บทที่ 274 พลังของอักขระ “เพิ่ม”
บทที่ 274 พลังของอักขระ “เพิ่ม”
หินกรวดและใบไม้เหี่ยวเฉาที่กระจายอยู่รอบ ๆ พื้นถูกคลื่นพลังพัดพาลอยขึ้นมากระทั่งก่อร่างที่ดูคล้ายกับมังกร
และด้วยการฟาดฟันดาบเพียงหนึ่งครั้ง มังกรมายาที่โจวอี้สร้างขึ้นก็พุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์วัยกลางคนอย่างดุเดือด
ฉัวะ!
ร่างของปรมาจารย์วัยกลางคนพุ่งปะทะกับมังกรมายาและฟันมันด้วยดาบจนผ่าออกเป็นสองส่วน
เมื่อมังกรมายาที่เกิดจากรวมตัวของเศษหินและใบไม้ที่เหี่ยวเฉาของโจวอี้ถูกทำลายไป ปรมาจารย์วัยกลางคนก็ฟาดฟันดาบอีกครั้ง ปลดปล่อยปราณดาบเข้าใส่โจวอี้แบบไม่ยั้ง กระทั่งท้องฟ้าเต็มไปด้วยปราณดาบเข้าปกคลุม
ทางด้านของโจวอี้นั้นก็โคจรพลังปราณไปที่เข็มเงินสองเล่มที่อยู่ระหว่างนิ้วของเขา เพื่อเตรียมที่จะซัดออกไปต้านทาน
ทว่าขณะที่โจวอี้กำลังจะซัดเข็มเงินออกไปด้วยความโกรธแค้น อักขระสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นในทะเลจิตสำนึกของเขาอีกครั้ง
จู่ ๆ มวลพลังพิเศษบางอย่างก็ปะทุขึ้นในทะเลจิตสำนึกของโจวอี้ มวลพลังนี้เข้าห่อหุ้มรอบจุดแสงสีขาวคล้ายน้ำนมในทะเลจิตสำนึกจนดูเหมือนหนอนที่ติดอยู่กับกระดูก
จากนั้นโจวอี้ก็พบว่าจุดแสงสีขาวขุ่นขนาดใหญ่เท่าเมล็ดข้าวนั้น จู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมาในพริบตา และพุ่งเข้ามาในสมองของเขาในทันใด ทำให้เขารู้แจ้งในความลับของอักขระ 增(เพิ่ม) อย่างฉับพลัน!
“เพิ่ม!”
เขาเข้าใจแล้วว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของสิ่งใด
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น พลังปราณในร่างกายเพิ่มขึ้น การปลดปล่อยพลังเพิ่มขึ้น ทุกสิ่งอย่าง…จะเพิ่มขึ้น!
หลังจากรู้แจ้งในอำนาจของอักขระนี้แล้ว โจวอี้ก็เห็นว่ามังกรมายาของเขาที่เพิ่งถูกทำลายไปนั้นกลับมาก่อร่างใหม่อีกครั้ง และพุ่งเข้าหาปรมาจารย์วัยกลางคนอย่างดุเดือด
ส่วนเข็มเงินสองเล่มในมือก็เปล่งแสงสว่างจ้า และหลังจากที่เขาซัดมันออกไป พวกมันก็กลายเป็นลำแสงสังหารที่ดูรุนแรงกว่าการโจมตีทั่วไปที่โจวอี้เคยทำได้ตั้งหลายสิบเท่า
ฉากถัดมาที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพที่มังกรมายาใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันสะกัดปราณดาบของปรมาจารย์วัยกลางคนและเข็มเงินสองเล่มที่ขยายเป็นลำแสงขนาดเท่าแขนของทารก มันพุ่งเข้าไปเจาะหน้าอกและไหล่ของปรมาจารย์วัยกลางคนภายในพริบตา!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ดวงตาของโจวอี้เบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
ในทางกลับกัน ปรมาจารย์วัยกลางคนกลับแสดงท่าทางหวาดกลัวอย่างมาก เขารีบถอยกลับทันทีพลางมองไปที่โจวอี้ด้วยแววตาเหลือเชื่อ
จุดที่เข็มเงินพุ่งเจาะเข้าใส่เขาคือหัวใจ!
เขาสัมผัสได้ว่าขณะนี้หัวใจของเขาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง เลือดสาดกระเซ็นดั่งสายน้ำ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกายและผ่านขึ้นมาจนถึงสมอง
“นี่ข้ากำลังจะตาย?”
ปรมาจารย์วัยกลางคนเผยสีหน้าสิ้นหวัง ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่โจวอี้
สำนักโอสถ พวกมันทรงพลังขนาดนี้เลยเหรอ?
ไอ้หนุ่มทั้งสองคนนี้มันกินโอสถวิเศษล้ำค่าแทนข้าวตั้งแต่เด็กกันเลยรึยังไง? อายุแค่นี้ไม่ควรมีพลังร้ายกาจขนาดนี้นี่นา
ในขณะเดียวกัน ปรมาจารย์ที่ถงหู่กำลังถ่วงเวลาอยู่ก็เห็นว่าสหายของตนเองถูกโจวอี้ฆ่าไปแล้ว ชั่วขณะนั้นเขาทั้งตกใจและโกรธ เขาต้องการหนีจากการโจมตีของถงหู่เพื่อไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุด
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแม่เฒ่าเทียนจี้ซึ่งกำลังโจมตีเฮยอู่หยาอย่างต่อเนื่อง เธอพบว่าโจวอี้ได้ฆ่าปรมาจารย์ไปแล้วหนึ่งราย และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือคนที่ถูกฆ่านั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นกลาง
แล้วโจวอี้ล่ะ?
เขาเพิ่งจะทะลวงระดับเข้าสู่ปรมาจารย์มาได้กี่วันนี่เอง?
แต่ตอนนี้สามารถสังหารศัตรูในขั้นที่สูงกว่าได้!
พรสวรรค์ในการต่อสู้นั้นน่าทึ่งเหลือเกิน!
แม่เฒ่าเทียนจี้ประเมินโจวอี้ใหม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ตัดสินใจจะฆ่าเฮยอู่หยาให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
“ถงหู่ เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเอง!” โจวอี้สงบอารมณ์ของเขาและพุ่งไปปรากฏตัวใกล้กับถงหู่ จากนั้นก็เริ่มโจมตีปรมาจารย์ที่หมดกำลังใจจะต่อสู้
ตัวอักขระ “เพิ่ม” ยังคงไม่หายไป
ดูเหมือนว่ามันจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของโจวอี้ มันปลดปล่อยอำนาจพิเศษของมันออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของโจวอี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
พลังปราณปะทุขึ้นกระตุ้นปราณวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน กรวดหินดินทรายลอยขึ้นและรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นมังกรยักษ์ที่ดูน่าเกรงขาม ปรมาจารย์ที่คิดแต่จะหลบหนีผู้นี้ทั้งถูกกัดและเฉือนด้วยกรงเล็บของมังกร เขาแทบจะไม่มีแรงต่อสู้กลับไปแล้ว
“ตาย!”
ร่างที่รวดเร็วเหมือนสายฟ้าของโจวอี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าปรมาจารย์ที่กำลังป้องกันการโจมตีของมังกร พลังที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาผ่านกำปั้นที่รวดเร็วจนแทบจะมองตามด้วยตาเปล่าไม่ทัน กำปั้นของโจวอี้พุ่งเข้าใส่หน้าอกของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง กระดูกอกของปรมาจารย์ผู้นั้นแหลกละเอียด และอวัยวะภายในก็ยังแหลกเละ ร่างของเขากระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรและชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่หลายต้นจนหักโค่น
อ่อนแอ!
อ่อนแอเกินไป!
คนคนนี้อ่อนแอกว่าปรมาจารย์วัยกลางคนก่อนหน้านี้มาก
โจวอี้ไม่ได้ตามไปโจมตีต่อ เมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับพื้น เขาก็เห็นอีกฝ่ายพยายามลุกขึ้น แต่หลังจากกระอักเลือดอยู่สองสามรอบ ปรมาจารย์ผู้นั้นก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง ร่างนั้นชักกระตุกอยู่ไม่นาน ในที่สุดลมหายใจก็ค่อย ๆ จางหายไป
ถงหู่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และจ้องมองไปยังฉากที่เกิดขึ้น
เขาเอามือขยี้ตาตัวเองอยู่หลายรอบ จนในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป โจวอี้ สังหารปรมาจารย์ที่เทียบเคียงกับเขาได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที!
เป็นไปได้ยังไง?
พี่ชายของเขาเพิ่งทะลวงระดับปรมาจารย์มาเองไม่ใช่เหรอ?
หรือว่าพี่ชายของเขาเป็นเทพแห่งสงครามกลับชาติมาเกิด?
ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร แม่เฒ่าเทียนจี้ใช้ดาบยาวแทงชายชราชุดดำอีกครั้ง จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ไม่มีแรงจะวิ่งหนีและล้มลงกับพื้น
“เจ้าต้องการสั่งเสียอะไรไหม?” แม่เฒ่าเทียนจี้ถามอย่างเย็นชาขณะยืนอยู่ตรงหน้าเฮยอู่หยา
“สำนักโอสถ! รอการแก้แค้นของนิกายเร้นลับของเราได้เลย! ตราบใดที่หนึ่งในพวกเราสี่คนหลบหนีไปได้ สำนักโอสถของแกก็จะไม่มีวันสงบสุข!” เฮยอู่หยาเอ่ยอย่างอาฆาต
“เกรงว่าเจ้าคงจะต้องผิดหวังแล้ว สำนักโอสถของเรามีทายาทที่ยอดเยี่ยม และพวกแกทั้งหมดจะไม่มีใครหนีพ้น” แม่เฒ่าเทียนจี้กล่าวอย่างเฉยเมย
“ใช่เด็กคนนั้นที่เราไล่ตามหรือเปล่า?” เฮยอู่หยาถามกลับอย่างยากลำบาก
“ไม่ใช่เขา” หลังจากพูดจบ แม่เฒ่าเทียนจี้ก็ฟาดหัวของอีกฝ่ายด้วยไม้เท้า
จากนั้นเธอก็กลับมาพร้อมกับร่างของชายชราชุดดำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอกลับไปหาโจวอี้และถงหู่ เธอก็ถึงกับตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
ตายหมดแล้ว?
ถงหู่บาดเจ็บสาหัส แล้วเขาจะสามารถฆ่าปรมาจารย์ได้ยังไง?
ทันใดนั้น เธอก็มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และตะโกนว่า “รีบอุ้มศพพวกนี้ไปกับเรา และรีบไปจากที่นี่ทันที!”
โจวอี้และถงหู่พยักหน้า ก่อนจะนำศพอีกสามศพไปด้วยและรีบหนีไปกับแม่เฒ่าเทียนจี้
สองนาทีต่อมา ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เชิงเขา แม้ว่าโลกจะถูกปกคลุมไปด้วยความมืด แต่คนผู้นี้ก็ยังมองเห็นร่องรอยการต่อสู้ที่หลงเหลือจากสถานที่ที่เกิดการต่อสู้อย่างชัดเจน
“การต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ที่ไม่น่าจะต่ำกว่าห้าคน…”
“ตั้งแต่ตอนที่ข้ารู้สึกถึงความผันผวนจนถึงตอนนี้ มีเวลามากสุดแค่สองหรือสามนาที แต่พวกเขาสามารถจัดการทุกอย่างและออกไปได้ทันเวลา หมายความว่ามีคนที่แข็งแกร่งมากในหมู่พวกเขา และอาจมีคนที่แข็งแกร่งในระดับบรรพจารย์ยุทธ์หรือระดับผสานเต๋า”
“พวกเขาคือใครกัน?” คิ้วของชายชราขมวดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็พบดาบเล่มหนึ่งที่มีรอยหักอยู่หลังหินก้อนใหญ่ และยังมีธงสีเหลืองที่แตกหักอยู่บนพื้นหญ้า
“ดาบยมโลก อาวุธของมู่เจี้ยนฉี?”
“ธงพิฆาตวิญญาณ? สมบัติที่เฮยอู่หยาขัดเกลา?”
“ทั้งสองคนคือปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมาก แต่สมบัติและอาวุธของพวกเขาถูกทำลายและถูกทิ้งไว้ที่นี่ เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกฆ่าไปแล้ว”
“ว่าแต่ใครเป็นคนฆ่าพวกเขา?”
ชายชรากำลังจะค้นหาบางสิ่งต่อไป ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
เขามองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และจากไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
เขาไม่ต้องการที่จะเอาตัวเองเข้าไปสู่วังวนปัญหานี้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งในระดับบรรพจารย์ยุทธ์ แต่ร่องรอยการต่อสู้ที่รุนแรงนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันเป็นคนของกองกำลังที่ทรงพลังอย่างมาก
และความประมาทเล็กน้อยจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่