บทที่ 291 ข้าง้อตัวเองแล้ว
บทที่ 291 ข้าง้อตัวเองแล้ว
ขุนนางฝ่ายบู๊บุ๋น “…”
พระองค์พูดเช่นนั้นแล้ว หากพวกเขายังคิดพูดอะไรอีก จะไม่ดูเหมือนคนที่ไม่รู้ความหรอกหรือ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีความคิดเห็นในใจมากมายเพียงใด หลังจากได้รับคำเตือนทุกคนต่างก็หุบปากของตน
บางคนส่งสายตาให้เหล่าสนมของฮ่องเต้อย่างกระตือรือร้น พวกเขาไม่กล้าพูด แต่สตรีของฝ่าบาทน่าจะพอพูดสักสองสามคำได้
ทว่า…
เหล่านางสนมต่างก้มหน้าก้มตา พลางแค่นหัวเราะในใจ คิดให้พวกนางไปรนหาที่ตายหรืออย่างไร!
บรรยากาศจึงเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนทุกคนจะเริ่มหาหัวข้อพูดคุยกัน
เมื่อพวกเขาเลิกสนใจเสี่ยวเป่า แผ่นหลังที่เหยียดตรงของเจ้าก้อนแป้งก็ค่อย ๆ คลายลง ก่อนจะขยับก้นเล็ก ๆ ไปเบียดท่านพ่อ
ดวงตากลมโตสีดำจับจ้องไปยังอาหารบนโต๊ะไม่วางตา
จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังหลายครั้งในอดีต อาหารเหล่านี้หากไม่รีบกินก็จะเย็นชืด ถ้ามันเย็นพวกมันก็จะไม่อร่อย!
หนานกงสือเยวียนหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะยัดตะเกียบใส่มือของนาง
แต่ตัวเองทำเพียงจิบสุราเท่านั้น
ก่อนจะมีเสี่ยวเป่า อาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่เดิมมีไว้เพื่อตกแต่งเท่านั้น
เนื่องจากทุกคนคิดว่าการรับประทานอาหารในงานเลี้ยงนั้นไม่สง่างาม เพื่อรักษาท่าทีอันสูงส่งเอาไว้ ทุกคนจึงเลือกที่จะกินของว่างและจิบสุรามากกว่า
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ กว่าอาหารจะถูกยกมาครบนั้นใช้เวลานานเกินไป พออาหารถูกยกมาครบ อาหารหลายอย่างก็เย็นหมดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวเช่นนี้
พออาหารเย็นลงแล้ว พวกมันก็จะดูมันเยิ้มจนไม่น่ากิน
แต่อาหารตรงหน้านี้ยังร้อนอยู่ ถ้าเจ้าตัวน้อยหิวก็ปล่อยให้นางกินให้มากขึ้น
ทางเสี่ยวเป่านั้นจริงจังกับการกินอย่างยิ่ง นางคีบบางส่วนใส่ชามของท่านพ่อ จากนั้นก็ใช้ชามเล็กกินส่วนของตัวเอง
นางชอบกินทุกอย่างเลย!
เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง อาหารบนโต๊ะอื่น ๆ ส่วนใหญ่แทบไม่ถูกแตะต้อง แต่อาหารบนโต๊ะตรงหน้าฮ่องเต้กลับเหลือน้อยจนน่าประหลาดใจ
อาหารและขนมเหลือน้อย แต่เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้กลับมีพุงกลมเกลี้ยงกว่าเดิม
เสี่ยวเป่าถึงกับเรอออกมาอย่างไม่คิดสงวนท่าที
หนานกงสือเยวียน “…”
เขาเผลอปล่อยเจ้าตัวเล็กนี่กินมากเกินไปอีกแล้ว
เมื่อถึงเวลากลับ เขาก็หิ้วเจ้าตัวน้อยนุ่มนิ่มกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ โดยมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าจับมือข้างหนึ่งของเขามาลูบพุงอันอ่อนนุ่มของนาง
เสี่ยวเป่าส่งเสียงฮึม ก่อนจะทำตัวออดอ้อน
“ท่านพ่อ ๆ ช่วยลูบท้องเสี่ยวเป่าหน่อยได้ไหมเพคะ เสี่ยวเป่าอึดอัด~”
เสียงของเสี่ยวเป่าเบามากจนมีเพียงท่านพ่อของนางเท่านั้นที่ได้ยิน
ถ้า… ถ้าคนอื่นได้ยินว่านางกินมากเกินไปจนแน่นท้องคงน่าอายมาก…
“เจ้ายังรู้จักอึดอัดอยู่หรือ”
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองนาง แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูเย็นชา แต่มือเรียวที่เห็นข้อนิ้วชัดกลับลูบท้องของนางให้อย่างเบามือ
เสี่ยวเป่าจิ้มนิ้วเข้าด้วยกันอย่างเขินอาย “ก็มัน… ก็มันอร่อยนี่เพคะ เสี่ยวเป่าเลยควบคุมตัวเองไม่ได้ กินมากไปนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดเดียวเอง”
นางเน้นย้ำว่านิดเดียว โดยจีบนิ้วให้เหลือช่องว่างน้อยที่สุด
“กินยาซะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าโดยไม่มีการต่อต้าน “เพคะ”
แต่ในอึดใจต่อมา นางก็ได้ยินท่านพ่อของนางเอ่ยถ้อยคำที่โหดร้ายอย่างยิ่ง
“ยาขม”
เสี่ยวเป่า “…”
ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็พลันมืดมน ก่อนจะมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสารบราวนี่ออนไลน์
“ไม่นะเพคะ เสี่ยวเป่าอยากกินรสซานจา*[1]”
“ไม่ได้ ข้าจะทำให้เจ้าเข็ดหลาบ”
ไม่เช่นนั้น คราวหน้านางก็จะกินอย่างไม่บันยะบันยัง โดยไม่กลัวว่าจะทำร้ายสุขภาพของตัวเองอีก
คราวนี้ไม่ว่าเสี่ยวเป่าจะทำตัวเหมือนเด็กน้อยเช่นไร หนานกงสือเยวียนก็มุ่งมั่นที่จะสอนบทเรียนให้กับเจ้าตัวเล็กนี่
ในท้ายที่สุด ภายใต้การจ้องมองของท่านพ่อ นางก็กลืนยาขมลงไปด้วยใบหน้าขมขื่น
“ฮือ… ท่านพ่อรังแกเสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่าแสร้งทำเป็นร้องไห้ เมื่อหนานกงสือเยวียนมองมา นางก็ทำเสียงสูดจมูกดัง ๆ มือเล็ก ๆ เท้าบนสะโพก กระทืบเท้าตึงตัง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีพลางพองแก้มป่องไม่มองเขาอีก
“โกรธหรือ”
หนานกงสือเยวียนถามขณะจิบชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
ดวงตาของเสี่ยวเป่ากลอกไปมา นึกสงสัยว่านางยังทำท่าทางไม่ชัดเจนพออีกหรือ
เจ้าก้อนแป้งแอบเหลือบมองท่านพ่อ สีหน้าของนางเกือบจะเขียนคำว่า ‘มาโอ๋ข้าสิ’ เอาไว้
“ในเมื่อเจ้าโกรธ เช่นนั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องไปดูการแสดงพลุแล้ว”
เสี่ยวเป่าหูผึ่งทันที การแสดงพลุ? มันคืออะไรน่ะ?
หนานกงสือเยวียนไม่ได้พูดต่อ ทำเพียงนั่งนิ่งคล้ายตั้งใจจะไม่ออกไปข้างนอกอีกแล้ว
เสี่ยวเป่าเริ่มเป็นกังวล ก่อนจะรีบมองไปทางฝูไห่กงกง
ฝูไห่กระแอมเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในระหว่างการแสดงพลุ พลุจะถูกจัดเตรียมไว้นอกกำแพงพระราชวัง เมื่อพลุพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันจะแตกกระจายเผยสะเก็ดสีอันงดงามท่ามกลางความมืดมิด ทุกคนจะมารวมตัวกันพร้อมกับโคมของตนเพื่อชมการแสดงพลุพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงสามารถไปยังหอที่สูงที่สุดในวังของเราเพื่อชมพลุที่งดงามที่สุดได้ โดยท่านจะสามารถทอดพระเนตรแสงสีแดงงดงามจากโคมไฟทั่วเมืองหลวงและแสงไฟจากโคมขอพรในแม่น้ำ เช่นนี้ทั้งผืนฟ้าและแผ่นดินจะงดงามมาก อีกทั้งองค์หญิงยังสามารถจุดโคมขอพรด้วยตัวเองได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นได้ฟังคำอธิบายของฝูไห่กงกงแล้ว เสี่ยวเป่าก็แทบจะเขียนความคิดของนางไว้บนหน้า
ยามนี้นางไม่สนใจที่จะแสร้งทำเป็นโกรธให้ท่านพ่อมาเอาอกเอาใจอีกแล้ว ร่างเล็กจ้อยรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยขาสั้น ๆ ของนาง พลางคว้าแขนของเขาไว้แล้วแกว่งไปมา
“ท่านพ่อ ๆ เสี่ยวเป่าอยากไปชมการแสดงพลุ แล้วก็อยากไปจุดโคมขอพรด้วย!”
นางย่อมเคยเห็นดอกไม้ไฟมาก่อน ดอกไม้ไฟตอนที่โลกพัฒนาก้าวหน้าไปมากแล้วยังงดงามกว่าของต้าเซี่ยเสียอีก
แต่ยามชมพลุในโลกนั้น แม้นางจะหัวเราะและตื่นเต้นไปพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่กลับไม่มีใครมองเห็นนางเลยสักคน
ในเวลานั้นแม้นางจะอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ก็คล้ายจะถูกแยกออกจากโลกเช่นกัน
พลุนั้นงดงาม แต่นางไม่มีคนที่จะมาร่วมชมความงามและความตื่นตาตื่นใจนี้ด้วยกัน พอผ่านไปนานเข้า นางก็รู้สึกว่าพลุเหล่านั้นไม่ได้งดงามอะไรนัก
แต่ตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อก่อน นางมีท่านพ่อกับพี่ชายและคนมากมายที่รักใคร่เอ็นดูนางมาอยู่ชมพลุกับนางแล้ว
เสี่ยวเป่าจึงอยากไปจนแทบจะรอไม่ไหว
“ไม่โกรธแล้ว?”
เสี่ยวเป่ายืดอกของนางขึ้น “เสี่ยวเป่าง้อตัวเองเรียบร้อยแล้ว!”
ความคิดแปลกประหลาดนี้ช่างชวนอึ้งจริง ๆ
ดวงตาของหนานกงสือเยวียนปรากฏรอยยิ้ม ก่อนเขาจะใช้นิ้วถูจมูกเล็ก ๆ ของนาง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เก่งมาก”
เสี่ยวเป่า : ชิ… นางยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เลย แต่กลับต้องเรียนรู้ที่จะเอาอกเอาใจตัวเองแล้ว!
ในท้ายที่สุด เสี่ยวเป่าก็พาท่านพ่อไปที่หอคว้าดารา
หอแห่งนั้นเป็นหอที่สูงที่สุดในพระราชวัง มันมีชื่อว่าหอคว้าดาราก็ด้วยเหตุผลนี้เอง
ในความเป็นจริงสิ่งที่เสี่ยวเป่าไม่รู้ก็คือ ถ้าฮ่องเต้ไม่เสด็จมาก็จะไม่มีใครกล้าจุดพลุ
หนานกงสือเยวียนเพียงหยอกล้อนางเล่นเท่านั้น
หอคว้าดารานั้นสูงมาก แต่… ก็เหน็บหนาวมากเช่นกัน
เสี่ยวเป่ากอดสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยกับเตาอุ่นมือไว้ในอ้อมแขน ส่วนนางก็นอนอยู่ในอ้อมแขนท่านพ่ออีกที
หนานกงสือเยวียน : อืม พออุ้มเจ้าเตาอุ่นมือนุ่มนิ่มตัวน้อยเอาไว้แบบนี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าใดนัก
ร่างกายเด็กน้อยอบอุ่น หลังจากอุ้มนางไว้เป็นเวลานาน ร่างกายของเขาจึงอบอุ่นตามไปด้วย
ด้านหลังฮ่องเต้คือองค์ชายทั้งเจ็ดและเซียวเหยาอ๋อง หนานกงหลี โดยด้านหลังพวกเขาก็มีบรรดาพระสนมที่มาชมพลุด้วยเช่นกัน
ทั้งชายหญิงในกลุ่มนี้ล้วนงดงามสะดุดตา ทว่าเสี่ยวเป่าที่อิงไหล่ท่านพ่อพลางมองดูสิ่งต่าง ๆ กลับโดดเด่นยิ่งกว่า ใบหน้าเล็กยามคลี่ยิ้มกว้างนั้นพาให้ดวงตากลมโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวจนดูน่ารักน่าชังยิ่ง
[1] ซานจา (山楂) เป็นไม้ผลขนาดเล็กประเภทเบอร์รีชนิดหนึ่งในสกุลฮอว์ธอร์น ของวงศ์กุหลาบ คนส่วนมากรู้จักในฐานะผลไม้และขนมหวานกินเล่น