หยวนชิงหลิงรอจนค่ำมืดดึกดื่นก็ยังไม่เห็นหยู่เหวินเห้ากลับมา

นางนอนรออยู่บนเตียงนานโข พลิกไปพลิกมาก็ยังนอนไม่หลับ เรียกให้ลู่หยาออกไปดูสองหนแล้วก็ยังไม่เห็นคนมา

หรือว่าเกิดคดีใหญ่แล้วหรือ?

ปกติมีเพียงเกิดคดีใหญ่เท่านั้นถึงจะทำงานล่วงเวลาจนถึงดึกดื่นขนาดนี้ เมื่อก่อนก็ให้สวีอีมารายงานตลอด แต่เหตุใดวันนี้จึงไม่มี?

ทันใดด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร่งรีบดัง “ตึก ตึก ตึก” หัวใจของหยวนชิงหลิงพลันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

นางรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที เกิดเรื่องแล้ว ต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ

ลู่หยารีบเข้ามากล่าวอย่างตื่นตระหนก “พระชายา สวีอีมารายงานแล้วเพคะ”

หยวนชิงหลิงมองสวีอีที่รีบรุดเข้ามา ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด นางรู้สึกหน้ามืดเกือบจะเป็นลม

ลู่หยารีบพยุงนางไว้พลางถาม “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

“ท่านอ๋องล่ะ?” หยวนชิงหลิงตั้งสติถามออกไปอย่างยากลำบาก

สวีอีปาดเหงื่อบนใบหน้ารีบตอบ “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเสียเงินเป็นจำนวนมาก บันดาลโทสะทะเลาะกับผู้อื่น ภายหลังกู้ซือมาถึง ไม่รู้อย่างไรกู้ซือก็มาต่อสู้กับท่านอ๋องอีก ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันที่ร้านจู้เสียน กระหม่อมไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้ ทำได้เพียงกลับมาหาพระชายา ถ้าหากเรื่องนี้ถึงหูฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องพิโรธเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“เตรียมรถม้า!” หยวนชิงหลิงเมื่อได้ยินว่าไม่ได้ถูกลอบสังหารก็คลายความกังวลใจ แต่เมื่อได้ยินว่าเขาเล่นพนันและต่อสู้ ความโกรธก็เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง คราวที่แล้วเขาก็ต่อสู้กับกู้ซือ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยามดีก็ดี ยามร้ายก็จะตีกันให้ตายไปข้าง

“แล้วเลือดบนตัวเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หยวนชิงหลิงถามสวีอี เมื่อเห็นว่าเขามีกำลังปกติดีไม่เหมือนได้รับบาดเจ็บ

สวีอีตอบ: “เลือดหมูพ่ะย่ะค่ะ ที่หลังร้านจู้เสียนกำลังฆ่าหมู เมื่อต้อนไปจนถึงหลังร้าน คนผู้นั้นไม่สามารถเอาชนะกระหม่อมได้ จึงสาดเลือดหมูใส่กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ยกพวกต่อสู้รึ?

หยวนชิงหลิงโกรธจนตัวสั่น ท่านอ๋องผู้สง่างาม กำลังสุมหัวเล่นการพนันกับคนแบบใดก็ไม่รู้ ทั้งยังยกพวกต่อสู้กันอีก?

นางทุกข์ใจอยู่ค่อนคืนคิดว่าเขาทำงานอย่างหนัก แต่เขากลับสบายดี หนำซ้ำยังเล่นการพนันยกพวกพ้องต่อสู้อีก

จวนอ๋องห่างจากร้านจู้เสียนเพียงถนนสองเส้น รถม้ากำลังจะถึงในไม่ช้า

ประตูร้านจู้เสียนปิดอยู่ ท่านอ๋องกำลังต่อสู้อยู่ด้านใน เจ้าของร้านจู้เสียนตกใจเสียไม่ไหวแล้ว รีบแยกย้ายบรรดาแขกทั้งหลาย เหลือไว้เพียงคนในโต๊ะนั้นเท่านั้น

ในหัวของหยวนชิงหลิงมึนเบลอไปหมดความโกรธเต็มอก เดินเข้าไปในร้านจู้เสียน เมื่อเจ้าของร้านเห็นนางก็คุกเข่าลง “พระชายาในที่สุดท่านก็มา ได้โปรดรีบเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องเถิด เกิดเรื่องจริง ๆแล้ว กระหม่อมดูแลชีวิตเด็กน้อยผู้เฒ่าไม่ไหวแล้ว”

หยวนชิงหลิงมองดูความยุ่งเหยิงในร้าน โต๊ะเก้าอี้จานชามระเนระนาดเต็มพื้น บรรยากาศที่มีแต่กลิ่นเหล้า อบอวนเสียจนหยวนชิงหลิงแทบอาเจียน

หยู่เหวินเห้ากับกู้ซือยังคงต่อสู้กันอยู่ สวีอีตะโกนก้อง “พระชายาเสด็จ!”

หยู่เหวินเห้าที่ดึงคอเสื้อของกู้ซืออยู่ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนก้องของสวีอีก็หันไปอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาปรือปรอยมองเห็นหยวนชิงหลิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะพังๆ ด้วยใบหน้าทะมึน ตัวสั่นไปทั้งร่าง

เขารีบยกมือขึ้นมาเช็ดหน้า นิ้วมือทั้งห้ารีบสางผมให้เรียบร้อย มองหยวนชิงหลิงตากลม ครั้งนี้แย่แน่ ๆ

เขาผลักกู้ซือออก เดินลัดเลาะกองโต๊ะ เก้าอี้พัง ๆ โซซัดโซเซมาหา ดูก็รู้ได้ทันทีว่าดื่มไปไม่น้อย ต่อยตีจนจมูกเขียวหน้าบวม

พาร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าตรงเข้ามาหาหยวนชิงหลิง

หยู่เหวินเห้าชี้ไปที่กู้ซือ กล่าวโทษ: “เจ้าบ้าไปแล้ว เดินเข้ามาก็มาตีคนอื่น”

กู้ซือยืดคอมองเขาพาลๆ อย่างไม่ยอม บนใบหน้าและศีรษะเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยขีดข่วน

ทุกคนล้วนมองไปที่หยวนชิงหลิง ในจำนวนชายหนุ่มในชุดเสื้อผ้าหรูหราแล้ว ยังมีเหล่าบริกรของร้านจู้เสียนอยู่อีก

หยวนชิงหลิงใบหน้าโกรธจัดจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม พูดอย่างอ่อนโยน: “นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ท่านอ๋องต้องกลับไปที่ทำการ เรากลับไปพักผ่อนกันเถิด”

นางเข้าไปประคองเขาอย่างอ่อนโยน

เหล่าชายท่องราตรีทั้งหลายพลันล้อมไว้ทันที “ท่านอ๋องยังไม่จ่ายเงินที่แพ้พนันเลย”

“เงินที่แพ้พนัน? แพ้ไปเท่าไหร่?” หยวนชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม ความโมโหในอกนางแทบจะระเบิดออกมาแล้ว

“สามร้อยตำลึง”

“สองร้อยตำลึง”

“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง”

ค่อยๆ พูดขึ้นมาทีละคน

“เยอะขนาดนั้นที่ไหน?” หยู่เหวินเห้าสวนกลับโกรธๆ “พวกเขาอาศัยตอนข้าเมาวางแผนคดโกงข้า”

สวีอีกระซิบข้างหูหยวนชิงหลิงเบาๆ ว่า: “จริงพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาคดโกง ท่านอ๋องมองออกจึงโมโห”

หยวนชิงหลิงยิ้มตอบ: “สวีอี จดบันทึกไว้ พรุ่งนี้ให้พวกเขาไปรับเงินที่ตำหนัก ที่จวนท่านอ๋องของพวกเราบัดนี้ขาดแคลนเงินตรา แต่ยังดีที่ข้ามีเงินรางวัลที่ได้รับจากฝ่าบาท เรียกพวกเขามาตำหนักเพื่อหารือกันเสีย”

“เข้าตำหนักเพื่อหารือ?” ทุกคนมองหน้ากัน

“ใช่ อย่าลืมเสียล่ะ พรุ่งนี้เช้าต้องไปนะ” หยวนชิงหลิงกล่าว

หนึ่งในชายแต่งตัวดีพูดขึ้น: “พระชายา นี่ท่านต้องการหนีหนี้หรือ”

หยวนชิงหลิงยิ้มรับ “หนีหนี้? นี่ไม่ถือว่าหนีหนี้หรอก แต่ถ้าหากท่านรู้สึกว่าวิธีการชำระนี้มีปัญหา งั้นก็เปลี่ยนเป็นวิธีอื่น สวีอี ไปที่ทำการกรมการพระนครเรียกคนมา พาทุกคนที่ร่วมเล่นการพนันทั้งหมดไปสอบสวนโดยละเอียด ตรวจสอบดูว่าผู้ใดคดโกง ผู้ใดปลิ้นปล้อน”

สวีอีตอบรับ: “พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อสวีอีหันกลับมา คนเหล่านั้นก็คอตกเดินออกไป

หยู่เหวินเห้าโมโหมาก “ดูเจ้าพวกคนขี้ขลาดพวกนี้? เป็นเช่นนี้ยังคิดจะขอน้องสะใภ้ข้าแต่งงาน?

หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ก็กัดฟันโกรธจนฟันแทบแตก

แต่ไม่ต้องรอนางโกรธ กู้ซือก็กำหมัดแน่น พลันกล่าวอย่างดุๆ : “ข้าไม่มีเพื่อนแบบเจ้า ผู้มีคุณสมบัติที่ดีควรช่วยเหลือเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่น เจ้าเป็นกระเทียมเน่าแบบไหนกันนะ? รู้ทั้งรู้ว่าข้าจะขอหยวนชิงผิงแต่งงาน ยังกล้ามาหาสามีให้นาง แล้วยังหาแบบพวกสำมะเลเทเมาแบบนี้?

หยวนชิงหลิงหยุดกู้ซือ กล่าวเย็นๆ : “กู้ซือ ไปที่จวนท่านอ๋อง”

หยวนชิงหลิงโกรธแต่น่าเกรงขาม กู้ซือวางมือก้มศีรษะลงอย่างเชื่อฟัง: “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”

หยวนชิงหลิงหันหลังเดินออกไป เดิมทีกะจะไว้หน้าคนเหล่านั้นสักหน่อย แต่พยายามแล้ว ไม่สามารถอดทนไว้ได้จริง ๆ

หยู่เหวินเห้าที่เดินอย่างโซซัดโซเซตามมาเหมือนปู ปีนขึ้นรถม้าอย่างทุลักทุเล มือข้างหนึ่งกำมือหยวนชิงหลิงไว้แน่น “ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทะเลาะวิวาท ไม่ควรดื่มเหล้า ไม่ควรเสียเงินกับการพนัน”

หยวนชิงหลิงตอบน้ำเสียงเกลียดชัง: “ให้ท่านช่วยน้องสาวข้าหาสามี ท่านหาอะไรมา? มีแต่พวกน่าสะอิดสะเอียน ยังไม่สู้คนแก่เลวๆ ที่พ่อข้าหามาด้วยซ้ำ”

“ใช่ เป็นความผิดของผู้ช่วยเจ้ากรมทั้งหมด เขาสอนให้ข้าดูผู้คนที่โต๊ะพนัน ถ้าหากผู้ใดแพ้แล้วเกิดโทสะ เท่ากับเป็นคนไม่ดีทั้งหมด……”

“เช่นนั้น” หยวนชิงหลิงถามอย่างโกรธเคือง “ในคืนนี้ใครเป็นผู้เกิดโทสะก่อน?”

“พวกเขาคดโกง อย่าตำหนิข้า ข้าดื่มเยอะแล้ว” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างอัดอั้น ยื่นปากเข้าไปใกล้จะจูบหยวนชิงหลิง

กลิ่นเหล้าที่กระทบจมูกทำให้หยวนชิงหลิงท้องไส้ปั่นป่วน เธอผลักเขาออกแล้วยื่นศีรษะออกนอกหน้าเพื่ออาเจียน!

การอาเจียนนี้แสนจะทรมาน ราวกับจะพลิกออกมาทั้งท้อง ทั้งยังเวียนหัวอย่างรุนแรง

หยู่เหวินเห้าเริ่มสร่างเมาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง รีบบอกให้สวีอีหยุดรถม้า

เขากอดหยวนชิงหลิงไว้แล้วลูบหลังนางเบาๆ พลางถามอย่างร้อนรน: “เหตุใดเจ้าถึงอาเจียนเล่า ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือ?

หยวนชิงหลิงอาเจียนจนตัวอ่อน ไร้เรี่ยวแรง แต่กลิ่นเหล้านั้นก็ยังไม่จางหายไป ภายในท้องของนางยังคงปั่นป่วนไม่หาย

“กลิ่นเหล้าจากท่าน……” นางเปิดม่านกระโดดลงจากรถม้า นั่งยอง ๆ ลงไปกุมท้องแล้วเริ่มอาเจียนอย่างหนักอีก

“ยังไม่รีบไปเรียกหมออีก!” เสียงของหยู่เหวินเห้าตื่นตระหนกมาก ตื่นตระหนกเสียจนดาวบนท้องฟ้าตกใจไปหลบอยู่หลังเมฆ