บทที่ 256 เจ้าของร้านหลินเป็นของฉันคนเดียว!

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 256 : เจ้าของร้านหลินเป็นของฉันคนเดียว!

จี้ป๋อหนงอ่านรายงานข่าวตรงหน้าเขาที่ว่าถึง ‘คดีไส้ศึก’ ของสมาคมแห่งสัจธรรมและกิจกรรมแปลก ๆ ของ ‘ผู้แสวงหาความจริง’

ข่าวขององค์กรเหนือธรรมชาติพวกนี้ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ ในอดีตความเข้าใจในเรื่องราวของโลกของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติของจี้ป๋อหนงนั้นล้าหลังอยู่เสมอ พวกเขาไม่เคยได้ข่าวที่ทันเหตุการณ์เลย

แม้ว่าตัวเขาจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ กระทั่งว่าเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วยในเมื่อบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์มีการจ้างวานผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจำนานมากและมีการซื้อขายกับพวกเขา รวมไปถึงวัตถุเหนือธรรมชาติมากมาย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นคนธรรมดา

จี้ป๋อหนงเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งจริง ๆ

หรือบางทีมันอาจจะเป็นที่กรรมพันธุ์ แต่โดยรวมแล้วชาวเหนือจะเป็นเพียงคนธรรมดาและสามารถทำได้เพียงใช้เลือดอสูรเพื่อกลายเป็นนักล่าได้เท่านั้น

ในฐานะเจ้าของเพียงผู้เดียวของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ จี้ป๋อหนงจึงไม่เต็มใจนักที่จะเดิมพันเพื่อโอกาสอันริบหรี่

แม้ว่าตัวเขาจะเป็นผู้มีชื่อเสียงและมีฐานะในหมู่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็ตาม แต่เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้ทางสู้คนหนึ่ง

แต่อย่างน้อยที่สุด ชื่อเสียงและฐานะของตัวเองก็เป็นเหตุผลที่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา แต่กลับกัน…ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากมายต่างพร้อมใจกันเป็นมือเป็นเท้าให้กับเขา

อย่างเช่นการจ้างงานเฮย์วู้ดมาเป็นนักเวทมนตร์ขาวประจำตระกูลจี้ ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และบอดีการ์ดให้พวกเขา

ทว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็ยังไม่ได้มีความให้เกียรติเขานัก…

ถ้าเฮย์วู้ดทำงานให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงสักคน เขาคงไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรแน่ ๆ อย่าว่าแต่เอาตรา ’ภักดี’ ของเขาไปขายเลย

ดังนั้นจี้ป๋อหนงจึงยังไม่สามารถรวมตัวเองเข้าไปในโลกของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้โดยสมบูรณ์

ไม่ว่าคนเหล่านี้จะยกยอเขายังไงที่เบื้องหน้า พวกเขาก็ย่อมมีเจตนาไม่ดีต่อตัวเองอยู่

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างเขตแดนอันแสนน่าสมเพชนั้นได้ เพราะถึงอย่างไร ในสายตาของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว เขาก็ยังดูอ่อนด้อยกว่าพวกเขา และไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะดูถูกเขาอยู่

แต่จี้จือซู่ต่างออกไป…เธอเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ!

ถ้าเธอขึ้นมาดูแลบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ล่ะก็ กลุ่มบริษัทที่คนธรรมดายำเกรงนี้จะได้รับโอกาสในการเปลี่ยนไปเป็นตัวตนที่กระทั่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติยังกลัวได้อย่างแท้จริง

แค่จากเรื่องนี้ ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าจี้ป๋อหนงมีความคาดหวังต่อลูกสาวของตัวเองอย่างใหญ่หลวง

ทว่าการเติบโตในปัจจุบันของจี้จือซู่เกินกว่าความคาดหวังของจี้ป๋อหนงไปมาก

สำหรับจี้จือซู่แล้ว โลกที่แยกออกจากจี้ป๋อหนงนี้ดูจะถูกเชื่อมต่อกับเธออย่างง่ายดาย

ในขณะที่การพัฒนาของลูกสาวของเขาทำให้จี้ป๋อหนงสบายใจมาก แต่เขาก็อดมีความรู้สึกผิดหวังหน่อย ๆ ไม่ได้ที่ลูกสาวของตัวเองเติบโตเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้แล้ว

จี้ป๋อหนงมีความรู้สึกเช่นนี้มานับแต่จี้จือซู่ตุ๋นเขาเสียเปื่อยเมื่อสองเดือนก่อน

จู่ ๆ ลูกสาวของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยซุกซนไม่ต่างจากเด็กทั่วไปก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่และสร้างความรู้ความเข้าใจรวมไปถึงวิสัยทัศน์ต่อโลกของเธอเองขึ้นมา แล้วกลายเป็นบุคคลที่พึ่งพาตัวเองได้โดยสมบูรณ์

แต่ลึก ๆ แล้ว จี้ป๋อหนงก็ยังคิดว่าลูกสาวของเขายังต้องการเวลาเพื่อให้กลายเป็นขุมอำนาจที่มีแต่ผู้ยำเกรงได้โดยแท้จริง

จี้ป๋อหนงคิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของเขาจะกลายร่างเป็นคนแปลกหน้าไปโดยสิ้นเชิงหลังจากงานที่หนักหน่วงกีดกันไม่ให้เขาไปคอยตามติดกิจกรรมของจี้จือซู่ไปพักหนึ่ง

การเปลี่ยนแปลงของจี้จือซู่ที่เกิดจากเจ้าของร้านหนังสือนี้ ส่งผลกระทบมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

“ความขัดแย้งของเรากับหอการค้าแอชกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และบางทีเราอาจต้องแตกหักกันในอนาคตอันใกล้เพื่อตัดสินว่าบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะสามารถขยายกิจการเพิ่มได้หรือเปล่านะ” จี้ป๋อหนงอธิบาย

เขาพูดต่อด้วยศีรษะที่ปวดตึบ ๆ “ช่วงนี้ หอการค้าแอชพยายามแข่งกับเราในทุกทาง พวกเขาปฏิเสธที่จะให้บริการส่งสินค้าให้เขาด้วยสารพัดข้ออ้าง เช่นเป็นของผิดกฏหมายและอื่น ๆ นี่ไม่ใช่ปัญหานักหรอก แค่เป็นการถ่วงเวลาชั่วคราวเพราะพ่อต้องเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่องในกรณีนี้น่ะ”

“ถ่วงเวลาเหรอคะ?”

จี้จือซู่เลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างไม่พอใจ “หอการค้าแอชงัดอำนาจพ่อได้ก็เพราะพวกเขาคว้าโอกาสทำธุรกิจขนส่งที่เคยถูกเสนอให้บริษัทโรลล์มาก่อนไงคะ พวกเขามาถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ของพวกเขาได้ก็เพราะว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ ‘ถ่วงเวลา’ การขยายสาขาของพวกเขาอยู่ในเขตล่างค่ะ”

“และจากการหน่วงเวลาครั้งเดียวนี้ ธุรกิจกำไรงามธุรกิจหนึ่งของบริษัททรัพยากรโรลล์ก็ถูกหอการค้าแอชขโมยไปได้”

“พ่อยังอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเหรอคะ?”

จี้จือซู่พูดต่ออย่างจริงจัง “ช่วงนี้ฉันค้นพบแล้วค่ะว่าเชอร์รี่จากหอการค้าแอชได้ทำความคุ้นเคยกับเจ้าของร้านหลินเร็วกว่าฉันมาก ที่จริงแล้ว ร้านหนังสือก็ทำงานอยู่ภายใต้ป้ายชื่อของหอการค้าแอชด้วย ซึ่งก็หมายความว่าเธอมีข้อได้เปรียบอยู่เป็นธรรมดา”

เธอตบโต๊ะ แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

“ช่วงนี้เธอไปหาเจ้าของร้านหลินและมีการติดต่อกับร้านหนังสืออีกครั้งแล้ว นี่คือการวิ่งแข่งกับเวลานะคะ ถ้าเธอคิดอย่างเดียวกับเราอยู่ล่ะก็ เราไม่สามารถชักช้าไปมากกว่านี้ได้แล้วนะคะ!”

“เชอร์รี่ แชปแมน แม่มดแชปแมน…เธอคงไม่มีเวลาว่างมากขนาดไปหาคุณหลินในร้านหนังสือได้ในทุกวันนี้หรอก” จี้ป๋อหนงพึมพำพลางจ้องกองเอกสารบนโต๊ะของเขา ก่อนจะดึงออกมาแผ่นหนึ่ง

“ตอนนี้เป็นไปได้ว่าหอการค้าแอชจะได้รับช่องทางเข้าไปยังใต้ดินจากพวกเอลฟ์ดำบูชาแมงมุมพวกนั้นอีกทางแล้ว”

“บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมพวกดรูอิดที่ปกติให้ความสนใจกับสายเลือดบริสุทธิ์อย่างมากถึงตัดสินใจยอมรับเชอร์รี่ที่มีสายเลือดเอลฟ์ดำปนอยู่ก็ได้”

จี้ป๋อหนงวางคางบนมือแล้วมองลูกสาวของเขา “นั่นก็หมายความว่า ในตอนนี้บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ไม่ได้ผูกขาดวัตถุดิบจากใต้ดินไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว”

“หอการค้าแอชตั้งใจจะปล่อยสินค้าของตัวเองออกมาเพื่อถอนโรลล์ออกจากบัลลังก์ หรือบางทีอาจจะ…เป็นการพยายามล้มล้างเราเลยก็ได้ แผนนี้ต้องใช้เวลาเป็นปี และทั้งงานก็ดูแลโดยเชอร์รี่ แชปแมน เธอคงจะยุ่งมากแน่ ๆ”

ดวงตาของจี้จือซู่เหลือบมองเอกสารแผ่นนั้น

เอลฟ์ดำ เผ่าพันธุ์ที่อาศัยในป่าผู้บูชามารดาแห่งอ้อมกอดได้ค้นพบทางเข้าอีกทางจากในรังของมารดาแห่งอ้อมกอดในตำนาน นี่คือหนึ่งในสองทางเท่านั้นในอาซีร์ที่สามารถลงไปยังเขตล่างได้

และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น…เมื่อสิบปีก่อน

การกลับมาของเชอร์รี่ แชปแมนนั้นไม่ใช่เพียงการเริ่มแผนการ แต่สายเลือดผสมครึ่งดรูอิดและเอลฟ์ดำของเธอคือรากฐานของความร่วมมือระหว่างหอการค้าแอชและพวกเอลฟ์ดำด้วย

พวกเขาได้บ่มเพาะแผนเพื่อหยุดการผูกขาดของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกเขาก็เหยียบมันไว้เสียมิด

แล้วตอนนี้ สงครามที่ไร้ดินปืนก็กำลังจะเกิดขึ้น…

จี้จือซู่อดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาหลังจากอ่านเอกสารแล้ว

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติและเผ่าพันธุ์อายุยืนเหล่านี้มีความอดทนและเวลามากพอที่จะอุทิศตนเองต่อภารกิจเดียวได้ นี่คือเหตุผลที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้เลย

หากไม่ใช่เพราะเธอได้เข้าไปในร้านหนังสือในคืนฝนตกคืนนั้น บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์คงได้รับผลกระทบใหญ่หลวง หรืออาจเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกถอนรากถอนโคนด้วย

แต่ตอนนี้ จี้จือซู่แสยะยิ้มแล้วขำคิก “ยุ่งเหรอคะ เฮะ…ไม่ใช่ว่านั่นเยี่ยมไปเลยเหรอคะ?”

ถ้าเป็นกรณีนั้น เจ้าของร้านหลินก็จะเป็นของเธอคนเดียว!