ตอนที่ 307 มีความสามารถ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 307 มีความสามารถ

เยียนอวิ๋นเกอยกเก้าอี้ในโกดังตัวหนึ่งมานั่ง

หลินเสี่ยวเป่าที่ถูกมัดเอาไว้ ถูกโยนลงกับพื้นราวกับขยะ

เขาพยายามลุกขึ้นนั่งหลังตรง

หลังจากถูกทารุณมาหลายวัน ก่อนหน้านี้ก็มีคนมาทำความสะอาดให้เขาแล้ว ถือว่าพอพบเจอผู้คนได้

โชคดีที่ใบหน้าของเขายังถือว่าสะอาดสะอ้าน

เยียนอวิ๋นเกอมองพินิจเขา หน้าตาดีไม่น้อย สมกับที่เป็นหนึ่งในตัวหลักของคณะละคร

“มีที่ให้แสดงตั้งมากมาย เหตุใดจึงเลือกมาแสดงเรื่องแม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่ว ที่เรือนพักร่ำรวยเป็นที่แรก เรือนพักร่ำรวยมีความแค้นกับเจ้าหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอถามอย่างตรงไปตรงมา

ทนไม่ได้!

ไม่มีความแค้นส่วนตัว แต่วิ่งมาแสดงละครยกยอโจรกบฏที่เรือนพักร่ำรวย เห็นได้ชัดว่าต้องการใส่ร้ายเรือนพักร่ำรวย

เรื่องนี้ไม่อธิบายให้กระจ่างไม่มีวันจบ!

หลินเสี่ยวเป่าหัวเราะ แต่ไม่ตอบ

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “เจ้าหัวเราะอันใด ข้าถามสิ่งใดผิดหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยายามอดกลั้นความโกรธ “เพียงเพราะเรือนพักร่ำรวยใหญ่เพียงพอ มีคนมากเพียงพอ เจ้าจึงตั้งใจมาแสดงถึงที่นี่ ใส่ร้ายเรือนพักร่ำรวย?”

“ข้าไม่คิดที่จะใส่ร้ายเรือนพักร่ำรวย”

“เจ้าพูดเหลวไหล!”

หลินเสี่ยวเป่าผงะไปอย่างเห็นได้ชัด

เขาได้ยินกุลสตรีด่าทอเป็นครั้งแรก ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเยาะ “เจ้าเรียกร้องแทนซือหม่าโต่ว ทำให้คนรอบข้างกลายเป็นโจรกบฏเพื่อสิ่งใด ไม่ใช่เพียงเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งซือหม่าโต่วจะบุกรุกเข้าไปในเมืองหลวงได้ เจ้าจะได้ผลประโยชน์ไปด้วยหรือ เรือนพักร่ำรวยมีคนมาก เจ้าจึงมองเห็นข้อดีตรงนี้ เจ้าพูดถูก

แต่สิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่การที่มีคนดูละคร หากแต่ต้องการให้สำนักราชการสั่งปิดเรือนพักร่ำรวยหลังเจ้าแสดงเรื่องแม่ทัพใหญ่ทำสงครามกับซือหม่าโต่วจบ คนนับหมื่นในเรือนพักต้องกระจัดกระจายมันเป็นโอกาสที่ดีของเจ้า คนนับหมื่น ด้วยอิทธิพลของเจ้าในหมู่ผู้เช่าและผู้ลี้ภัย ด้วยชื่อของเจ้า หลินเสี่ยวเป่า เพียงแค่เจ้าต้องการ ย่อมจะมีคนติดตามมากมาย

เมื่อถึงเวลานั้น กลุ่มโจรกบฏในเมืองหลวงของเจ้าย่อมจะฉวยโอกาสเป็นใหญ่ เจ้าจงใจใส่ร้ายเรือนพักร่ำรวยอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเตรียมการรับมือไว้แล้ว เพียงแค่เจ้าแสดง คนของเจ้าก็จะวิ่งไปรายงานสำนักราชการว่าเรือนพักร่ำรวยมีการแสดงละครเกี่ยวกับโจรกบฏ”

“เพียงแค่เรือนพักร่ำรวยล่มสลาย ผู้ลี้ภัยและผู้เช่าไม่มีที่ไป จุดประสงค์ของเจ้าก็บรรลุแล้ว หลินเสี่ยวเป่า ช่างน่าเสียดายที่เจ้าเป็นนักแสดง! เจ้าควรไปเป็นที่ปรึกษาข้างกายซือหม่าโต่ว วางแผนครอบครองแผ่นดินให้เขา การแสดงละครช่างทำให้เจ้าตกต่ำ เสียดายความสามารถของเจ้า”

“ฮ่าๆๆ…”

หลินเสี่ยวเป่าปล่อยเสียงหัวเราะ เขาหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา

เขาพลางหัวเราะพลางร้องไห้ พลางร้องไห้พลางพูด “ข้าไม่คิดเลย คนที่รู้สึกไม่เป็นธรรมแทนข้า คนที่เข้าใจข้าจะเป็นคุณหนูสี่ ช่างเป็นโชคชะตาเสียจริง”

เขาส่ายหน้าพลันหัวเราะเสียงขมขื่น “ไม่รู้คุณหนูสี่สนใจที่จะฟังประสบการณ์ของข้าหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอทำท่าเชิญ “เจ้าพูด!”

หลินเสี่ยวเป่าถอนหายใจ “ข้าภูมิใจในความฉลาดของตนเอง แต่ข้ามีโชคชะตาเลวร้าย ตกระกำลำบากมาเป็นคนแสดงละคร แต่ตราบใดที่ข้ายังมีความหวัง แม้มันจะริบหรี่ ข้าก็จะต่อสู้เพื่อมันอย่างหนัก

ซือหม่าโต่ว ข้ารู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นแค่คนโง่ ต่อมาข้าถูกขายให้กับคณะละคร เมื่อได้ยินชื่อซือหม่าโต่วอีกครั้ง เขาก็เป็นผู้นำกบฏที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้ราชสำนักสั่นสะเทือนไปแล้ว

ตอนเด็ก เขาเป็นคนโง่ ส่วนข้าเป็นคนที่ใครๆ ก็บอกว่าเป็นเด็กฉลาด พอข้าถูกขาย ใครๆ ก็บอกว่าน่าเสียดาย ผู้ใดจะคิดว่าตอนนี้ข้าจะตกต่ำจนต้องเป็นนักแสดง ส่วนเขากลับได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ข้าไม่ยอม! ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ทรมาน เหตุใดสวรรค์จึงโหดร้ายกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่ยอม ไม่ยอมที่จะเป็นนักแสดงระดับต่ำไปตลอดชีวิต ข้าในเวลานั้นเหมือนคนเสียสติที่ต้องหาทางออกอย่างรีบร้อน

ด้วยมิตรภาพในวัยเด็กของข้ากับเขา ข้าจึงติดต่อเขาได้อย่างรวดเร็วและพยายามสร้างความไว้วางใจ ช่วยเขาทำงานในแถบนครบาล ข้าอยากให้เขาและทุกคนเห็นว่าข้าหลินเสี่ยวเป่าก็มีความสามารถ ข้าอยากให้ทุกคนในโลกรู้ว่าข้าไม่เพียงแต่ร้องเพลงเก่งเท่านั้น แต่ยังเป็นชายชาตรีที่สามารถทำการใหญ่ได้อีกด้วย!”

“เจ้าอยากทำการใหญ่ ไม่มีผู้ใดห้ามเจ้า แต่เจ้าไม่ควรวิ่งมาก่อปัญหาในเรือนพักร่ำรวย เจ้าคิดว่าหากเจ้าแสดงละครเรื่องนั้น เจ้าจะปลอดภัยหรือ เจ้าคิดว่าองครักษ์ของเรือนพักเป็นเครื่องประดับหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น

เจ้าคนหัวสูงเสียดฟ้า

เขาเอาความมั่นใจจากที่ใด บังอาจวางแผนลอบทำร้ายเรือนพักร่ำรวย

สมควรที่จะสั่งสอนเขา คำว่า ‘ตาย’ เขียนอย่างไร

หลินเสี่ยวเป่าดิ้นรน แต่ก็สลัดเชือกบนตัวไม่หลุด

เขาพูดเสียงดัง “เดิมทีเรือนพักร่ำรวยเป็นโอกาสที่หายากของข้า แต่สวรรค์กลับล้อเล่นกับข้า ทำให้ข้าบังเอิญพบกับการสำรวจของคุณหนูสี่ หากข้ารู้ว่าจะมาวันนี้ ตอนนั้นข้าควรจะเตรียมบทละครที่ไม่มีปัญหาอีกชุดหนึ่ง”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ยังไม่ได้ถามเจ้า บัณฑิตที่หลอกหัวหน้าหลิน เจ้าเป็นคนหามาใช่หรือไม่”

หลินเสี่ยวเป่ายืดอกขึ้นพร้อมสีหน้าภาคภูมิใจ “แน่นอน! ถึงแม้ข้าจะเป็นตัวเอกในคณะละคร แต่ใช่ว่าอยากร้องเรื่องใดก็ได้ร้อง ซ้อมบทละครใหม่ย่อมต้องให้หัวหน้าหลินอนุญาตก่อน เพื่อเกลี้ยกล่อมเขา ข้าจึงต้องใช้นามของบัณฑิตปลอมส่งบทละครมาให้เขา”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น “เหลวไหลสิ้นดี! คนของคณะละครอยู่กับเจ้ามากี่ปี เจ้าไม่เคยคิดหรือว่าเจ้าทำเช่นนี้อาจทำร้ายพวกเขาทุกคน ทุกคนในคณะล้วนต้องถูกประหาร เจ้าใจร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

สายตาของหลินเสี่ยวเป่ามุ่งมั่น “เพื่อการใหญ่นี้ย่อมต้องมีคนเสียสละ หากการใหญ่สำเร็จ ข้าย่อมจะเซ่นไหว้พวกเขา เป็นนักแสดงทั้งชีวิต หลังตายอาจไม่มีแม้แต่ป้ายสุสาน สู้ตายอย่างสมเกียรติ ถูกคนรุ่นหลังเคารพเสียดีกว่า ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจการกระทำของข้า หรือเห็นด้วยกับการกระทำของข้า”

“เหลวไหลสิ้นดี! ชีวิตของเจ้าคือชีวิต ชีวิตของผู้อื่นไม่ใช่ชีวิต เหตุใดผู้อื่นต้องตายเพราะการใหญ่ของเจ้า สุดท้ายแล้วเจ้าก็เป็นแค่มือสังหาร นอกจากนี้ยังมีซือหม่าโต่ว เขาก็เป็นเพียงตัวตลก เจ้ายังคาดหวังให้เขาทำการใหญ่สำเร็จ ฝันคงจะเร็วกว่า”

“ท่านพูดเหลวไหล! ซือหม่าโต่วมีอำนาจขึ้นมาแล้ว ราชสำนักก็ทำอันใดเขาไม่ได้ ข้าให้คนดูดวงชะตามา เขามีโอกาสรอดชีวิตอย่างน้อยสามครั้ง เขาย่อมจะบุกไปถึงเมืองหลวง ปลงพระชนม์ฮ่องเต้ในวังหลวง ขึ้นครองราชย์เองได้อย่างแน่นอน”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “เอาเถิด ถือว่าที่เจ้าพูดเป็นความจริง วันหนึ่งเขาจะบุกเข้าเมืองหลวง ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ แล้วเจ้าเล่า เจ้าเป็นผู้ใด เจ้าจะได้สิ่งใด ข้างกายเขามีที่ปรึกษา มีแม่ทัพคนสนิท อีกทั้งยังมีภรรยาและคนในตระกูลมากมาย นอกจากนี้ยังมีตระกูลขุนนางที่ช่วยเหลือเขา เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ เจ้าไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย

ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักมีเพียงตำแหน่งละคน เมื่อแจกจ่ายให้คนเหล่านี้เสร็จ จะยังมีที่ของเจ้าหรือ เจ้าคิดว่าฐานะนักแสดงของเจ้าจะไม่มีอิทธิพลต่อภาพจำของซือหม่าโต่วหรือ เจ้าคิดว่าเมื่อซือหม่าโต่วได้เป็นฮ่องเต้ ฐานะนักแสดงของเจ้าจะถูกลบเลือน ไม่มีผู้ใดสนใจหรือ เจ้าช่างไร้เดียงสา!

ข้าบอกเจ้า เมื่อถึงวันนั้นจริง เจ้าจะรับรู้ถึงความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่าเวลาใด ทุกคนจะสนใจฐานะนักแสดงของเจ้า ทุกคนจะวิจารณ์ฐานะของเจ้า

นับตั้งแต่เชื้อพระวงศ์จนขุนนางระดับล่าง ตั้งแต่ขันทีในวังหลวงจนถึงสามัญชน เมื่อถึงเวลานั้น ฐานะนักแสดงของเจ้าจะถูกแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินตามการเข้าอยู่ในวังหลวงของซือหม่าโต่ว

หากเจ้าไม่เชื่อ เวลานี้ข้าสามารถยกตัวอย่างให้เจ้าไม่น้อยกว่าสิบ ล้วนมีชื่อมีแซ่ มีหลักฐานให้สืบหา หรือแม้แต่คนที่มักปรากฏในบทละครของพวกเจ้า เจ้าอยากปิดบังฐานะนักแสดง สุดท้ายมีแต่จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่เจ้าไม่มีวันลบเลือนได้ไปตลอดชีวิต”

“ท่านพูดเหลวไหล!”

หลินเสี่ยวเป่าตะโกนด้วยความโกรธ แต่น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งความมั่นใจ เพียงแค่ภายนอกดุดันเท่านั้น

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเยาะ “เจ้าเป็นแค่เชลย ข้าจำเป็นต้องพูดเหลวไหลกับเจ้าหรือ หากข้าไม่ได้สงสัยว่าเบื้องหลังเจ้ามีคนบงการ เจ้าคิดว่าข้าจะเสียเวลาพูดคุยกับเจ้าอยู่ตรงนี้หรือ เจ้ายกยอตัวเองเกินไป เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน”

“เหลวไหล! เหลวไหล! ท่านกำลังพูดเหลวไหล!”

หลินเสี่ยวเป่าราวกับได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง คนทั้งคนตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง

เยียนอวิ๋นเกอตัดสินใจให้คนลากเขาออกไป

นางกำชับจี้ผิง “ขังเขาเอาไว้”

จี้ผิงตอบรับพลันถาม “ต้องขังนานเพียงใด ต้องส่งให้สำนักราชการหรือไม่”

“เรื่องนี้อย่าได้เผยแพร่ออกไป ดังนั้นจะส่งมอบเขาให้สำนักราชการไม่ได้ เพียงแค่ขังเขาเอาไว้ ส่วนนานเพียงใด รอดูสถานการณ์”

จี้ผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงแค่ขังเขาเอาไว้? หรือไม่…”

เขาทำท่าปาดคอ

คนที่อันตรายเช่นนี้ควรกำจัดทิ้งเสีย

เยียนอวิ๋นเกอกลับโบกมือ

“แม้ว่าหลินเสี่ยวเป่าจะบ้าคลั่ง ทำทุกสิ่งโดยไม่สนใจวิธีการ แต่ข้าไม่ปฏิเสธว่าเขามีความสามารถ”

ไม่มีคนสอน หลินเสี่ยวเป่าก็นึกถึงการใช้คำวิจารณ์ของราษฎร อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จากอาชีพของตนเองอีก เขาจะไม่มีความสามารถได้อย่างไร

สมัยนี้ ไม่มีผู้ใดมีแนวทางการคิดเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ชัดเจน

พวกอาจารย์หยูผู้โด่งดังเหล่านั้นล้วนรู้ความสำคัญของชื่อเสียง

แต่ในสมองของพวกเขาล้วนไม่มีความคิดเกี่ยวกับการใช้คำวิจารณ์ของราษฎรอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

แต่หลินเสี่ยวเป่ามี

เขารู้ว่าต้องใช้ประโยชน์จากอาชีพอย่างไร สร้างกระแสอย่างไร เผยแพร่อย่างไร ยั่วยุอย่างไร เปิดสถานการณ์ในนครบาลแทนซือหม่าโต่วอย่างไร

เขาเตรียมการทีละก้าวอย่างกระจ่าง

เพียงแต่เขาประเมินความสามารถของเรือนพักร่ำรวยผิดไป ประเมินแผนการของตนเองสูงไป

อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเป่าเป็นคนแรกที่รู้จักวิธีการใช้คำวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างชัดเจนเท่าที่เยียนอวิ๋นเกอพบเจอในหลายปีนี้

เขารู้จักใช้การแสดงละครเพื่อซื้อใจราษฎร เป็นคนมีความสามารถอย่างแท้จริง!

คนเช่นนี้ ขังเขาเอาไว้ก่อน

อนาคตอาจได้ใช้ประโยชน์

จี้ผิงไม่เข้าใจความคิดของเยียนอวิ๋นเกออย่างเห็นได้ชัด

เขากระซิบ “เป็นแค่นักแสดงยังสามารถสร้างความวุ่นวายเช่นนี้ได้ ถือเป็นคนมีความสามารถจริงๆ แต่อย่างไรเขาก็เป็นโจรกบฏ ดังนั้นหากถูกคนรู้เข้าว่าขังเขาเอาไว้…ข้าน้อยยังคงคิดว่าควรกำจัดเขาทิ้งเสีย ถึงจะปกป้องเรือนพักได้”

“เมื่อถึงเวลาที่ต้องกำจัดเขาค่อยกำจัดก็ไม่สายเกินไป เวลานี้แค่ขังเขาไว้ ดูสถานการณ์ก่อน บางทีเราอาจใช้เขาเพื่อเป็นเหยื่อล่อได้”

จี้ผิงกระจ่างทันที “เถ้าแก่จะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ? ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยรู้ว่าต้องทำอย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มโดยไม่อธิบาย

เป็นเหยื่อก็ไม่เลว!