ตอนที่ 304 แย่งสะใภ้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 304 แย่งสะใภ้

พื้นที่ไกลออกไปกว่าพันลี้!

ค่ายทหาร!

เซียวอี้อยู่ในชุดรัดรูป ตรงหน้ามีจดหมายสามฉบับวางอยู่

ฉบับหนึ่งเป็นจดหมายลับจากเมืองหลวง

ฉบับหนึ่งเป็นจดหมายลับที่ท่านโหวผิงอู่ สืออุนผู้เป็นลุงให้คนส่งมา

ส่วนฉบับสุดท้ายเป็นจดหมายจากตระกูลขุนนางหนึ่ง

เขาหยิบจดหมายลับของท่านโหวผิงอู่ สืออุนขึ้นมาก่อน หลังจากอ่านจบ สีหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับมีการคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว

จดหมายที่ตระกูลขุนนางให้เขา ทำให้เขาส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาเท่านั้น

สุดท้ายเป็นจดหมายลับจากเมืองหลวง

เมื่ออ่านจบ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างอดไม่ได้

เขาส่งเสียงออกมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดอย่างมาก

จี้ซินแสผู้เป็นกุนซือติดตามอยู่ข้างตัว “นายน้อยกังวลใจเรื่องใด”

“ข้าจะถอยทัพ!”

“ถอยทัพ? นายน้อยไม่ได้ล้อเล่น? เวลานี้สมควรแก่การไล่ล่า นายน้อยไม่เอาความดีความชอบแล้วหรือ”

“สะใภ้จะถูกคนแย่งไปแล้ว เจ้ายังให้ข้าเอาความดีความชอบ มีประโยชน์อึนใด”

เซียวอี้โกรธมาก

จ้งซูหาว เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีเจตนาแอบแฝง

เป็นไปอย่างที่คิด เขาชื่นชอบอวิ๋นเกอ

รังแกกันเกินไปแล้ว!

สะใภ้ของเขา เขาเฝ้ารักษามากี่ปี แต่กลับต้องตกเป็นของผู้อื่น เขาทนไม่ได้

มุมปากของจี้ซินแสกระตุก เขาหยิบจดหมายลับจากเมืองหลวงขึ้นมาอ่าน

“จ้งซูหาวคิดจะสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอ? ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จ”

“ฮึ! ไม่แน่ เจ้าเห็นเนื้อหาในนั้นหรือไม่ จ้งซูหาวมีความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะสู่ขออวิ๋เกอ ไม่เสียดายที่จะต้องขัดแย้งกับองค์หญิงเฉิงหยาง เขาใช้ความจริงใจอาจทำให้อวิ๋นเกอหวั่นไหวได้ หากเขาเข้าไปขอพระราชโองการในวังอีก ข้าจะยังมีโอกาสหรือ”

น่าโมโหยิ่งนัก!

เขาต่อสู้แทบตายอยู่ด้านนอก ชีวิตก็แทบจะสละทิ้งไป สุดท้ายสะใภ้กลับถูกผู้อื่นแย่งไป

ไม่ว่าผู้ใดก็ทนไม่ได้

จี้ซินแสอ่านจดหมายต่อ “นายน้อยละเลยอีกเรื่องในจดหมายหรือไม่”

เซียวอี้ไขว้ขา “ข้าไม่ได้ละเลยรายละเอียดใด ใกล้จะถึงการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงเวลาต้องถอยทัพแล้ว”

จี้ซินแสขมวดคิ้ว “นายน้อยมั่นใจว่าจะถอยทัพ? เพียงเพราะจ้งซูหาวสู่ขอคุณหนูสี่? ข้ารับรองได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จ”

“ซินแสคิดว่าบุตรสาวขององค์หญิงเฉิงหยางแต่งงานกับองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ ฮ่องเต้จึงไม่ทรงอนุญาตให้จ้งซูหาวสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอใช่หรือไม่ แต่ซินแสอย่าลืม องค์หญิงเฉิงหยางสู่ขออย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแค่ถูกปฏิเสธเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าฮ่องเต้ทรงอนุญาตเรื่องนี้แล้ว”

“เวลานี้แตกต่างกัน นายน้อยโปรดอ่านเนื้อหาบนจดหมาย ฮ่องเต้ประชวรหนัก พระอาการย่ำแย่ลงทุกวันต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ”

“เพราะเรื่องนี้สำคัญ ข้าจึงยิ่งสมควรถอยทัพ”

“อย่างไร” จี้ซินแสฉงน

เซียวอี้ยื่นจดหมายของท่านโหวผิงอู่ สืออุนให้เขา “ซินแสดู สถานการณ์ไม่ดีเหมือนที่พวกเราคิด มีคนแอบสนับสนุนโจรกบฏ ซือหม่าโต่วอย่างลับๆ”

“ผู้ใดบังอาจเพียงนี้ บังอาจสนับสนุนโจรกบฏ ซือหม่าโต่วในเวลานี้”

“ย่อมเป็นคนที่หวังให้ราชสำนักพ่ายแพ้สงคราม นอกจากนี้ที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่สงบ ราชวงศ์ซีหยิงถูกปราบปราม แต่ชนเผ่าในที่ราบยังไม่ถูกกำจัดให้สิ้นซาก พวกเขารวมตัวอยู่ด้วยกัน ขยายกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ได้ยินว่าทางซีอวี้เกิดสงคราม มีราชวงศ์จากทางซีอวี้กำลังเดินทางมา พวกเขาย่อมจะเกิดการปะทะกับกองกำลังชายแดน”

จี้ซินแสกังวลใจอย่างมาก เขาอ่านจดหมายทั้งสามฉบับอย่างละเอียดอีกครั้ง

“นายน้อยคิดจะถอยทัพจริงหรือ ไม่กลัวฮ่องเต้ทรงลงโทษหรือ”

“ทำสงครามจัดการโจรกบฏตรงหน้าเสียก่อน จากนั้นจึงจะถอยทัพ”

เขาจะไปตามสะใภ้ที่เมืองหลวง จะให้ผู้ใดแย่งสะใภ้ไปไม่ได้

“ถอยทัพโดยไม่มีพระราชโองการ หากร้ายแรงจะต้องถูกประหาร”

“ซินแสวางใจ รอข้าถอยทัพไปถึงแถบนครบาล ฮ่องเต้ย่อมไม่มีเวลาลงโทษข้า”

จี้ซินแสเกลี้กล่อมไม่ได้ แต่เขายังคงทำหน้าที่ของกุนซืออย่างเต็มที่ เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “สถานการณ์โกลาหล นายน้อยนำทัพอยู่ด่านนอด ดีกว่ากลับเมืองหลวง”

“ซินแสลืมไปเรื่องหนึ่ง เสบียงไม่พอ ข้าสามารถนำทัพอยู่ด้านนอกก็จริง แต่เสบียงเอาจากที่ใด หวังพึ่งตระกูลขุนนางจัดหาเสบียงให้ก็ย่อมต้องให้ผลประโยชน์แก่พวกเขา หากำหวังพึ่งให้ราชสำนักจัดหาเสบียงให้ เวลานี้ยังพอได้ แต่หากสถานการณ์เกิดความโกลาหลขึ้นมา เกรงว่าราชสำนักก็ไม่อาจดูแลข้ากับทหารกองทัพใต้ได้”

เซียวอี้ก็มีความลำบากมากมาย

กองทัพใต้เป็นลูกเมียน้อย อย่าได้คาดหวังให้ราชสำนักดูแลในยามวุ่นวาย

รวมมือกับตระกุลขุนนางในท้องถิ่นเป็นเพียงแผนการในระยะสั้น ไม่อาจร่วมมือในระยะยาวได้

ท้ายสุดแล้ว เขายังต้องการพื้นที่ที่จะจัดหาเสบียงให้เขาได้อย่างไม่ขาดสาย

แต่เขาก็ไม่อยากพึ่งพาผู้อื่น ไม่อยากถูกคนบีบคอเอาไว้

กลุ้มนัก!

จี้ซินแสเห็นเขาตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจึงตั้งสติเพื่อวางแผนให้เขา

เดิมทีจี้ซินแสเป็นกุนซือของท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อน เมื่อท่านอ๋องตงผิงสิ้นพระชนม์ เขาจึงถูกเซียวอี้ขอมา

เขาจงรักภักดีต่อเซียวอี้ วางแผนแทนเขาอย่างสุดความสามารถ

เพียงแค่ความสามารถในการสร้างเรือนพักร่ำรวยด้วยมือเปล่าของเยียนอวิ๋นเกอ นางก็ถือว่าเป็นคนที่เหมาะสมกับนายน้อย

ภรรยาที่นายน้อยต้องการก็คือคนที่สามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างเยียนอวิ๋นเกอ

สมกับผู้ที่เมตตามักเห็นความเมตตา ผู้มีปัญญามักเห็นปัญญา

ในสายตาของคนส่วยใหญ่ เยียนอวิ๋นเกอเป็นสตรีที่อยู่ไม่สุข ไม่สมควรแต่งงาน

แต่ในสายตาของจี้ซินแส เยียนอวิ๋นเกอเรียกได้ว่าเป็นคู่ชีวิตที่ดี ไม่มีหญิงสาวที่ดีไปกว่านางอีกแล้ว

เซียวอี้เตรียมตัวสำหรับการถอยทัพ

ก่อนถอยทัพ เขาต้องสู้รบสักครั้งก่อน

เมืองหลวง

เยียนอวิ๋นเกอได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง

คนที่ส่งจดหมายพูดเพียงประโยคเดียว “จดหมายจากนายน้อยถึงคุณหนู นายน้อยให้ข้าส่งมอบมันให้ถึงมือของคุณหนูเอง โชคดีที่ข้าน้อยไม่ทรยศต่อความไว้วางใจ เฝ้ารออยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้พบกับคุณหนูสี่ ข้าน้อยขอตัวก่อน!”

เยียนวิ๋นเกอ “…”

จดหมายของนายน้อยตระกูลใดกัน เหตุใดจึงไม่บอก

บนซองจดหมายเขียนเพียง “เยียนวิ๋นเกอเปิด”

ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ส่งแม้แต่น้อย

สาวรับใช้อาเป่ยพูดทันที “บ่าวดูก่อนว่าจดหมายนี้มีพิษหรือไม่”

เยียนวิ๋นเกอพยักหน้าให้นางตรวจดู

เมื่ออาเป่ยยืนยันว่าจดหมายนั้นสะอาด จึงจะส่งคืนให้นาง

หลังจากเปิดจดหมายแล้วเยียนอวิ๋นเกอได้อ่านเนื้อหาจึงจะกระจ่างว่าเป็นจดหมายของผู้ใด

“ผู้ใดเป็นคนส่งจดหมายให้คุณหนูกัน ลับๆ ล่อๆ ไม่จริงใจแม้แต่น้อย”

มุมปากของเยียนวิ๋นเกอกระตุก นางจะบอกได้หรือว่าจดหมายนี้มาจากเซียวอี้

เนื้อหาของจดหมายก็ธรรมดามาก เพียงแค่เขียนบอกเล่าเรื่องในชีวิตประจำวัน เรี่องธุรกิจ ไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นแม้แต่น้อย

แต่จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายลับ ในเนื้อหามีบางอย่างซ่อนอยู่

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพบหลักการของมัน

เอ๊ะ?

“อย่าแต่งงานกับจ้งซูหาว” หมายความว่าอย่างไร

เซียวอี้อยู่ไกลถึงพันลี้ เหตุใดข่าวจึงว่องไวเพียงนี้

เขามีตาพันลี้ หูตามลมหรือ

ขณะที่เขากำลังทำสงคราม เขายังแอบติดตามข่าวของนางด้วยหรือ

เยียนอวิ๋นเกอพับจดหมายเก็บใส่กลับเข้าไปในซอง

สาวรับใช้อาเป่ยถาม “คุณหนูจะตอบกลับหรือไม่”

นางส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องตอบ!”

“คุณหนูยังไม่ได้บอกว่าจดหมายมาจากผู้ใด”

เยียนวิ๋นเกอหยิกแก้มอาเป่ย “ข้าไม่บอกเจ้าหรอก คำนวณบัญชีเรียบร้อยหมดแล้วหรือ”

“คุณหนูวางใจเถิด บ่าวคำนวณหมดแล้ว คุณหนูมีแผนจะไปเรือนพักอีกเมื่อใด ไม่รู้หานซินแสจะเป็นอย่างไรในฐานะพ่อบ้านใหญ่ เขาจะไล่ตาพ่อบ้านใหญ่ เยียนสุยได้หรือไม่”

“ได้เวลาไปที่ดูเรือนพักหน่อยแล้ว”

หลังจากกำหนดเวลาออกเดินทางแล้ว เยียนอวิ๋นเกอก็เริ่มเตรียมตัว

แต่ไม่คิดว่าหลิงฉางจื้อจะมาเยือน

เขาต้องการเป็นพ่อสื่อให้เยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอมีความสามารถ จะตกอยู่ในมือของจ้งซูหาวได้อย่างไร

ในเมื่อบุตรชายของตระกูลหลิงไม่เข้าตานาง ญาติของนางคงไม่อยู่ในขอบเขตที่นางรังเกียจด้วยใช่หรือไม่

ดังนั้นหากแนะนำบุตรของญาติให้องค์หญิงจู้หยาง บางทีมันอาจจะสำเร็จ

ถึงแม้จะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ขัดขวางจ้งซูหาวได้

อย่างที่คาดไว้ เซียวฮูหยินสนใจการเป็นพ่อสื่อของหลิงฉางจื้ออย่างมาก

บุตรสาวมรตัวเลือกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดี

คนที่หลิงฉางจื้จะแนะนำให้เป็นญาติของตระกูลหลิง บุตรชายคนรองของตระกูลสวี่

ความจริงแล้ว เขาอยากเป็นพ่อสื่อให้บุตรชายคนโต แต่เสียดายที่บุตรชายคนโตแต่งงานแล้ว บุตรของเขาก็โตแล้ว

ตระกูลสวี่เป็นตระกูลใหญ่ที่มีฐานะเทียบเท่ากับตระกูลหลิง

อีกทั้งยังเป็นบุตรชายคนรองของภรรยาเอก คู่นี้ไม่เลว!

เห็นได้ถึงความจริงใจของหลิงฉางจื้อ เขาไม่ได้เอาผู้ใดก็ได้มาแนะนำ

เซียวฮูหยินถามถึงสถานการณ์ของตระกูลสวี่ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก นางพูดคุยกับหลิงฉางจื้ออย่างสนุกสนาน

เยียนวิ๋นเกอ “…”

ไร้ซึ่งความสนใจ

ชายหนุ่มที่นางไม่เคยแม้แต่จะพบหน้ามาก่อน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางเกิดความสนใจขึ้นมา

นางยินดีที่จะสนใจผลผลิตของเรือนพักในปีนี้มากกว่า อย่าขาดทุนเป็นอันขาด

หากปีนี้ยังขาดทุนอีก ควรจะมีชีวิตรอดต่อไปไม่ไหวแล้ว

ละทิ้งเรือนพักไปคงจะง่ายกว่า

หลิงฉางจื้อพูดกับนาง “ข้าหวังว่าคุณหนูสี่จะได้คู่ครองที่ดีจากใจจริง มีตัวเลือกมากขึ้นย่อมเป็นเรื่องดีเสมอ”

“ขอบพระคุณความหวีงดีของใต้เท้าหลิง! ระหว่างที่ท่านยุ่งกับงานยังต้องกังวลเกี่ยวกับคู่ครองของข้า ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรดี”

“คุณหนูสี่เกรงใจ! พวกเราเป็นคู่ค้ากัน ข้าอยากเห็นคุณหนูสี่ได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่เหมาะสม มีความสุขในชีวิตคู่ อย่าได้ถูกหลอกเป็นอันขาด”

เยียนอวิ๋นเกอกระตุกมุมปาก “ไม่รู้ว่าผู้ใดจหลอกข้า”

หลิงฉางจื้อกล่าวอย่างจริงจัง “ในโลกนี้มีผู้ชายเลวๆ มากมายที่มีเจตนาชั่วร้าย คุณหนูสี่อาจจะมองไม่ออกในบางครั้ง ที่ท่านลองดูให้มาก ไตร่ตรองให้ดี ย่อมจะเป็นผลดี”

“ขอบพระคุณคำแนะนำของใต้เท้าหลิง ฉันจะระวัง”

เยียนอวิ๋นเกอมักจะรู้สึกเสมอว่าหลิงฉางจื้อเจาะจงถึงผู้ใด ไม่เพียงแค่สื่อถึงจ้งซูหาว แต่ยิ่งเหมือนสื่อถึงเซียวอี้มากกว่า

บางทีมันอาจเป็นเพียงความรู้สึกที่ผิดพลาดของนางเท่านั้น