ตอนที่ 112: ให้ตายเถอะ แบบนี้ก็ได้ด้วย 2

ระหว่างมองไปยังลูกเต๋า เสี่ยวเฉิงก็เผยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวคําพูด “ผลรวมคือ 31! ไม่ว่าจะบวกสองหรือลบสอง คุณก็ยังเดาไม่ได้ใกล้เคียงเลย คุณเฉียนเย่ครับ ดูเหมือนว่าคุณจะแพ้ผมแล้วแหละ”

ใบหน้าของเฉียนเย่พลันซีดเผือด เขามองไปยังลูกเต๋าบนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา

เฉียนเย่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลยว่าตัวเองจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับมือสมัครเล่นในโอกาสเช่นนี้

“ไม่มีทาง! ไม่จริง! การที่คุณชนะได้… มันต้องเป็นเพราะโชคช่วยแน่ ๆ!”

ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งในฝูงชนก็พลันตะโกนขึ้นมา “ประสาทหลอนไปแล้วเหรอ? คุณต่างหากล่ะที่ใช้โชคช่วยในการเดาผลรวมของลูกเต๋า แถมเดาพลาดด้วย แต่คุณเสี่ยวเฉิงกลับเดาถูกทุกตัวเลขในลูกเต๋าทั้งสิบลูก! แบบนั้นจะไปเรียกว่าโชคช่วยได้ยังไงกันล่ะ? ถ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ก็อย่ามาเล่นเลยดีกว่า มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม?”

“ใช่ คุณมาที่นี่แล้วก็เอาแต่ประกาศกร้าวว่าตัวเองเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งลูกเต๋า แต่คุณยังเดาผลรวมของอีกฝ่ายไม่ถูกเลยด้วยซ้ํา กล้าเรียกตัวเองว่ามืออาชีพได้ยังไงกัน? ผมว่าคุณในตอนนี้ดูเหมือนตัวตลกมากกว่าอีก”

เฉียนเย่รู้สึกโกรธไม่น้อย เขาพลันจ้องไปยังผู้ชมพร้อมกับหันมามองเสี่ยวเฉิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะ “ผมไม่สน! คุณก็แค่โชคดี! แบบนั้นไม่นับ!”

เขาเริ่มตะโกนต่อต้านทันที “ไอ้คนหน้าด้านเอ๊ย!”

ดูเหมือนว่าใบหน้าของเฉียนเยู่ในตอนนี้ก็คงจะหนาพอ ๆ กับทักษะการเล่นลูกเต๋าของเขา เฉียนเย่พลันทําเป็นเมินคําดูถูกเหยียดหยามของฝูงชนไปเลย

ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็ถามขึ้น “อ่า งั้นคุณอยากเล่นอะไรแทนล่ะ? เกมอะไรบ้างล่ะที่ไม่ต้องใช้ดวง ใช้แต่ความสามารถน่ะ?”

แรกในการตัดสินว่าใครเก่งกว่าใคร! ผมว่าเกมเดาตัวเลขอาศัยพึ่งโชคมากเกินไปหน่อย มันแทบจะไม่ได้ใช้ทักษะหรือความสามารถอะไรเลยด้วยซ้ํา”

เสี่ยวเฉิงยักไหล่และตอบกลับ “ได้สิ งั้นมาดูกันว่าใครจะได้ค่าต่ําสุด! เอาไหมล่ะ?”

“ผมเองก็กําลังจะพูดประโยคนั้นอยู่เหมือนกัน ว่าแต่คุณอยากใช้ลูกเต๋าสักกี่ลูกล่ะ?”

“ห้าลูกก็แล้วกัน” เสี่ยวเฉิงตอบ

หลังจากนั้น เฉียนเย่ก็รีบเอาถ้วยรวบลูกเต๋าาทั้งห้าลูกทันที พร้อมกับเริ่มเขย่า

ทว่า สิ่งที่ยังทําให้เซินเหยาอยากเอาเท้าก่ายหน้าผากอยู่ตลอดเวลาก็คือเสี่ยวเฉิงยังคงใช้นิ้วหยิบลูกเต๋าทีละลูกมาใส่ไว้ในถ้วยและเขย่า

ทั้งสองพลันเขย่าไม่หยุด สายตาสองคู่พลันจับจ้องกันโดยไม่แม้แต่จะเคลื่อนตัว ทว่า เฉียนเย่เองก็ใช้หูของตัวเองในการตั้งใจฟังเสียงที่ดังอยู่ภายในถ้วย ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองก็กระแทกถ้วยลงบนโต๊ะพร้อมกัน

“ตาคุณก่อนเลย” เสี่ยวเฉิงกล่าว

เฉียนเย่พลันยกถ้วยขึ้น หลังจากนั้น ทุกคนก็เห็นว่าลูกเต๋าห้าลูกวางทับซ้อนกันอยู่ และลูกเต๋าที่อยู่ด้านบนสุดเผยเลขหนึ่ง ทว่า ระหว่างที่เฉียนเย่หยิบลูกเต๋าออกไปทีละลูกทุกลูกก็เผยให้เห็นแค่เลขหนึ่งเท่านั้น!

ในตอนนี้ นายน้อยฉินที่ยืนดูอยู่ข้างเฉียนเย่ก็พลันเผยเสียงหัวเราะออกมาราวกับรู้สึกพึงพอใจ “ลูกเต๋าแต่ละลูกคือเลขหนึ่งหมดเลย ผลรวมทั้งหมดคือห้า ต่ําสุดเลยนะเนี่ย!”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันขัดจังหวะโดยการพูดแทรกขึ้นมา “เดี๋ยวก่อนนะ ทําไมถึงคิดว่าห้าคือจํานวนต่ําสุดล่ะ?”

นายน้อยฉินพลันจ้องมองมายังเสี่ยวเฉิง “นายล้อกันเล่นหรือเปล่า? ลูกเต๋ามีอยู่ห้าลูก ค่าน้อยสุดก็ต้องเป็นห้าสิ! ถ้าไม่ใช่ห้าแล้วมันจะเป็นอะไรแทนล่ะ?”

ถึงกระนั้น ฝูงชนก็ยังคงคิดว่านายน้อยฉันพูดถูก

แต่ทว่า ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็พลันยกถ้วยขึ้นและกล่าวคําพูด “นี่ต่างหากล่ะต่ําที่สุด”

ทว่า เมื่อฝูงชนขยับตัวเข้ามาใกล้ พวกเขาก็พลันสังเกตเห็นว่าลูกเต๋าทั้งห้าถูกเขย่าจนเป็นผงหมดแล้ว… ไม่มีลูกเต๋าเหลือยอีกแล้ว… ทุกคนพลันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ด้วยความตกใจ

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มเห็นฟันพร้อมกับกล่าวคําพูดออกมา “ของผมคือศูนย์ ต้องขอโทษด้วยนะ ของผมเล็กกว่า เพราะแบบนั้น ผมก็คือผู้ชนะอีกครั้ง!”

นายน้อยฉันพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยความตกใจ “นี่มันบ้าอะไร? ไม่มีลูกเต๋าแล้ว? เป็นไปได้ยังไงกัน?”

เสี่ยวเฉิงพลันชี้นิ้วไปยังเฉียนเย่และพูดขึ้น “ถ้าเขาเป็นมืออาชีพจริง ให้เขาเขย่าลูกเต๋าจนเป็นผงด้วยสิ! แต่ถ้าทําไม่ได้ เขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้! ไม่มีกฎไหนที่บอกว่าได้ห้าแล้วจะเป็นผู้ชนะนี่! ดังนั้น ผมแค่อยากถามคุณอีกครั้ง… คุณกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ไหมล่ะ?”

อึก!

เฉียนเย่แทบจะหงายท้องตกเก้าอี้

อะไรกัน?! แบบนี้ก็ได้เหรอ?