ตอนที่ 288 แมวปีศาจ

ตอนที่ 288 แมวปีศาจ

ร้านขายสัตว์เลี้ยงในซินตูถูกตกแต่งอย่างดี ใกล้เคียงกับร้านขายสัตว์เลี้ยงก่อนวันสิ้นโลก แต่ในร้านมีสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไม่มาก มองเผิน ๆ มีแมวแค่ 6-7 ตัวกับหมาตัวเล็กประมาณ 3 ตัว

จากที่ซูเถามองดู มันไม่ได้ดูดีเท่าฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กของเธอ โดยพื้นฐานแล้วแมวมากกว่าครึ่งดูดุร้าย สีขนและลวดลายก็ดูไม่ค่อยดีนัก

ซูเถาไม่รู้ว่าแต่ละตัวคือสายพันธุ์อะไร เพราะพวกมันไม่ได้มีหน้าตาที่น่าเอ็นดูเลย พวกมันแต่ละตัวล้วนผอมแห้ง และสภาพจิตใจของพวกมันก็ไม่ค่อยดี ซึ่งอาจเป็นเพราะพวกมันต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว

ซ่งเยว่ปินชำเลืองมองหญิงสาวที่กำลังใช้ความคิด และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

เขาคิดว่าร้านขายสัตว์เลี้ยงในซินตูจะทำให้เขาพบกับความประหลาดใจ แต่เมื่อมองเห็นแบบนี้แล้ว มันก็เหมือนกับที่อื่น

ตั้งแต่เห็นแมวสองตัวและสุนัขหนึ่งตัวในบ้านของเถ้าแก่ซู มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกตัวที่เหมาะสมหลังจากเปรียบเทียบกับพวกมัน

ในระหว่างทางเขาก็ได้ยินพลตรีสือกล่าวว่าในซินตูมีร้านขายสัตว์เลี้ยงระดับแบบนี้เท่านั้น เพราะนอกเหนือจากนั้นคงทนดูไม่ได้

ซูเถาถามถึงราคาด้วยความสงสัย

พนักงานที่ร้านเห็นว่าพวกเขาดูไม่เหมือนคนรวย ดังนั้นท่าทีจึงค่อนข้างเย่อหยิ่งและไม่สนใจลูกค้าแบบพวกเขาที่มาเยือน

“มีตั้งแต่ 300,000 ถึง 500,000”

ราคานี้อยู่ในงบประมาณของซ่งเยว่ปิน แต่เขาทนไม่ได้ที่จะใช้จ่ายมากกับแมวที่ไม่เป็นที่พอใจ

ซูเถานึกถึงเฮยจือหม่าและไป๋จือหม่าที่เธอเก็บมาเลี้ยงฟรี ๆ และรู้สึกละอายมากกับราคาในใจของเธอ

แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันแพงมาก เพราะสุดท้ายแล้วมันคือวันสิ้นโลก ที่คนทั่วไปยังไม่พอกินพอใช้ และแทบเอาชีวิตไม่รอด การเลี้ยงสัตว์ก็ถือว่าเป็นการฟุ่มเฟือย

ประกอบกับการขาดแคลนเสบียงในยุคสุดท้าย แมวเป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูพวกมันก็สูงมาก

เมื่อเห็นท่าทางของเธอเช่นนี้ พนักงานก็กลอกตาแล้วพูดว่า

“สัตว์เลี้ยงมีไว้สำหรับหญิงมีฐานะเลี้ยงดูเล่นเพื่อฆ่าเวลา เพราะพวกเธอไม่ขาดเงิน อีกอย่างเราเลี้ยงแมวพวกนี้ อาหารการกินของพวกมันก็ต่างกับของที่พวกคุณกินเป็นอย่างมาก ไหนจะการอาบน้ำและการตัดแต่งขนอย่างพิถีพิถันโดยช่างเฉพาะทาง”

เฉียนหรงหรงยังเด็ก และเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็จ้องมองด้วยความตกใจและเอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ขนาดได้กินของดี ๆ ก็ยังผอมแบบนี้เหรอ? พวกมันป่วยหรือเปล่า”

อันที่จริงเธอยังอยากจะถามต่อด้วยว่าหลังอาบน้ำตัดแต่งความงามทำไมถึงยังดูน่าเกลียดอยู่อีก แต่แม่ของเธอกลับจ้องเธอเขม็ง

เธอโตขนาดนี้แล้ว และไม่เคยมาที่ซินตูมาก่อน ก่อนที่จะมาที่ซินตูเธอเคยเห็นแค่เฮยจือหม่าและไป๋จือหม่าเท่านั้น

เธอคิดว่าลูกแมวทุกตัวในโลกนี้มีสุขภาพดีและน่ารัก

แม้ว่าเฮยจือหม่าจะดูไม่อ้วน แต่รูปร่างของมันก็ยังแข็งแรง เมื่อมองแวบแรกมันเป็นลูกแมวที่มีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดี โดยเฉพาะดวงตาที่โตของมัน ดูฉลาดมาก

ไม่ต้องพูดถึงไป๋จือหม่า มันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในเถาหยาง เนื่องจากตัวของมันทั้งอ้วนและนุ่มฟู มันนอนคว่ำและทำท่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจเมื่อเห็นผู้คนผ่านไปมา

แบบนี้ไม่เห็นจะมีที่ร้าน

พนักงานที่ร้านทำหน้าไม่ถูก “ว่าอะไรนะ? คุณยังสงสัยว่าเราขายแมวป่วยในร้านเหรอ? ไปไปไป ถ้าไม่มีปัญญาซื้อก็ไม่ต้องเข้ามาในร้าน”

สือจื่อจิ้นขัดเธอ “ตอนนี้ในร้านของคุณมีแมวและสุนัขกี่ตัว รวมราคามา ผมจะซื้อทั้งหมด”

พนักงานแทบจะกัดลิ้นของตัวเอง “อะไรนะ”

ซูเถาคว้าตัวสือจื่อจิ้นและพูดด้วยความกลัว “ฉันไม่เอานะ ฉันไม่ได้สนใจมันแม้แต่ตัวเดียว”

ตอนนี้เธอเลี้ยงแมวสองตัว มันถึงขีดจำกัดของเธอแล้วจริง ๆ

สือจื่อจิ้นพูดออกมาอย่างเรียบง่าย “งั้นก็ซื้อกลับไปก่อน แล้วค่อยมอบให้ใครก็ตามที่คุณคิดว่าถูกใจ”

พนักงานเกือบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดอย่างดูถูก

“คุณกำลังคุยโวโอ้อวดอะไรอยู่? ถ้าไม่มีเงินก็อย่าทำตัวเป็นใจป้ำไปหน่อยเลย? รีบออกไป! อย่าขัดขวางธุรกิจของเรา!”

ซ่งเยว่ปินก็เกิดอารมณ์โทสะขึ้นมา “ทัศนคติของคุณแย่มาก เจ้าของร้านของคุณอยู่ที่ไหน”

พนักงานก็ยังแสดงท่าทีหยิ่งยโสต่อไป “ทัศนคติของฉันก็คู่ควรกับพวกคุณแล้วนี่!”

จากสีหน้าแปลก ๆ บนใบหน้าของคนเหล่านี้ ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในร้าน พนักงานรู้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยเห็นโลก

พนักงานรู้สึกว่าตัวเองแม่นยำในการตัดสินผู้คนเสมอ และไม่จำเป็นต้องให้บริการลูกค้าที่เงินไม่ถึง

เฉียนหลินทนไม่ได้และเริ่มตำหนิพนักงาน เฉียนหรงหรงกลัวว่าแม่ของเธอจะเดือดร้อน จึงกระโดดไปดึงผมพนักงานคนนั้น และเหตุการณ์ก็วุ่นวายขึ้น

ซูเถาเห็นว่าหรงหรงของเธอถูกผู้หญิงคนนั้นข่วนที่ใบหน้า เธอก็กระโดดเข้าไปร่วมวงต่อสู้ด้วยทันที

ซ่งเยว่ปินตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ซูเถาเพิ่งเข้าสู่สนามรบ แต่จู่ ๆ สือจื่อจิ้นก็หยิบปืนออกมาและตบไปที่เคาน์เตอร์ “คิดเงิน”

เสียงดังมากจนยากที่จะไม่ใส่ใจและพนักงานก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

นี่มันอะไรกัน?

เอาปืนจี้เธอให้สะสางบัญชี?

เขาคิดจะซื้อแมวจริง ๆ เหรอ?

เมื่อเห็นว่าเธอไม่เคลื่อนไหว สือจื่อจิ้นก็ขยับปืนเล็กน้อย “คุณต้องการให้ผมพูดซ้ำอีกครั้งไหม”

พนักงานรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นและดูคอมพิวเตอร์ และกดคีย์บอร์ดสองสามครั้ง

“ทั้งหมด 6.3 ล้านเหลียนปัง”

สือจื่อจิ้นพยักหน้าและแสยะยิ้มออกมา “ก็แค่หกล้าน ผมก็นึกว่าจะหลายร้อยล้านซะอีก”

เมื่อพนักงานได้ยินถ้อยคำเย้ยหยันในคำพูดของเขา เธอก็โมโหจนแทบจะระเบิดออกมา แต่เมื่อเธอเห็นปืนพกทหารของเขา ก็คิดว่าอาจไม่สามารถรับมือกับมันได้ ดังนั้นเธอจึงหยุดทันที

สือจื่อจิ้นต้องการจ่ายจริง ๆ

ซูเถาที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงรีบเข้ามาห้าม “ไม่ไม่ไม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพียงเพื่อชำระความโกรธ”

หกล้านนี้เพียงพอสำหรับเธอที่จะสร้างบ้านหลายหลัง ไม่คุ้มที่จะเสียไปแบบนี้หรอก

สุดท้ายซูเถาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเกลี้ยกล่อมไม่ให้สือจื่อจิ้นจ่ายเงิน

เมื่อสือจื่อจิ้นออกมาจากร้าน ใบหน้าของเขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

เขาไม่สนใจเรื่องการเสียหน้า แต่ไม่ควรมีใครดูถูกซูเถา

“ใจเย็น ๆ นะ ใจเย็น ๆ ”

ซูเถาปลอบเขาและลูบหลังเขาด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ ก่อนที่ไฟความโกรธของเขาจะดับลงอย่างช้า ๆ

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกไป ร้านขายสัตว์เลี้ยงก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

หญิงวัยกลางคนที่ดูมีเงินคนหนึ่งลงจากรถพร้อมกับอารมณ์โมโหเธอกระทืบรองเท้าส้นสูงของเธอแล้วพุ่งตรงเข้าไปในร้าน

คนขับรถเดินตามเธอเข้ามาติดๆ โดยถือกรงหิ้วซึ่งมีแมวบ้าวิ่งอาละวาดอยู่ข้างใน

หัวใจของคนขับสั่นเล็กน้อย

ทำไมแมวถึงได้ดุร้ายแบบนี้!

พนักงานคนนั้นเปลี่ยนท่าทีของเธอ เธอโค้งตัว 180 องศาเพื่อทักทายผู้ที่มาเยือนอย่างกระตือรือร้น แต่ก่อนที่เธอจะได้กล่าวทักทาย หญิงคนนั้นก็ตำหนิออกมาอย่างไม่ไว้หน้า

“พวกเธอขายแมวปีศาจให้ฉันหรือไง! ดูมันข่วนฉันสิ! พวกเธอคงอยากลองดีกับฉันใช่ไหม!”

หลังจากตำหนิแล้วเธอก็คว้ากรงหิ้วจากมือคนขับแล้วโยนไปที่พนักงานที่อยู่ตรงหน้า

พนักงานถูกตะกร้านั้นกระแทกเข้าที่ศีรษะแล้วล้มลงพร้อมกับกรงหิ้วแมว

กรงหิ้วกระแทกพื้นและประตูถูกเปิดออก แมวสีขาวขนยาวแสนสวยกระโดดออกมาจากข้างใน ท้องของมันโตซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังมีลูก

แต่มันวิ่งเร็วมากจนหายไปในพริบตา

พนักงานที่ยังเวียนศีรษะอยู่ไม่สามารถลุกขึ้นไปจับมันไว้ได้ทัน

ชินชิลล่าตัวนี้เจ้าของร้านซื้อมาด้วยเงินจำนวนมาก! เป็นหนึ่งในแมวที่ดูดีที่สุดที่เธอเคยขาย!

ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจแมวชั่วร้ายตัวนั้นและเตะพนักงานสองครั้งด้วยความหงุดหงิด

“คิดแต่จะหาเงินเข้ากระเป๋า เลยโกหกฉันว่าแมวตัวนี้นิสัยดีและเชื่องมาก แต่มันกลับกลัวสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และเอาแต่ขู่ในขณะที่ฉันเพิ่งเลี้ยงได้สองวัน! นี่ฉันทนเลี้ยงมาเดือนกว่าแล้ว เมื่อฉันสัมผัสมันฉันก็ได้เลือดตลอด เจ้าของร้านของเธอต้องอธิบายเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาทำลายร้านนี้ซะ”