ตอนที่ 226 มัดใจบุรุษด้วยเสน่ห์ปลายจวัก
มื้ออาหารเที่ยงนั้นหลินเว่ยเว่ยยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างกระตือรือร้น แต่แล้วนางก็โดนเจียงโม่หานลากตัวออกมา หลินเว่ยเว่ยจึงมุ่ยปากพูดว่า “เจ้าเห็นหรือไม่ ? พี่ใหญ่จับทัพพีแล้ว ! มื้อเที่ยงยังจะกินได้อีกหรือไม่ ? ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดด้วยความโมโหของพี่สาวคนโตดังออกมาจากห้องครัว “ไม่กินก็ทนหิวต่อไป ! ใครจะอยากเอาใจเจ้า ! ”
“ไม่ได้การ ข้าต้องเข้าไปดูหน่อย อย่าปล่อยให้หมูสามชั้นที่เราเพิ่งซื้อมาเสียเปล่า มื้อเที่ยงวันนี้ข้าจะทำหมูพะโล้ให้เจ้ากิน ! ” หลินเว่ยเว่ยขยับมือขวาที่สมบูรณ์ดีของตน นางบาดเจ็บแค่มือข้างซ้าย ไม่ได้เจ็บทั้งสองข้างเสียหน่อย !
เจียงโม่หานไม่เห็นด้วย “หมอเหลียงพูดไว้แล้วว่าให้เจ้านอนพักผ่อนอยู่บนเตียง ! ”
“หูข้างไหนของเจ้าได้ยินว่าท่านหมอเหลียงบอกให้ข้าอยู่บนเตียงอย่างเดียว ? เขาบอกแค่ว่าพักรักษาตัวสักครึ่งเดือนก็หายแล้ว ! ข้าไม่ได้ขยับมือซ้ายเสียหน่อย มือซ้ายได้พักไม่ใช่หรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยแถไปเรื่อย
เจียงโม่หานจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงให้ หลินเว่ยเว่ยจึงต้องยอมมาคุยกับเขาแทน “เจ้าลองคิดแบบนี้ได้หรือไม่ ? ข้ายืนอยู่ในครัวโดยไม่ขยับมือ ขยับแค่ปาก คอยชี้แนะพี่ใหญ่ทำกับข้าว แบบนี้ได้หรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานพิจารณาอย่างจริงจังครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝืนพยักหน้าให้ หลินเว่ยเว่ยจึงเข้าไปในครัวและพูดกับพี่สาวอย่างได้ใจ “บุตรสาวคนโตตระกูลหลิน วันนี้พี่สาวจะสอนเจ้าทำหมูพะโล้สูตรเด็ด ตั้งใจเรียนหน่อยล่ะ ! ต้องรู้ว่าการจะมัดใจบุรุษได้ต้องจับกระเพาะของเขาให้ได้ก่อน ! ดูสิ บัณฑิตน้อยก็ไม่ได้โดนข้าหลอกมาด้วยวิธีนี้หรือ ! ”
พี่สาวคนโตถุยน้ำลายใส่นางแล้วพูดว่า “หน้าไม่อาย เป็นพี่สาวต่อหน้าใคร ? ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ! ฝีมือทำอาหารแค่นั้นของเจ้าก็กล้าเอาออกมาอวด ! ”
“อย่างน้อยก็ดีกว่าฝีมือใครบางคนไม่ใช่หรือ ? ” ตอนที่หลินเว่ยเว่ยพูดคำว่า ‘ใครบางคน’ ยังเหลือบมองพี่สาวอย่างรนหาที่ตาย !
พี่สาวกำทัพพีแน่น เจียงโม่หานจึงรีบดึงตัวหลินเว่ยเว่ยถอยมาด้านหลังเพราะกลัวบุตรสาวคนโตตระกูลหลินจะโมโหจนขาดสติแล้วโยนทัพพีใส่น้องสาว !
บุตรสาวคนโตตระกูลหลินอดทนแล้วอดทนเล่า สุดท้ายนางก็ตัดสินใจไม่ถือสาคนแขนพิการ ทันใดนั้นมุมปากของนางก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นแล้วพูดอย่างไม่โอ้อวดเลยสักนิด “พรุ่งนี้ข้าจะไปเลือกเครื่องทอผ้าที่เขตเริ่นอัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ข้าจะใช้การทอผ้าเพื่อหาเงินเข้าบ้าน ! ”
“ว้าว ! เรียนจบแล้วหรือ ? ยินดีด้วย วันนี้ต้องทำอาหารเยอะหน่อย เราจะได้ฉลองกัน ! ” หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจจะปล่อยอีกฝ่ายไปสักครั้งโดยไม่ยั่วโทสะอีก เด็กน้อยอายุสิบห้าสิบหกปีสามารถทำใจให้สงบแล้วนั่งทอผ้านานหลายชั่วยามก็ควรค่าแก่การชื่นชมและให้กำลังใจแล้ว !
ต่อจากนั้นบุตรสาวคนโตตระกูลหลินก็ทำอาหารภายใต้คำชี้แนะของหลินเว่ยเว่ยอย่างมีความสุข หมูสามชั้นถูกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ใช้เชือกมัดเข้าด้วยกันเป็นแพ…แม้นางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องมัดเนื้อเข้าด้วยกัน แต่บางทีมันอาจทำให้รสชาติออกมาอร่อยกว่าเดิม นางยังแอบสงสัยว่าน้องรองจงใจสร้างเรื่องยุ่งยากให้นางด้วย !
เมื่อทาก้นหม้อด้วยน้ำมันแล้วก็ใส่หอมแดงและขิงหั่นแว่นลงไป จากนั้นก็วางส่วนหนังของหมูสามชั้นลงไปนาบกับก้นหม้อ หลังเติมเหล้าเหลือง ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลและน้ำ ต้มให้น้ำเดือดแล้วก็ตุ๋นประมาณครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็นำหมูขึ้นมากลับด้านแล้วตุ๋นอีกประมาณ 1 เค่อ
ตอนตักหมูพะโล้ขึ้นมารสชาติไม่ต้องพูดถึงเลย แค่สีมันวาวก็ทำให้รู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาแล้ว
พี่สาวคนโตสะบัดหางด้วยความภาคภูมิ แต่ถูกคำพูดของหลินเว่ยเว่ยทำให้หงอยเหมือนเดิม “แม่ครัวใหญ่อย่างข้าลงมือสอนด้วยตนเองจนแทบจับมือเจ้าทำ ถ้ายังทำออกมาไม่ดีอีก เจ้าก็วิ่งเอาหัวชนกำแพงเถิด ! ”
มุมปากคนฟังกระตุกพลางกัดฟันพูด “เจ้าพูดสิ่งที่น่าฟังหน่อยไม่ได้หรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มกริ่ม “อยากฟังสิ่งที่รื่นหู ? ได้ ! เอาเงินมา บอกมาว่าอยากฟังกี่ตำลึง ? ”
“ไสหัวไป ! ” พี่สาวโยนตะเกียบ เจียงโม่หานจึงรีบดึงตัวเด็กน้อยไว้เพื่อไม่ให้ต้องเจ็บตัวจากการโดนอาวุธ !
ต่อจากนั้นพวกนางยังทำไก่ป่าตุ๋นเห็ด ผัดสามเซียนและหมูผัดพริกจนกลายเป็นอาหารสี่อย่างแล้วต้มซุปมะเขือเทศใส่ไข่อีกหนึ่งหม้อ หลินเว่ยเว่ยนั่งวางมาดอยู่ข้างโต๊ะหินในลานบ้าน จากนั้นก็โบกมือ “ยกอาหารเข้ามา ! ”
พี่สาวคนโตกลอกตาใส่ “ตอนเจ้าออกมาจากห้องครัวจะหยิบอาหารออกมาสักจานไม่ได้เลยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยดึงตัวบัณฑิตหนุ่มให้นั่งลง จากนั้นก็ชี้ไปที่แขนของเขาและตนเอง “เห็นไหม พวกเราเป็นคนป่วย ! ป่วยจนกลายเป็นแบบนี้แล้วยังจะให้เราทำงานอีก ยังมีความเห็นใจฉันพี่น้องอยู่หรือไม่ ? ”
“พี่รองบาดเจ็บ ไม่ให้พี่รองทำ ประเดี๋ยวข้าไปเอง ! ” เจ้าหนูน้อยพาเสี่ยวร่างบ่าวรับใช้คนสนิทให้รีบวิ่งเข้าครัวแล้วยกอาหารทีละจานมาวางบนโต๊ะ
ตอนนี้เขาและเสี่ยวร่างเป็นเหมือนพี่น้องที่แยกจากกันไม่ได้ ราวกับใช้กาวทาตัวติดกันเอาไว้ แม้จะดึงก็ดึงไม่ออกประมาณนั้น ด้วยเหตุนี้วังตงเฉียงจึงรู้สึกอิจฉามาก…ข้ายังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเจ้าอยู่หรือเปล่า ?
เสี่ยวร่างเป็นเด็กที่รู้ความมาก ไม่ว่างานอะไรก็แย่งทำหมด งานที่เร่งด่วนในแต่ละวันคือการออกไปเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์กับนายน้อย เฝ้ามองนายน้อยที่ตัวคนเดียวก็เลี้ยงกระต่ายเกือบร้อยตัว แพะสองตัว กวางหนึ่งตัวแล้วก็ยังมีแม่ไก่อีก 5 ตัวได้ดีเพียงนั้น เงินในห้องของนายน้อยก็มีเยอะมาก ล้วนมาจากเงินในการเลี้ยงกระต่ายทั้งสิ้น !
ถ้าตัวเขาสามารถเลี้ยงกระต่ายได้เยอะขึ้นเพื่อช่วยนายน้อยหาเงินได้มากกว่าเดิม เขาก็คงไม่โดนไล่ออกไป ? ด้วยเหตุนี้การขึ้นเขาไปเกี่ยวหญ้าจึงกลายเป็นกิจกรรมที่เขาหลงใหล ตอนเช้า 2 รอบ ตกบ่าย 2 รอบ แค่หญ้าที่เขาเกี่ยวก็พอให้พวกกระต่ายกินแล้ว !
โดยเฉพาะช่วงสองวันนี้เขาขยันทำงานเป็นพิเศษ สาเหตุก็ง่ายมากคือคราวนี้ตอนที่ไปรับอาหารบรรเทาทุกข์ ณ อำเภอเป่าชิง แต่ละคนจะได้ประมาณ 20 ชั่ง ยกเว้นเขา…เขาจึงคิดว่ากำลังกินข้าวที่เจ้านายแบ่งให้อยู่ ปีนี้สิ่งใดแพงที่สุด ? แน่นอนว่าต้องเป็นข้าวสาร ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยสุด ๆ มักรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกิน ทำอะไรก็คอยระวังเพราะกลัวจะโดนทอดทิ้ง…
เขาไม่อยากจากไปเพราะพวกเจ้านายอ่อนโยนมาก เสมือนมารดาแท้ ๆ และบรรดาพี่สาวก็ดีกับเขามากเช่นกันโดยเฉพาะคุณหนูรองที่ทุกครั้งเข้าเมืองแล้วนายน้อยได้รับของขวัญอะไร นางก็จะนำกลับมาให้เขาด้วยหนึ่งชุด ทำให้เขาคิดผิดในบางครั้งว่านางไม่ใช่เจ้านายแต่เป็นพี่สาว
นายน้อยทั้งสองก็ดีมาก ! คุณชายใหญ่สอนหนังสือให้ ส่วนนายน้อยก็เด็กกว่าเขาแต่คอยดูแลไม่ห่าง เวลาได้ของดีอะไรก็จะไม่ลืมกันเลย ในใจของเขาคือเห็นบ้านสกุลหลินเป็นบ้านของตนไปแล้ว !
“เสี่ยวร่าง มา มานั่งกับข้า ! ” เจ้าหนูน้อยย้ายเก้าอี้มาไว้ข้างตนเพราะไม่อยากให้สหายหลบไปกินคนเดียวในครัว
เสี่ยวร่างส่ายหน้า “บ่าว…บ่าวไปกินในครัวดีกว่าขอรับ ! ”
หลินเว่ยเว่ยกระดิกนิ้วใส่เขา “เสี่ยวร่างมานี่ วันนี้เป็นวันน่ายินดีของพี่ใหญ่ ทุกคนในครอบครัวต้องฉลองให้นาง เจ้าก็เป็นในครอบครัวนี้เหมือนกัน จะปล่อยให้พลาดงานนี้ได้อย่างไร ? หรือว่า…เจ้าไม่เห็นเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ? ”
“ไม่ใช่ขอรับ บ่าว…บ่าว…” เสี่ยวร่างได้ยินแบบนั้นแล้วน้ำตาก็แทบไหลพรากทันที “บ่าวเป็นเพียงบ่าวรับใช้ จะร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านายได้อย่างไรขอรับ ? ”
“บ้านเราไม่ได้มีกฎมากมาย ข้าจะนับถึงสาม ถ้าเจ้าไม่เข้ามานั่ง ข้าเก็บเจ้ามาจากที่ใดก็จะเอาไปโยนทิ้งไว้ตรงนั้น ! ” หลินเว่ยเว่ยแกล้งทำไม่พอใจ