด จากนั้นพลิกอ่านทีละเรื่อง

ล้วนแล้วแต่ปกติ ไม่ใช่ชายสง่างามหญิงงดงาม ก็เป็นเรื่องของขุนนางผู้ซื่อตรง หรือไม่ก็เป็นข่าวลือจากราชวงศ์ก่อน อาทิองค์หญิงกับพระราชบุตรเขยเป็นต้น

เรื่องเดียวที่มีปัญหาก็คือละครใหม่ที่จะแสดงวันนี้ ‘แม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่ว’

โจรกบฏซือหม่าโต่วยังมีชีวิตอยู่ดี อิสระอย่างมาก ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่กลับมีบทละครของเขาแพร่หลายอยู่ในสังคมแล้ว น่าสนใจเสียจริง

เรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ บทละครแม้ผิวเผินจะเป็นการโจมตีโจรกบฏ แต่ความจริงแล้วกำลังยกย่องโจรกบฏ

เยียนอวิ๋นเกอโยนบทละครทิ้ง พลันหัวเราะเสียงเย็น

บังอาจเล่นมาถึงหัวนาง คิดว่านางรังแกง่ายอย่างนั้นหรือ

วันนี้ หากนางไม่ได้เอ่ยว่าจะดูบทละคร เกรงว่ารอจนถึงเวลาแสดงในตอนกลางคืน ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่อง

นางเคาะโต๊ะเบาๆ เรียกเยียนหนานหัวหน้าองครักษ์มาถาม “พื้นที่ภายในรัศมีสิบลี้ มีร่องรอยของนักการหรือองครักษ์จินอู่หรือไม่”

“ควรจะไม่มี หากคุณหนูไม่วางใจ ข้าน้อยจะนำคนออกไปตรวจดู”

“ไป!”

นางต้องการรู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่!