ตอนที่ 289 ในสมองเต็มไปด้วยซูเถา

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 289 ในสมองเต็มไปด้วยซูเถา

ตอนที่ 289 ในสมองเต็มไปด้วยซูเถา

เจ้าของร้านที่เลิกงานไปแล้วก็ต้องถูกโทรตามให้กลับมาที่ร้าน

พอเข้าใจสถานการณ์ก็โมโหแทบตาย

เพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่น พนักงานในร้านไม่รู้ไปซื้อแมวมาจากที่ไหน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแมวนั้นมีบุคลิกท่าทางไม่ดี แต่ก็ยังนำมันมาหลอกขายให้กับลูกค้าในราคาสูง

และตอนนี้พวกเขาถูกข่วนอย่างน่าสังเวช และตามมาเอาเรื่องถึงที่ร้าน!

พลังการต่อสู้ของผู้หญิงนั้นแข็งแกร่งมาก และเธอก็ตำหนิเจ้าของร้านอย่างแรงที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

เจ้าของร้านรู้ว่าสามีของผู้หญิงคนนั้นมีตำแหน่งสูงในฐานซินตู ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้เธอขุ่นเคืองได้ง่าย ๆ เลยต้องก้มหน้าน้อมรับความผิดและกล่าวขอโทษ พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหาย โดยสัญญาว่าจะมอบแมวที่มีบุคลิกดีและเชื่องให้เธอในภายหลัง

แต่ว่าหญิงผู้นี้เจ็บแล้วจำ เธอจะไม่ยอมเลี้ยงแมวอีกต่อไป และชี้ไปที่พนักงานแล้วพูดว่า

“ฉันไม่ต้องการแมวไร้คุณภาพของคุณแล้ว คืนเงินให้ฉัน แล้วก็ไล่พนักงานคนนี้ออกซะ ไม่งั้นเงินฉันก็จะไม่รับไว้ และฉันจะหาคนมาจัดการที่นี่ให้ถึงที่สุด แล้วก็อย่าหวังจะทำธุรกิจในซินตูได้อีก!”

เจ้าของร้านเกรงกลัวเป็นอย่างมาก

พนักงานสาวตกใจทันที “ผู้จัดการ…”

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”

……

ซูเถาและคนอื่น ๆ กลับไปที่อพาร์ตเมนต์โดยไม่รู้เรื่องความขัดแย้งในร้านขายสัตว์เลี้ยง ดังนั้นทุกคนจึงบ่นอยู่พักหนึ่งระหว่างที่เดินทางกลับมา และเลือกที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป

เมื่อกลับถึงที่พักซูเถาก็รีบอาบน้ำขึ้นเตียง และพร้อมจะเข้านอนแล้ว

พรุ่งนี้เช้าจะมีคนไปที่ลานจอดรถเพื่อซ่อมแซมรถของเธอ เมื่อซ่อมเสร็จถึงจะเก็บรถไว้ในพื้นที่ของฟางจือ

จากนั้นเธอก็มีนัดกับเหลยสิงต่อ

ก่อนเข้านอน เธอตรวจสอบตำแหน่งของเฮยจือหม่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนต์มากนัก และรู้สึกว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไร ดังนั้นเธอจึงปิดไฟและเข้านอน

แต่ทว่าค่ำคืนนี้ช่างเย้ายวน

มันพิเศษสำหรับเฮยจือหม่าจนไม่อยากกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นด้วยซ้ำ

ซูเถาก็ลืมเรื่องนี้เพราะว่าเธอนัดช่างมาซ่อมรถ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากช่างซ่อม เธอก็ขอให้สือจื่อจิ้นพาตนเองไปที่ลานจอดรถ

รถบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ขับหรือจอดบนถนนในย่านใจกลางเมืองซินตู ดังนั้นช่างซ่อมรถจึงทำได้เพียงนำคนและเครื่องมือไปที่ลานจอดรถเพื่อทำการซ่อมเท่านั้น

ชิ้นส่วนของรถถูกถอดออก และช่างซ่อมรถที่เห็นสภาพรถก็ต้องถอนหายใจ

“คุณได้รถคันใหญ่นี้มาจากไหน”

“เพื่อนให้มาน่ะ คุณลองดูด้านหน้ารถหน่อยว่าสามารถซ่อมได้ไหม”

ช่างซ่อมมองดูมันอย่างระมัดระวัง และรู้สึกปวดใจเล็กน้อย “มันซ่อมได้แน่นอน แต่ผมไม่มีชิ้นส่วนที่เข้าคู่กัน แม้ว่าไฟรถจะซ่อมและใช้งานได้ แต่การจะให้สีหรือภายนอกสวยเหมือนแต่ก่อนคงเป็นเรื่องยาก ผมไม่สามารถทำให้คุณได้ คุณคงต้องทำใจไว้หน่อย”

หัวใจของซูเถาปวดร้าวเมื่อได้ยิน แต่เธอก็เลือกที่จะพยักหน้ายอมรับพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกของตัวเองไว้

ช่างซ่อมพูดกับเธอ “มันเป็นรถที่ดีจริง ๆ เวลาคุณใช้งานก็ต้องดูแลรักษามันหน่อย เพราะหากมันชำรุดคงซ่อมคืนให้เหมือนเดิมไม่ได้”

ซูเถาพยักหน้า

เมื่อสือจื่อจิ้นเห็นสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าคนแซ่กู้เข้าใจหาของขวัญมาให้เธอจริง ๆ เพราะรถนี้ถูกส่งตรงเข้ามาที่บ้านของเถาเถา และทำให้จิตใจของเธอหวั่นไหวได้

ช่างใหญ่ขอให้ลูกน้องทั้งสองช่วยเขา และโบกมือให้ซูเถา

“พวกคุณมีธุระอะไรต้องไปทำก็ไปก่อนเถอะ พวกเราต้องใช้เวลาซ่อมมันทั้งงวัน แล้วค่อยกลับมาดูตอนมืดก็ได้ ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณไม่พอใจ ผมจะไม่คิดเงิน”

ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปก่อน

สือจื่อจิ้นรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่พวกเขาสองคนจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง ดังนั้นเขาจึงอยากพาเธอไปเดินเล่นในซินตู เพื่อช้อปปิ้งหรืออื่น ๆ

ซูเถาไม่กล้าไป เพราะถ้าเธอไปเธอต้องไม่ได้ใช้เงินของตัวเองแน่นอน ในเรื่องการแย่งกันจ่ายเงิน เธอสู้เขาไม่ได้หรอก

และเธอก็พอจะรู้แล้วว่าค่าครองชีพที่ซินตูนั้นค่อนข้างสูง

โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินและความบันเทิง

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าแม้ในวันสิ้นโลก คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจจะบริโภคความบันเทิงก็ไม่ขาดแคลน

ซินตูจัดการพื้นที่นี้เป็นอย่างดี ดังนั้นราคาของร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ขึ้นมาหน่อยจึงมีราคาแพงจนน่ากลัว ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถซื้อได้

ในความเป็นจริงด้วยทรัพย์สินในปัจจุบันของซูเถาและสือจื่อจิ้นนั้น การไปทานอาหารและซื้อเสื้อผ้าก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่เดือดร้อนอะไร

แต่ซูเถามัธยัสถ์จนเคยชินแล้ว เพราะเธอคิดว่ามีสถานที่มากมายที่อยู่ข้างหลังเธอซึ่งต้องการเงินเพื่อสร้าง ก็เลยไม่อยากที่จะใช้จ่ายอะไรตามใจ

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตงหยางก็ดูเป็นรูปธรรมขึ้น อดีตผู้นำกองทัพที่ยืนหยัดและซื่อตรงลงเงินทั้งหมดเพื่อใช้สำหรับการรักษาพยาบาลและโรงเรียน ในส่วนของร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้า เขาไม่ได้ใช้เงินไปกับส่วนนั้นเท่าไหร่

เวลาผู้คนต้องการซื้อของ ก็ต้องไปที่ตลาดมือสองหรือพื้นที่ที่ค้าขายเพื่อซื้อของ ส่วนสถานที่นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะมีทุกอย่างที่ต้องการ สามารถหาได้ตามร้านค้าแผงลอย ยกเว้นพวกอาวุธ

ในขณะเดียวกันเจียงจิ่นเวยที่เพิ่งมาถึงซินตู กำลังจะไปที่อพาร์ตเมนต์ที่จั๋วเอ่อร์เฉิงเช่าให้เธอ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูเถากำลังพูดคุยและหัวเราะกับชายคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

ชายคนนั้นหันหลังให้เจียงจิ่นเวย เธอจึงไม่เห็นหน้าตาของเขา

แต่ด้วยความสูงและแผ่นหลังที่ยาวนี้ เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูดีทีเดียว

ทำไมซูเถาถึงมาอยู่ที่ซินตูได้?

แล้วผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอคือใคร?

ซูเจิ้งหลันที่ตามติดเจียงจิ่นเวยมาที่ซินตูเพื่อหาช่องทางขยับขยาย เมื่อเขาเห็นว่าซูเถาอยู่ไกลออกไป เขาก็เบิกตากว้าง

“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”

ตอนนี้ยังถือว่าเป็นวันสิ้นโลก นอกจากการคมนาคมไม่สะดวกแล้ว ค่าเดินทางระยะไกลยังสูงอีกด้วย

ซูเถาเดินทางมาที่ซินตูได้ยังไง

หรือผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอจ่ายเงินให้เธอมาที่นี่?

เดิมทีซูเจิ้งหลันคิดว่าเขาเหนือกว่าที่สามารถมาที่ซินตูเพื่อมาหาคอนเนคชั่นได้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าซูเถาก็สามารถมาที่นี่ได้เช่นกัน ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

เจียงจิ่นเวยตะคอก “มาถึงที่นี่ก็ทำได้แค่เดินตามหลังผู้ชายเท่านั้นแหละ จะไปเปิดหูเปิดตาได้ยังไง”

เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก การมาซินตูหมายความว่าเธออยากที่จะชุบตัวเป็นคนใหม่ ไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับครอบครัวซู และถือว่าคนในครอบครัวซูเป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น

แต่คนอย่างซูเถามีสิทธิ์อะไรถึงมาที่นี่

คนของซูเถาสามารถพาเธอมาที่ซินตู และคนของเจียงจิ่นเวยก็สามารถพาเธอไปที่การประชุมได้เช่นกัน!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เจียงจิ่นเวยก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และหันศีรษะเพื่อกลับไป เธอวางแผนไว้ว่าเมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จเธอจะไปซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็จะออกไปรับประทานอาหารดี ๆ

ก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านครอบครัวซู ทั้งซูเจี้ยนหมิง แม่ของเธอ ถังโต้ว และลูกติดของพ่อทั้งสอง หรือแม้กระทั่งตัวเธอต่างก็ไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ

และในสถานที่ยากจนอย่างตงหยาง ก็ไม่สามารถหาร้านอาหารที่เหมาะสมได้หากต้องการรับประทานอาหารดี ๆ เธอไม่อยากกลับไปในสถานที่สกปรกอย่างตงหยางอีกตลอดชีวิต

ตอนนี้ถึงตาของซูเจิ้งหลันที่จะรู้สึกแย่

เขาก็ตามหลังเจียงจิ่นเวยมาไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้หมายความว่าเขาเองก็จะไม่ได้เปิดหูเปิดตาเหมือนกันหรือเปล่า

ซูเจิ้งหลันรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าเจียงจิ่นเวยก็เหมือนกับซูเถา ที่ต้องพึ่งพาผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องภาคภูมิใจ

……

ฉู่หมิงรู้สึกภูมิใจมาก เมื่อมองไปที่เหลยสิงที่ถูกเธอขวางทาง และเปล่งเสียงพูดออกมาว่า

“ทำไม ตกใจเหรอที่เห็นฉัน”

เมื่อวานนี้ทันทีที่เข้าเมือง เธอก็ใช้เส้นสายของครอบครัวเพื่อค้นหาตำแหน่งของเหลยสิง ไม่ว่าชายคนนี้จะมีความสามารถเพียงใด เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของตระกูลฉู่ได้

เขาต้องการหลีกเลี่ยงเธอเหรอ?

ไม่มีทาง

เหลยสิงเพิ่งตื่นขึ้น เขาสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ บวกกับผมสั้นสีบลอนด์ที่ยุ่งเหยิงของเขา เผยให้เห็นผิวที่เปล่งปลั่งดูดี

ในสายตาของฉู่หมิง เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มในสภาพแบบนี้ มันสุดแสนจะพรรณนา

เมื่อเหลยสิงเห็นเธอที่ประตู เขาก็กระแทกประตูอย่างไม่พอใจ และล้มตัวนอนบนเตียงต่อไป ปล่อยให้ฉู่หมิงเคาะประตูอยู่อย่างนั้น

เพราะเมื่อคืนเขานอนไม่หลับ

ตอนแรกเขาตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นก็เกิดกังวลนิดหน่อย แล้วก็กังวลอีก เขาจดสิ่งที่อยากจะพูดในวันพรุ่งนี้ลงในกระดาษ คิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และซ้อมนับครั้งไม่ถ้วนในสมอง

จากนั้นก็หลับไม่ลงเลย เพราะสมองของเขาเต็มไปด้วยซูเถา