บทที่ 269 หั่นเป็นพันชิ้น

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 269 หั่นเป็นพันชิ้น

บทที่ 269 หั่นเป็นพันชิ้น

ผู้มาเยือนทำเหมือนมองไม่เห็นภาพเหล่านี้และโบกมือ

จากนั้นมีลูกน้องสองคนเดินเข้ามา ทุบหญิงสาวให้หมดสติ และหิ้วออกไปเหมือนไม่ใช่คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจตกตะลึง คนจากแผนกพิเศษทำเกินไปหรือเปล่า

“คุณอยากใส่เสื้อผ้าให้พวกเขาสักหน่อยก่อนออกไปไหมครับ?”

เปลือยทั้งท่อนบนแล้วท่อนล่างแบบนี้มันดูล่อแหลมเกินไป

คนที่เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจยิ้มให้ “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”

“โชคดี”

จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าออกจากสถานีตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยทำความเคารพที่หน้าประตูและนึกอะไรบางอย่างได้ตอนที่อีกฝ่ายจากไปแล้ว อ้อ ฉันลืมเซ็นใบมอบตัวนักโทษ

“จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? นี่ฉันต้องไปปรึกษาเจ้าหน้าที่เหลียงหรือเปล่า?”

เพื่อนร่วมงานเห็นอย่างนั้นก็เขกหัวทันที “เจ้าหน้าที่เหลียงรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่เป็นไรหรอก กลับไปนอนเถอะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หาวหวอด

พอเจ้าหน้าที่เหลียงมาถึงสถานีตำรวจในตอนเก้าโมงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มที่ปฏิบัติหน้าที่ก็กำลังรับประทานอาหารเช้า

เจ้าหน้าที่เหลียงสั่งคนในทีมชุดแรก “ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนข้างใน เก็บของและนำออกมาสอบปากคำ”

เขาปฏิบัติงานตามปกติ

หัวหน้าทีมที่หนึ่งยกยิ้ม “เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน จำเป็นต้องสอบปากคำด้วยเหรอครับ?”

เจ้าหน้าที่เหลียงอารมณ์ดี “ซับซ้อนหรือเปล่าไม่ได้ดูที่คดีเท่านั้น ยังต้องจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องในคดีด้วย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจดูงุนงง

อวิ๋นเหมี่ยวและซวี่เฟิงไม่ได้ถูกพาตัวไปแล้วเหรอ?

หรือเมื่อคืนมีนักโทษใหม่เข้ามา? ไม่ เป็นไปไม่ได้!

หัวหน้าทีมชุดแรกรีบเดินออกมาหลังจากตรวจสอบ “เจ้าหน้าที่เหลียง พวกเขาหายไปแล้วครับ”

มันเหมือนกับการโยนหินลงไปในทะเลสาบที่เงียบสงบ และสถานีตำรวจทั้งหมดระเบิดในทันที!

“มีคนพาพวกนั้นออกไปต่อหน้าพวกเราจริง ๆ!”

“เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง”

“เมื่อคืนใครเข้าเวรบ้าง?”

เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยชำเลืองมองเพื่อนร่วมงานของเขาที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยกัน แล้วยกมือขึ้นอย่างสั่นเทา “ผมเอง”

เขายังไม่ทันกลืนซาลาเปาในปาก และใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูน่าเกลียดจนดูไม่ได้

“เมื่อคืนนี้พวกเขาไม่ได้ถูกคนจากแผนกพิเศษพาตัวไปเหรอครับ?”

เจ้าหน้าที่เหลียงขมวดคิ้ว “แผนกพิเศษอะไร?”

เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยรู้สึกสับสนกับสถานการณ์นี้ “เมื่อคืนนี้มีคนจากหน่วยพิเศษมารับตัวเขาพร้อมคำสั่งย้ายของผู้กำกับ ผมยังโทรหาหัวหน้าเพื่อขอคำยืนยัน คุณบอกว่าผมรู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็เลยให้พวกเขาพาคนไป”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและค้นหาบันทึกการโทรของเมื่อคืนนี้

ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่ามีการบันทึกการโทรประมาณหนึ่งนาทีในเวลา 5:20 น. ของเช้าวันนี้

“แต่ฉันไม่ได้รับสาย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยดูงุนงง เป็นไปได้อย่างไร?

ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเขาโทรออกไปจริง ๆ

โทรศัพท์ก็ต่อสายไปถึงหัวหน้าด้วย

และเสียงนั้นยังเป็นของเจ้าหน้าที่เหลียง

หัวหน้าทีมมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูเหม่อลอยจึงต่อยเขาระบายอารมณ์

“โง่หรือเปล่า นี่มันหมายความว่าการโทรถูกแทรกแซงน่ะสิ”

“ใช้สมองของนายคิดดูสิ เรื่องของอวิ๋นเหมี่ยวกับซวี่เฟิงจะไปเกี่ยวกับแผนกพิเศษได้ยังไง”

“พวกเขาพูดอะไรบ้าง นายพูดมาให้หมด!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามนึกเต็มที่ “แค่บอกว่าจะพาคนออกไปและมีท่าทีรีบมาก ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ”

เพื่อนร่วมงานที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันรู้สึกไม่สบายใจ “ถ้าจะพูดว่าอะไรที่แปลก ๆ ก็ตอนพวกเขาจากไป พวกเขาบอกว่าโชคดี”

ทุกคนในสถานีตำรวจ “…”

เจ้าหน้าที่เหลียงเป็นคนแรกที่สงบลง “คำสั่งย้ายอยู่ไหน?”

เจ้าหน้าที่ตำรวจตัวน้อยหันกลับมามอง “นี่ครับ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเหลียงตรวจสอบหมายและตราประทับทางการอย่างระมัดระวังเป็นเวลาอยู่นานก่อนที่เขาจะพูดว่า “เหมือนของจริงมาก แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าของจริงหรือของปลอม”

หัวหน้าเข้ามาดู “เราจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดทันทีครับ บางทีเราอาจจะพบอะไรบางอย่าง”

“คนที่มีความสามารถในการพานักโทษออกไปจากสถานีตำรวจได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาพวกเขาเจอ”

“ถ้าอย่างนั้นจะปล่อยไปเหรอครับ? แล้วถ้าคุณลู่อยากพบคนพวกนั้นล่ะครับ?”

ลู่เฉิน?

ชื่อนี้แวบเข้ามาในความคิดของเจ้าหน้าที่เหลียง “รอคำสั่งจากฉัน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เมื่อคืนให้ไปที่สถานีย่อยเพื่อฝึกฝนเป็นเวลาสองวัน”

ความระมัดระวังและความละเอียดอ่อนในการเป็นตำรวจของพวกนั้นยังห่างไกลจากมาตราฐาน

ในห้องทำงาน เจ้าหน้าที่เหลียงครุ่นคิดและตัดสินใจโทรหาลู่เฉิน

เมื่อสายเชื่อมต่อเป็นเวลาสิบวินาทีก็ยังไม่มีใครพูด

เจ้าหน้าที่เหลียงก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งที่เขาต้องการถามได้คำตอบแล้ว

“คุณลู่ เราจะปิดคดีของคุณซูแล้ว”

“[อืม]”

เสียงที่ไม่แยแสของลู่เฉินดังตอบกลับมา

“เราพบกล้องในที่เกิดเหตุซึ่งอาจจับภาพเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุได้ และไม่มีใครในสถานีตำรวจที่ได้เห็นภาพในกล้องนั้น”

“[รวมถึงคุณด้วยใช่ไหม?]”

“รวมผมด้วย”

ลู่เฉินพ่นลมหายใจออกมา “[เอาล่ะ ให้คนส่งมาให้ผม]”

โทรศัพท์ถูกตัดไป

เจ้าหน้าที่เหลียงเลิกคิ้ว ช่างเถอะ

ถือเสียว่าลดเรื่องที่ต้องทำลงไป

จากนั้นหัวหน้าทีมก็ได้ถูกเรียกให้ไปทำลายหลักฐานคดีของซูโย่วอี๋ทั้งหมด

“บอกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าสำนักงานใหญ่ของเราไม่ได้ทำคดีนี้”

หัวหน้าทีมสงสัย “จริงเหรอครับ?”

เจ้าหน้าที่เหลียงไม่ตอบ

จากนั้นคดีของซูโย่วอี๋ได้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่สามารถพูดได้ในสถานีตำรวจแห่งนี้

ซูโย่วอี๋ไม่ได้ขยับตัวเลยหลังจากที่เธอตื่นนอน เธอจ้องมองเพดานอย่างว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้ติดอยู่ในห้องน้ำที่อับชื้นและมืดมิด ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

เธอเอียงศีรษะ และเธอเห็นลู่เฉินนั่งอยู่ด้านข้าง ขอบตาของเขาบวมและหมองคล้ำ หนวดเคราของเขาก็ยาวขึ้นด้วย

พอซูโย่วอี๋ขยับตัว ลู่เฉินก็สังเกตเห็นได้ทันที

เขาลุกขึ้นมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดขึ้น “คุณหิวไหม? อยากกินอะไรรึเปล่า?”

ซูโย่วอี๋จ้องมองเขา “ค่ะ ฉันอยากกินโจ๊กที่คุณทำ”

เธอรู้สึกเจ็บคอเล็กน้อยขณะพูดจนทำให้ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

“อาจจะใช้เวลาหน่อย ผมต้องไปซื้อผักก่อน”

“คุณกินข้าวรองท้องก่อนเถอะ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะทำให้”

ลู่เฉินยกยิ้มที่น่าหลงไหล

ซูโย่วอี๋ใช้แขนดันเตียงและพยายามลุกขึ้นนั่ง

“อย่าขยับ เดี๋ยวยกเตียงขึ้นก็ได้”

ลู่เฉินก้มลงและคลิกที่หน้าจอ LCD บนผนัง ครึ่งบนของเตียงค่อย ๆ ยกขึ้น

ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นนั่งเฝ้าดูลู่เฉินเดินออกจากวอร์ด ไม่นานก่อนอีกฝ่ายจะกลับมาพร้อมกับโจ๊กชามหนึ่ง

ก่อนจะป้อนเธอคำโต

ซูโย่วอี๋ไม่ได้รู้สึกหิว แต่เธอต้องการที่จะรู้ว่า… เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้

ร่างกายของเธอทั้งเจ็บและปวกเปียก แต่เธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้ถูกข่มขืน

“ลู่เฉิน”

ซูโย่วอี๋จับข้อมืออันแข็งแกร่งของเขา “ฉัน…”

ดวงตาของลู่เฉินสั่นไหว “ไม่”

“ฉันพบคุณ”

หลังจากกินโจ๊กจนหมดชามอย่างช้า ๆ ซูโย่วอี๋ก็มองเขา “อวิ๋นเหมี่ยววางยาฉันและส่งฉันไปให้ซวี่เฟิง”

“ทั้งสองคนนั่น ฉันจะไม่ยอมปล่อยไปแน่”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“คุณ… จะหยุดฉันไหม?”

ลู่เฉินยืนอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

เขาทำให้เธอไม่ไว้ใจงั้นเหรอ?

“โย่วอี๋ แม้ว่าคุณจะไม่บอกผม ผมก็จะไม่ปล่อยพวกมันไป”

“สายตาที่คุณมองผมในตอนนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าการที่พวกเขาถูกหั่นเป็นพันชิ้นก็ยังไม่สาสม ผมแค่หวังว่าคุณจะเชื่อใจผมมากกว่านี้”

“จากนี้ไป ในโลกนี้จะไม่มีคนชื่อซวี่เฟิงและอวิ๋นเหมี่ยวอีกต่อไป”

ลู่เฉินเอนตัวไปเช็ดมุมปากให้เธอ “ถ้าผมรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำร้ายคุณมากขนาดนี้ ผมคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้คุณเด็ดขาด”

“มันเป็นความผิดของผมเอง”

“จากนี้ไปเรามามีความสุขด้วยกันเถอะนะ ได้ไหม?”

ซูโย่วอี๋ตกตะลึง “คุณเอาพวกเขาไปไว้ที่ไหนคะ?”