บทที่ 291 ความลับในหลูโจว

มู่หรงจาวคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะราบรื่นเพียงนี้ เรื่องที่แม้ในความฝันก็ยากจะเป็นจริงได้ในหลูโจว เมื่อมาที่ตำบลฉาซู่แค่พูดสองสามประโยค ก็สามารถช่วยนางออกมาจากทะเลแห่งความทุกข์ได้แล้ว!

จางจวิ้นเซิงเจ็บจนสลบไปนานแล้ว แต่ไม่เป็นไรเพราะทหารเกราะเหล็กสามารถจับมือของเขาประทับลายนิ้วมือได้ ตามด้วยของมู่หรงจาว และนับแต่นี้ทั้งสองคนถือว่าทางใครทางมันไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว

มู่หรงจาวถือจดหมายหย่าฉบับหนึ่งเอาไว้ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างกลั้นไม่ไหวตั้งนานแล้ว ฝันร้ายราวกับตกนรกนั่นในที่สุดก็จบลงเสียที ต่อไปนางสามารถมีชีวิตอย่างเที่ยงธรรม ไม่ต้องทนเจ้าสัตว์เดรัจฉานผู้นี้อีก

นางจางร้องไห้และเอ่ยขึ้นมา “ตอนนี้ปล่อยลูกข้าไปได้แล้วกระมัง”

ชาวตำบลฉาซู่ต่างก็กลอกตามองบน มาถิ่นของพวกเราแล้วคิดจะไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ ช่างสายตาคับแคบจริง ๆ!

นายอำเภอเจียงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะถามทหารเกราะเหล็ก “ตีไปกี่ครั้งแล้ว? ข้าเห็นเมื่อครู่เจ้าตีเหมือนไม่ได้กินข้าวมาอย่างไรอย่างนั้น”

ทหารเกราะเหล็กเนี่ยนะที่เหมือนคนไม่ได้กินข้าว แค่ออกแรงก็ร้ายกาจกว่าเจ้าหน้าที่ทั่วไปแล้ว

แต่พวกเขาคล้อยตามเป็นอย่างดี “ตีใหม่”

นายอำเภอเจียงจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ

นางจางเห็นดังนั้นก็รู้ว่านางเดินเข้ารังโจรเสียแล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะมู่หรงจาว! ไม่รู้ว่านางสารเลวนี่สมคบคิดกับนายอำเภอผู้นี้หรือไม่ ถึงได้ช่วยนางถึงเพียงนี้

“อาจาว เจ้าจะมองดูจวิ้นเซิงตายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!”

มู่หรงจาวเป็นคนที่ภายภาคหน้าจะได้เป็นจักรพรรดินี จะมีจิตใจเมตตาอภัยให้จางจวิ้นเซิงได้อย่างไร

“ตายก็สมควรแล้ว ไม่สามารถโทษใครได้”

นางจางได้ยินมู่หรงจาวเอ่ยเช่นนี้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความคับแค้น “เจ้าไม่กลัวลูกในท้องจะรู้…”

มู่หรงจาวมองนางจางด้วยความโมโห “หากว่าเขาคิดว่าข้าผิด ก็ไม่คู่ควรจะเป็นลูกของข้ามู่หรงจาว! วันหน้าแค่ไปที่ที่ว่าการตัดความสัมพันธ์กันก็พอ! อย่างไรซะเขาก็ไม่ได้แซ่จางเหมือนพวกเจ้า เจ้าจะเป็นห่วงไปทำไมกัน”

คำพูดนี้ของมู่หรงจาวคือเรื่องจริง นางลำบากเพียงใดตลอดทางที่เดินมา นางตั้งครรภ์อยู่แต่ต้องทนในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทนได้ เพื่อคลอดเด็กคนนี้ออกมา หากว่าเขาไม่เข้าใจเหตุผล ยังจะช่วยพูดแทนเจ้าสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ ภายหน้ามาตำหนิว่าแม่อย่างนางโหดเหี้ยม เช่นนั้นยังจะเหลือสัมพันธ์แม่ลูกอะไรอีก?

จี้จือฮวนรู้ว่ามู่หรงจาวไม่มีทางทำให้นางผิดหวัง เมื่อเห็นจางจวิ้นเซิงถูกตีจนหายใจรวยริน นายอำเภอเจียงจึงได้ปัดมือไปมา “นำเขาไปขังที่ที่ว่าการ เรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หลูโจวเล่นพรรคเล่นพวก ไร้คุณธรรม ข้าต้องไต่สวนอีกที”

บอกตามตรง นายอำเภอเจียงตอนนี้ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบหลูโจว แต่เขาสามารถทำได้โดยอาศัยไท่ซ่างหวง หากเป็นเมื่อก่อนเรื่องของผู้ว่าการหลูโจว ใช่เรื่องที่เขาจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ที่ใดกัน แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หากสามารถเค้นข่าวที่มีประโยชน์ออกมาได้เล่า แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะไม่เหมาะที่จะทรมานคน ต้องพากลับไปก่อนถึงจะจัดการได้ง่ายกว่า

นางจางย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพาตัวไปด้วย

ฮวาเซียงเซียงเห็นเรื่องจบลงเช่นนี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องจบลงแล้ว ไป ๆ ๆ พวกเรากินกันต่อ อย่าให้คนพวกนี้มาทำให้เสียอารมณ์”

จี้จือฮวนให้คนห่ออาหารว่างให้นายอำเภอเจียงหนึ่งชุด เขาจึงกลับไปที่ว่าการอย่างมีความสุข และตัดสินใจว่าจะสอบสวนเจ้าจางจวิ้นเซิงผู้นี้อย่างละเอียด

มู่หรงจาวเพิ่งกลับเข้ามาในร้าน ก็คารวะอย่างเป็นทางการให้กับพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน

“พอแล้ว แม่นางมู่หรง นี่เป็นเรื่องดี เลิกเสียใจได้แล้ว”

“ใช่ พวกเราก็แค่พูดตามความจริง ช่วยไปตามเหตุผลเท่านั้น!”

มู่หรงจาวทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน พลางจับมือจี้จือฮวนเอาไว้ ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี

จี้จือฮวนรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ไม่เก่ง ดังนั้นหลังจากพูดปลอบใจไม่กี่ประโยค ก็ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป

แต่ในตอนบ่ายนายอำเภอเจียงกลับส่งคนมาที่ร้าน บอกให้จี้จือฮวนรีบไปดู

ประจวบกับเผยยวนกลับมาจากการลาดตระเวนเพื่อมารับนางไปที่ประตูเมืองพอดี ทั้งสองคนจึงได้ไปที่ที่ว่าการด้วยกัน

นายอำเภอเจียงรออยู่ที่ประตูนานแล้ว เมื่อเห็นเผยยวนมาด้วย จึงรีบเดินเข้าไปหา สีหน้าค่อนข้างจริงจัง “แม่ทัพเผย แม่นางจี้ สิ่งที่จางจวิ้นเซิงคายออกมา ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นดีขอรับ”

“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” เผยยวนเห็นสีหน้าของเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

นายอำเภอเจียงพาทั้งสองคนไปที่ห้องหนังสือ เมื่อปิดประตูลงแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ เกรงว่าข้าจะไม่สามารถตัดสินใจเองได้ จึงได้ให้คนไปตามท่านมาขอรับ”

นายอำเภอเจียงดื่มชาไปอีกหนึ่งอึก “เมิ่งซื่อ ผู้ว่าการคนใหม่ของหลูโจวเป็นคนขององค์ชายสาม นับเป็นลูกพี่ลูกน้องของเต๋อเฟย ครั้งนี้ราชสำนักส่งเขาไปเพื่อดูแลการก่อสร้างเขื่อนใหม่ของหลูโจว สองปีก่อนเกิดน้ำท่วมในหลูโจวได้ทำลายหมู่บ้านและตำบลต่าง ๆ ไปมากมาย พื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ำเสียหายเกือบทั้งอำเภอเลยก็มี ราชสำนักจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก”

เผยยวนก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่หลูโจวไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของเขา และเขาไม่สามารถเข้าไปดูแลเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติของราชสำนักได้ เขาจึงไม่ทราบรายละเอียดเท่าไรนัก

“จากนั้นเล่า?”

“เดิมทีการปกครองในหลูโจวก็ไม่ชัดเจนนัก ทุกปีเงินบรรเทาภัยพิบัติที่ราชสำนักส่งไปจะถูกแบ่งสรรปันส่วน เหลือถึงมือของราษฎรเพียงน้อยนิด มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกส่งไปที่นั่น พวกที่ซื่อตรงไม่ยอมประจบสอพลอก็มักจะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุระหว่างทาง บ้างก็ถูกฆ่าตายอย่างกะทันหัน ทำให้ไม่มีใครกล้าไปที่นั่นอีก แต่เมิ่งซื่อกลับจัดการคนเหล่านั้นให้ยอมเชื่อฟังได้”

นายอำเภอเจียงพูดถึงตรงนี้ เผยยวนก็จ้องหน้าเขา “เพราะเหตุใด?”

เขารีบยกกาน้ำชารินชาให้กับเผยยวน “เมิ่งซื่อผู้นั้นมักมากในกามและเป็นคนโลภ แต่นับว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง ดังนั้นเพื่อต้องการประจบประแจงเขา จางจวิ้นเซิงจึงช่วยเก็บกวาดงานทั้งภายในและภายนอกให้เขาไม่น้อย มีครั้งหนึ่งที่เขาเมาจึงคายความลับออกมาเอง สันนิษฐานว่าเมิ่งซื่อผู้นั้นเอาเงินช่วยเหลือภัยพิบัติที่ทางราชสำนักให้มาปูเส้นทางขุนนางของเขาแทนขอรับ”

เผยยวนตบโต๊ะทันที นายอำเภอเจียงถึงกับสะดุ้ง “ข้าคิดว่าที่เมิ่งซื่อกล้าทำเช่นนี้ องค์ชายสามต้องเกี่ยวข้องด้วยเป็นแน่ ใครรู้สถานการณ์อย่างละเอียดของหลูโจวบ้าง? หากเงินนั่นถูกพวกองค์ชายสามชุบมือเปิบไปจริง ๆ เช่นนั้นข่าวต้องไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงเป็นแน่ มู่หรงซื่อก็จากหลูโจวมานานแล้ว ไม่รู้ว่าเขื่อนนั่นในหลูโจวตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่หรือไม่ ข้ากังวลว่าหากเขื่อนนั่นเกิดถล่มลงมาอีก มิเท่ากับจะมีราษฎรบาดเจ็บล้มตายอีกนับไม่ถ้วนหรอกหรือ”

วันนี้หากไม่ใช่เพราะบังเอิญจับตัวจางจวิ้นเซิงที่ปากไม่มีหูรูดได้ เกรงว่าหลูโจวเกิดน้ำท่วมก็คงไม่มีใครรู้

เผยยวนพยักหน้าให้ “เรื่องนี้เจ้าทำได้ดีมาก ส่วนจางจวิ้นเซิงให้เจ้าเก็บเขาเอาไว้ก่อน อย่าให้เขาตาย เรื่องนี้ข้าต้องกลับไปรายงานไท่ซ่างหวงก่อน ดูว่าพระองค์จะมีความคิดเห็นเช่นไร อีกอย่าง เพียงแค่คำพูดของเขาคนเดียวอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ ยังต้องส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ที่หลูโจวก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจได้”

“ข้าขอไปกับท่านด้วยนะขอรับ” นายอำเภอเจียงคิดว่าหากเขาไปด้วยตนเองและนำคำสารภาพไปด้วยคงจะดีกว่า ดังนั้นจึงต้องการจะไปที่หมู่บ้านตระกูลเฉินกับเผยยวนด้วย

เผยยวนมีจ้านอิ่ง ลูกลาน้อยสีสันฉูดฉาดของนายอำเภอเจียงความเร็วย่อมเทียบไม่ได้ ดังนั้นจึงนำตัวรถม้ามาสวมบนตัวของจ้านอิ่งแทน

“นายอำเภอเจียง เจ้านั่งให้ดี ๆ ล่ะ” เผยยวนเอ่ยเตือน

นายอำเภอเจียงปัดมือไปมา “วางใจได้ขอรับ ข้าไม่เป็นไร อ๊ากกก”

เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการหรี่ตาลงและคายดินที่เพิ่งกระเด็นเข้าปากออกมา “เหตุใดม้าตัวนี้ถึงเร็วเพียงนี้กัน!”

เพียงพริบตาก็วิ่งจนไม่เห็นฝุ่นแล้ว!

.

.

.