บทที่ 270 เดิน

บทที่ 270 เดิน

“คุณไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก พวกมันได้ชดใช้การกระทำของตัวเองแล้ว”

ซูโย่วอี๋ก้มศีรษะลง เมื่อเห็นร่องรอยที่ยังไม่จางหายไป ความขมขื่นก็แสดงออกมาผ่านริมฝีปากของเธอ

แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างมายังเตียงโรงพยาบาล ทำให้ซูโย่วอี๋หันศีรษะไปมอง

แสงสีเหลืองดูอบอุ่น

สวยมาก

“ฉันอยากพัก”

ลู่เฉินปรับเตียงให้นอนราบ “คุณอยากให้ปิดผ้าม่านหรือเปล่า?”

“ไม่ค่ะ”

“ตกลง”

ซูโย่วอี๋เห็นเขานั่งลงบนเก้าอี้เพื่อเฝ้าเธอ “คุณไปพักผ่อนเถอะ เมื่อคืนคุณไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ?”

ลู่เฉินจับมือเธอมาจูบ จากนั้นเอาไปแนบกับใบหน้าของเขา

เคราของเขาทิ่มมือเธอเล็กน้อย

“ผมไม่เหนื่อย ผมอยากเฝ้าดูคุณหลับ”

มือของซูโย่วอี๋ไล้ไปตามใบหน้าของเขาทีละนิ้วและใช้เวลานานกว่าจะหยุด “เมื่อคืนฉันสับสนมาก ฉันคิดว่าฉันอาจจะไม่รอด แต่ฉันเห็นคุณตอนพร่าเบลอ ฉันก็อยากสัมผัสคุณแบบในตอนนี้ แต่… ฉันไม่มีแรงเหลือแล้ว”

“อืม” เสียงของลู่เฉินดังขึ้นจมูก

“คุณสัมผัสได้นานเท่าที่ต้องการเลย”

ซูโย่วอี๋ดูโศกเศร้า “ถ้าตายก็จะไม่เหลืออะไรเลย”

หลายอย่างที่คิดว่าค่อยทำทีหลังก็อาจไม่ได้ทำ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้

ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าบางครั้งเธอก็คิดมากเกินไป

มองการณ์ไกลเกินไป

มันคงจะดีกว่าถ้ากล้าหาญและทำในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ละทิ้งความเสียใจไว้ในชีวิต

“ตอนที่ฉันยังเด็ก หยินหยินและฉันฝันที่จะเป็นดาราดัง แต่ฉันกลับละทิ้งมันไปกลางคัน”

“แม้ว่าฉันจะเข้าสู่เส้นทางนี้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของฉันเลย”

เธอถูกระบบบังคับ

ดวงตาของลู่เฉินเต็มไปด้วยความเศร้า “คุณไม่ชอบเหรอ?”

ซูโย่วอี๋ส่ายหัวของเธอ “ฉันชอบมันมาก แต่ความชอบของฉันมักไม่เต็มที่ และฉันไม่สามารถเอาตัวเองเข้าหาปัญหาได้โดยไม่ลังเล แต่ตอนนี้มันต่างออกไป”

“?”

“ฉันมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทิ้งอะไรไว้บนโลกใบนี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม”

เช่น ฮั่วเสวียน ในฐานะเทพเจ้าแห่งสงครามของต้าเซี่ย เมื่อเสียชีวิต เหล่าทหารที่ชายแดนและคนทั่วไปต่างก็ทรุดตัวลงกับพื้นและร้องไห้ให้เธอ

นั่นคือวีรกรรมของฮั่วเสวียน

ลู่เฉินพูดอย่างกระฉับกระเฉงว่า “คุณทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้คุณเป็นศิลปินที่จะมีชื่อเสียงมากที่สุดของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ และมูลค่าทางการตลาดของคุณก็เกือบจะเทียบเท่ากับฮันเจ๋อหยาง เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องพึ่งคุณในการทำเงินนะ”

มุมปากของซูโย่วอี๋ยกโค้งขึ้น “นั่นไม่ใช่ฝีมือคุณเหรอคะ?”

“ไม่ คุณทำมันด้วยความสามารถของคุณต่างหาก”

“ทั้งรูปร่างหน้าตา ความสามารถด้านการร้องเพลง และทักษะการแสดงของคุณก็ไร้ที่ติ แทบจะไม่มีใครในวงการบันเทิงเลียนแบบได้ คุณเป็นคนพิเศษ”

เมื่อฟังน้ำเสียงที่จริงจังของลู่เฉินแล้ว ซูโย่วอี๋ก็จำได้ว่าตอนที่เขาเจอกันครั้งแรก ลู่เฉินก็เป็นแบบนี้ มักให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็นอันดับแรกเสมอ

“ธุรกิจก็คือธุรกิจ”

“และคุณก็เป็นนักธุรกิจที่เก่งจริง ๆ”

ลู่เฉินยกยิ้ม “ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นคำที่แย่เลยนะ”

“ผมดีใจมากที่คุณกล้าหาญในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น”

ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีเรื่องของเราในวันนี้

ในอากาศมีแต่ความอบอุ่นลอยล่อง

ลู่เฉินลุกขึ้นและจูบหน้าผากของซูโย่วอี๋ “พักผ่อนเถอะ พ่อบ้านคนนี้กำลังจะทำโจ๊กให้ คุณอยากกินโจ๊กอะไรเป็นพิเศษไหม?”

ซูโย่วอี๋ครุ่นคิด “โจ๊กกุ้ง”

“ได้”

ลู่เฉินกำลังจะจากไปหลังจากพูดจบ แต่ซูโย่วอี๋รั้งเขาไว้ “ล้อเล่นน่ะ คุณไปนอนเถอะ ตื่นแล้วค่อยทำ ฉันไม่กินโจ๊กตอนเที่ยงหรอก”

“แล้วถ้าฉันรู้ว่าคุณแอบไปทำโจ๊กโดยไม่ได้นอน ฉันจะ…”

ลู่เฉินมองไปที่แม่บ้านคนโหดของตัวเอง “คุณจะอะไร?”

“ฉันจะตบบ้องหูคุณ”

ลู่เฉินหัวเราะเบา ๆ “ตกลง ผมจะเชื่อฟังคำสั่งของคุณภรรยาและเข้านอนทันทีครับผม”

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงขยุกขยิกภายในห้อง แต่พอซูโย่วอี๋มองดูก็ไม่พบอะไร

ซูโย่วอี๋จึงหลับตา

[ซู่จู่] เจ้าจิ้งจอกเน่าตะโกนขึ้นมา

!

“กลับมาแล้วเหรอ?”

ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จิตสำนึกของเธอเข้าสู่พื้นที่ของระบบทันที

เจ้าจิ้งจอกเน่ายืนอยู่อย่างเรียบร้อย ณ จุดนั้น หัวของมันก้มต่ำ และหางที่มักจะตั้งตรงก็ห้อยลง

“การอัปเกรดล้มเหลวเหรอ?”

ทำไมคุณถึงดูเศร้าล่ะ?

เจ้าจิ้งจอกเน่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินไพลินของมันเต็มไปด้วยประกายน้ำตา

[ฉันไม่ควรอัปเกรด ฉันเป็นผู้ดูแลระบบที่มีอำนาจทุกอย่าง กลับทำให้ซู่จู่ได้รับอันตราย ฉันแค่เฝ้าดูคุณถูกรังแกและฉันก็ทำอะไรไม่ได้]

[ฉันต้องการช่วยคุณ แต่ฉันถูกระบบบล็อกและไม่สามารถออกไปได้]

เจ้าจิ้งจอกเน่าสั่นไปทั้งตัว

ซูโย่วอี๋ระงับความร้อนผ่าวที่หางตาของเธอ เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อกอดเจ้าจิ้งจอกเน่า และลูบเบา ๆ ที่ขนนุ่มฟูของมันครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฉันไม่โทษนาย นายยังไม่โตสักหน่อย ยังเด็กอยู่เลย”

เจ้าจิ้งจอกเน่าเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ [ฉันรู้ว่าฉันควรจะตีเขาให้หนักกว่านี้]

คงดีกว่าถ้าฆ่าทิ้งไปเลย

ดวงตาของซูโย่วอี๋เบิกกว้าง “นายตีใครนะ?”

[ก็เจ้าขยะนั่นน่ะสิ จะใครได้อีก?]

“ไม่สิ นี่หมายความว่านายสามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นด้วยตัวตนจริงได้งั้นเหรอ?”

ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของเจ้าจิ้งจอกเน่า

มันคุกเข่าลงบนพื้นและอธิษฐานต่อนายท่านด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นร่างกายของมันถูกยกขึ้นและลอยอยู่กลางอากาศ

เจ้าจิ้งจอกเน่าพยายามดิ้นรน แต่ขยับไม่ได้

[ใครน่ะ?]

มีเสียงที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความสุขและความเศร้าดังมาจากทุกทิศทุกทาง “นายกำลังมองหาฉันงั้นเหรอ?”

เจ้าจิ้งจอกเน่าหน้าซีดด้วยความตกใจ [คุณ… คุณคือนายท่านเหรอ?]

ไม่มีคำตอบ

หัวของเจ้าจิ้งจอกเน่าถูกยกขึ้นด้วยแรงที่มองไม่เห็น ดวงตาเย็นวาบ และมีบางอย่างที่เช็ดน้ำตาของมัน

“น่าสนใจ นายพัฒนาอารมณ์ของมนุษย์ได้เองงั้นเหรอ”

“ผู้ดูแลระบบหมายเลข 32 นายรู้หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้ดูแลระบบที่จะมีความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต่อซู่จู่”

เจ้าจิ้งจอกเน่ารู้สึกเพียงว่าร่างกายถูกปกคลุมด้วยแรงกดดัน

[นายท่าน ในกฎของผู้ดูแล มีกฎตราไว้ชัดเจนว่าควรช่วยซู่จู่แก้ไขอุปสรรคระหว่างทางไปสู่ความสวยและแข็งแกร่งขึ้น เจ้าสารเลวนี่คืออุปสรรค และผมมีหน้าที่ช่วยซู่จู่จัดการมัน]

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “คำพูดนี้ไม่มีความสมเหตุสมผล”

“นายต้องจำไว้ว่าบทบาทของระบบเทพธิดาคือการให้โอกาสแก่ซู่จู่เพื่อที่จะสวยและแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้นายทำลายระเบียบของโลกตามใจปรารถนา วันนี้เธอได้พบกับคนชั่ว แล้วพรุ่งนี้เจอกระแสน้ำบนภูเขาถล่ม นายมีความสามารถที่จะช่วยเธอ แต่นายไม่มีคุณสมบัติที่จะช่วยได้”

เจ้าจิ้งจอกเน่างุนงง [ถ้างั้นก็ต้องดูซู่จู่ตายน่ะสิ?]

“นายสามารถหาซู่จู่คนต่อไปได้”

นายท่านมีใบหน้าเย็นชา “เพราะนายทำให้ฉันประหลาดใจเล็กน้อย วันนี้ฉันจึงยกเว้นและอนุญาตให้นายช่วยเธอได้ แต่จะไม่มีครั้งต่อไป”

หลังนายท่านโบกมือ เจ้าจิ้งจอกเน่าก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องน้ำ

ซวี่เฟิงที่กำลังจะถอดกางเกงก็ถูกเจ้าจิ้งจอกเน่าจับและทุบตี

จากนั้นเมื่อผู้ดูแลมาถึง เจ้าจิ้งจอกเน่าก็กลับไปยังพื้นที่ของระบบ

ซูโย่วอี๋อดที่จะรู้สึกกลัวหลังจากได้ยิน

หากไม่ใช่เพราะเจ้าจิ้งจอกเน่าหรือนายท่านที่ว่าไม่อนุญาต เธอจะต้องโดนข่มขืนอย่างแน่นอน

ซูโย่วอี๋กดหน้าผากตัวเองเข้ากับหัวของเจ้าจิ้งจอกเน่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้”

เจ้าจิ้งจอกเน่าไม่คุ้นเคยกับพฤติกรรมที่ใกล้ชิดเช่นนี้ มันจึงผลักเธอออกไป [หยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ สุขภาพของคุณแย่มากแล้ว ยานั่นทำลายไตของคุณไปแล้ว]

“ฉันมีนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

มียาอายุวัฒนะมากมายในระบบ เอาเม็ดช็อกโกแล็ตสองเม็ดไปแลกก็ได้มาแล้ว

จมูกของเจ้าจิ้งจอกเน่าย่นขึ้น [มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง คนที่โรงพยาบาลเป๋าไป่สังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการฟื้นตัวของเสียงของเฉินซีซี ถ้าร่างกายของคุณฟื้นตัวอย่างอธิบายไม่ได้ พวกเขาจะรู้ทันทีว่าปัญหาอยู่ที่คุณ]

ซูโย่วอี๋เริ่มจริงจัง “หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตราบใดที่ฉันไม่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเป๋าไป่ พวกเขาก็จะไม่รู้การเปลี่ยนแปลงในร่างกายฉันหรอก”

[ซู่จู่ ทำไมคุณไม่กลับไปหาตระกูลฮันล่ะ?] เจ้าจิ้งจอกเน่าเกลี้ยกล่อม [ด้วยพื้นเพของตระกูลฮัน พวกเขาต้องสามารถปกป้องคุณได้แน่]

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เจ้าจิ้งจอกเน่าพูดจริงจังมาก [ฮัวจิงเป็นคนเลวมาก คุณต้องไม่ประมาทเขา และคุณเองก็คงรู้สึกได้ หากรู้ว่าคุณมีระบบเทพธิดาอยู่ บางทีคุณอาจถูกขังไว้เพื่อทำการวิจัย]

[อีกอย่าง มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะไม่ให้การรักษาใด ๆ คุณ ก่อนที่คุณจะออกจากโรงพยาบาล]

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ซูโย่วอี๋ก็พยักหน้า

“ว่าแต่ นายมีฟีเจอร์ใหม่อะไรบ้างหลังจากอัปเกรดแล้ว”

เจ้าจิ้งจอกเน่ายิ้มอย่างมีภาคภูมิใจ [เดิน]

ดะ… เดิน?

แค่นี้เหรอ?

เจ้าจิ้งจอกเน่าเลิกคิ้ว [การเดินหมายถึงการเดินในโลกได้ ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ฉันสามารถปรากฏตัวต่อหน้าคุณด้วยร่างกายจริง ๆ ได้ต่างหาก]

[ใช่ ต่อหน้าพี่สาวไป๋ด้วย]

ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสนเล็กน้อย “นายท่านไม่ได้บอกว่าไม่ให้นายทำเหรอ?”

[มันไม่เหมือนกัน ฉันแค่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระเบียบของโลกได้ แต่ฉันสามารถปรากฏตัวเป็นผู้ยืนดูได้]

จริงเหรอ?

ถ้ามีตัวตน ก็จะต้องมีส่วนร่วมในชีวิตของคนอื่นไม่มากก็น้อยสิ

ซูโย่วอี๋รู้สึกเหนื่อยใจ “แล้วนายวางแผนที่จะออกมาในโลกนี้อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่?”

“รอจนกว่าพี่ไป๋จะมาที่นี่”

ดี

สติของซูโย่วอี๋คืนกลับมาและเธอก็หลับไป

ส่วนลู่เฉินเผลอหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน และเขาตื่นขึ้นตอนบ่ายสามโมง

เขาออกมาจากห้องและพบว่าซูโย่วอี๋กำลังหายใจอย่างสม่ำเสมอ

ทำให้เขาทั้งรำคาญและโล่งใจในเวลาเดียวกัน จากนั้นหันกลับไปที่ห้องครัวเพื่อทำโจ๊กกุ้ง

เขาเรียกพยาบาลเข้ามา “ประธานลู่ อยากกินอะไรคะ ให้ฉันทำเถอะค่ะ”

“ลงไปซื้อกุ้งสดข้างล่างมาที”

หลังจากที่พยาบาลออกไป ลู่เฉินก็เริ่มแช่ข้าวและเตรียมเครื่องเคียง

เมื่อฮัวจิงเข้ามา เขาเห็นลู่เฉินล้างมือและทำซุป รายงานผลการตรวจร่างกายในมือของเขาจึงดูค่อนข้างน่าอึดอัดเล็กน้อย

ลู่เฉินหันกลับมามอง “ผู้อำนวยการฮัว มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“รายงานทางการแพทย์ของคุณซูออกแล้วครับ คุณสะดวกที่จะอ่านตอนนี้หรือเปล่า?

ลู่เฉินเช็ดน้ำออกจากมือ เดินไปที่โซฟา และนั่งลงอย่างสบาย ๆ

ฮัวจิงส่งรายงานการตรวจสุขภาพให้

ขณะที่พลิกกระดาษ ลู่เฉินก็ขมวดคิ้วมากขึ้น

ไตเสียหาย…

ความเสียหายของตับ…

โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์…

หลังจากปิดรายงานการตรวจสุขภาพแล้ว ลู่เฉินก็พูดเสียงเบาว่า “ผลตรวจแม่นยำหรือเปล่า?”

“แม่นยำครับ”

ขณะลอยอยู่ในอากาศโดยไม่มีอะไรทำ เจ้าจิ้งจอกเน่าก็ส่ายหัวและพูดว่า [แค่ใกล้เคียง ประมาณแปดในสิบต่างหาก]

[เฮ้อ ซู่จู่นี่น่าสงสารจริง ๆ]

ฮัวจิงหยุดชะงักไปและพูดต่อ “แต่มีเรื่องหนึ่ง คุณซูเกิดมาพร้อมกับท่อนำไข่อุดตัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะตั้งครรภ์ตั้งแต่แรก”

สีหน้าลู่เฉินดูคาดเดาไม่ได้ “เธอรู้เรื่องนี้ไหม?”

“ควรรู้ครับ ตามบันทึกทางการแพทย์ คุณซูเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และผลสรุปในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้”

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่อดีตสามีของซูโย่วอี๋ถึงหย่าขาดจากเธอ เพราะเธอไม่สามารถมีลูกได้

แต่ฮัวจิงไม่กล้าพูดเรื่องนี้

“ในกรณีนี้ ผลของความน่าจะเป็นในการตั้งครรภ์ไม่จำเป็น”

ฮัวจิงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไว้ “ตกลงครับ จะมีคนส่งผลการตรวจทางการแพทย์ใหม่มาให้ในภายหลัง แล้วคุณซูจะออกจากโรงพยาบาลหลังจากพักฟื้นต่อสองวันครับ”