บทที่ 290 ไต่สวนชายชั่ว

จางจวิ้นเซิงไม่อยากพูดถึงเรื่องน่าอายในบ้านที่นี่

“เกรงว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด…ภรรยาข้าเพียงแค่โวยวายไปเองเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลหรอกขอรับ”

นายอำเภอเจียงเคาะไม้กับโต๊ะอีกครั้ง “มู่หรงซื่อ เขาไม่ยอมพูด เจ้ามีอะไรจะร้องขอหรือไม่?”

จางจวิ้นเซิงจ้องมู่หรงจาวเขม็ง สายตานั้นหากเปลี่ยนเป็นคมดาบได้ เขาคงฟันมู่หรงจาวไปแล้ว

“อาจาว เจ้าจะก่อเรื่องให้ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”

มู่หรงจาวมองจางจวิ้นเซิงด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เหมือนกับตอนนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นนางรำอันดับหนึ่งของหลูโจว

“นายอำเภอเจียง มู่หรงจาวแม้ไม่ใช่ชาวจงหยวน แต่ก็อยู่ในจงหยวนมาหลายปีจึงรู้กฎของที่นี่ดี มู่หรงจาวเจอสามีที่ไม่ดีจึงอยากคืนอิสระภาพให้ตัวเอง ลูกของข้าไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลจาง ขอนายอำเภอเจียงได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ”

นางจางกระทืบเท้าเร่า ๆ ขึ้นมาทันที “เจ้าอยากไปก็ไป แต่เจ้าจะพาหลานข้าไปด้วยไม่ได้”

“น่าขัน กินข้าวคนอื่น ใช้ของของคนอื่น แม้แต่บ้านที่อยู่ก็เป็นเงินของคนอื่นที่ซื้อมา สรุปแล้วก็คือ จางจวิ้นเซิงของเจ้าเป็นฝ่ายแต่งเข้ารู้หรือไม่! เด็กคนนั้นจะเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลจางของพวกเจ้าได้อย่างไร?” ฮวาเซียงเซียงกลอกตามองบน

นางจางเอ่ยอย่างดูแคลน “พวกเจ้าเชื่อที่นางพูดด้วยอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะลูกชายข้าไม่รังเกียจนาง! พวกเราดูเหมือนคนไม่มีเงินอย่างนั้นหรือ?! ไหนเลยต้องให้ผู้หญิงอย่างนางมาจัดการเรื่องเหล่านี้ให้ด้วย”

แต่ใครจะคิดว่ามู่หรงจาวจะหยิบโฉนดที่ดินและโฉนดบ้านของทางการ ที่ต่อให้ต้องหิวตายก็ไม่กล้าโยนทิ้งส่งเดชออกมาจากถุงด้านในแขนเสื้อ โดยชื่อที่เขียนไว้ด้านบนเป็นชื่อของนางจริง ๆ

เมื่อออกมาจากหอนางโลม ต่อให้นางจะเชื่อว่าจางจวิ้นเซิงรักนาง แต่ก็ยังอดที่จะระแวงไม่ได้ ตอนนี้นางดีใจอย่างมากที่ตอนนั้นนางยังเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ตอนที่หนีออกมาด้วยความตื่นตระหนก ยังจำได้ว่าต้องนำสิ่งนี้มาด้วย

แม้ว่าเส้นทางที่มาเมืองหลวงจะขรุขระและลำบากลำบนไม่น้อย แต่ตอนนี้นางกลับไม่เสียใจเลย

ความผิดพลาดแบบเดียวกัน มู่หรงจาวไม่มีทางทำเป็นครั้งที่สอง!

น่าเสียดายที่นางเป็นเพียงเด็กกำพร้า แต่หากมีโอกาสนางจะทำให้ครอบครัวของจางจวิ้นเซิงต้องชดใช้อย่างแน่นอน

เดิมสตรีอาจจะอ่อนแอ แต่หากเป็นแม่คนแล้วกลับแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ นับตั้งแต่ตอนที่จางจวิ้นเซิงไม่สนใจแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง จะเอานางไปเป็นของเล่นของผู้ว่าการมณฑล ชายผู้นี้ก็ตายไปจากหัวใจของนางแล้ว

นางจะไม่มีวันคิดถึงอดีตอีก ไม่อย่างแน่นอน!

“นายอำเภอเจียง นี่เป็นทรัพย์สินของข้าที่หลูโจว ขอท่านตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”

ไม่ใช่นางไม่เคยคิดที่จะไปที่ว่าการหลูโจว แต่นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะต่อกรกับผู้ว่าการคนใหม่ได้อย่างไร? และเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง หลักฐานเหล่านี้หากนางยื่นขึ้นไป เกรงว่าคงจะถูกปัดให้กลายเป็นหลักฐานเท็จเป็นแน่

เช่นนั้นนางยอมหนีไปให้ไกล และคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

ไหนเลยจะคิดว่าเพื่อของเหล่านี้ จางจวิ้นเซิงจะหานางจนเจอและยอมโกหกว่าต้องการลูก

คงเป็นผู้ว่าการที่มักมากในกามผู้นั้นเห็นว่าลูกไก่ในกำมือหนีไปได้ จึงรู้สึกไม่พอใจ จางจวิ้นเซิงเป็นสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ ยากจนตั้งแต่เด็กจะยอมตัดใจทิ้งเงินแม้แต่เหวินเดียวได้อย่างไรกัน?

จางจวิ้นเซิงกะเอาไว้อยู่แล้วว่าของเหล่านี้มู่หรงจาวต้องเป็นคนที่เอามา คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะแผนสูงเพียงนี้ ภายนอกดูเชื่อฟังและอ่อนโยน แต่กลับมีแผนสำรองอยู่ตลอดเวลา?!

“นายอำเภอเจียง ของเหล่านี้ท่านคงไม่เชื่อว่าเป็นของจริงหรอกกระมัง”

นายอำเภอเจียงเงยหน้าขึ้น “เจ้ากำลังบอกว่ามีคนปลอมแปลงตราทางการของที่ว่าการหลูโจวอย่างนั้นหรือ? นี่ถือเป็นคดีใหญ่ ต้องสอบสวนเจ้าหน้าที่หลูโจวทั้งหมดอย่างละเอียด เจ้ารอก่อน ข้าจะเขียนฎีกาขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เขียนชื่อว่าเจ้าเป็นคนแจ้ง หากว่านี่เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเจ้าก็นับว่าสร้างผลงานใหญ่ทีเดียว”

จางจวิ้นเซิงตกใจขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ “นายอำเภอเจียง ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นนะขอรับ”

“สูด เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าเป็นคนบอกว่าของเหล่านี้เป็นของปลอมไม่ใช่หรือ? ประทับตราเช่นนี้ยังจะเป็นของปลอมได้อีก ในฐานะที่ข้าเป็นนายอำเภอ ไม่ควรตรวจสอบว่าใครกันที่กินดีหมีหัวใจเสือกล้าปลอมแปลงโฉนดที่ดินของราชสำนักหรอกหรือ?”

ในหลูโจวเนื่องจากมีเงินของมู่หรงจาว บวกกับมีเจ้าหน้าที่และชนชั้นสูงที่รู้จักกันก่อนหน้านี้คอยช่วย จางจวิ้นเซิงจึงนับว่าเป็นคนที่มีสหายมากมาย

ทว่าเมื่อมาถึงตำบลฉาซู่ ใช่ที่ที่เขาจะสามารถพูดได้ที่ใดกัน

เมื่อเห็นเขาพูดไม่ออก นายอำเภอเจียงก็เคาะไม้ทันที “จางจวิ้นเซิง เจ้านี่เยี่ยมจริง ๆ ปัญหาเหล่านั้นของหลูโจวข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่ง แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในเขตอำนาจของข้า แต่กลับบีบบังคับลูกเมียของเจ้า เช่นนี้ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ นำไปโบยสามสิบทีก่อนค่อยว่ากัน”

เสี่ยวเอ้อเอ่ยเตือนขึ้นมา “ท่านไม่ได้พาเจ้าหน้าที่มาด้วยนะขอรับ”

จี้จือฮวนจึงเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา “คนไม่พอหรือ ข้าจัดการให้เอง”

นางพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทหารเกราะเหล็กสองคนก็เดินเข้าไปจับจางจวิ้นเซิงกดลงไปกับพื้น ส่วนไม้ตีนั้นเค่ออวิ๋นไหลเตรียมสิ่งนี้เอาไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

เพื่อสอนบทเรียนให้กับพวกที่มาสร้างปัญหา ฮวาเซียงเซียงยังได้พันเถาวัลย์หนามเอาไว้รอบ ๆ อีกด้วย เมื่อฟาดลงไปหนามจะทิ่มเข้าไปที่เนื้อ เรียกได้ว่าเจ็บแสบทรมานตราตรึงใจไม่มีวันลืม แค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของจางจวิ้นเซิงก็รู้แล้วว่าน่าสะใจเพียงใด

นางจางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าตีจริง ๆ จางจวิ้นเซิงเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลจางของพวกเขา เป็นแก้วตาดวงใจของนาง เกิดตีจนพิการขึ้นมาจะทำเช่นไร!

“โอ๊ย ฆ่าคนแล้ว! ขุนนางสุนัขจะฆ่าคนแล้ว” นางจางจงใจร้องไห้โวยวายขึ้นมา

นายอำเภอเจียงกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ “ลากออกไปตบปาก ดูหมิ่นศาลเหยียดหยามขุนนางของราชสำนัก ตัดสินเนรเทศเจ้าไปหนึ่งพันลี้ก็ถือว่าไม่มากเกินไป”

นางจางอ้าปากพะงาบ ๆ ก่อนจะมองนายอำเภอเจียงอย่างนิ่งงัน ตอนที่ถูกลากตัวออกไปจู่ ๆ นางก็เข้าไปจับชายกระโปรงของมู่หรงจาวเอาไว้

“อาจาว เจ้าทนใจแข็งได้อย่างไร คิดถึงลูกในท้องของเจ้าด้วยสิ จวิ้นเซิงเป็นพ่อของลูกในท้องเจ้านะ หากเจ้าตีเขาจนตาย ต่อไปเจ้าจะบอกลูกว่าอย่างไร? ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเจ้าจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร! เหตุใดเจ้าถึงใจดำเพียงนี้”

มู่หรงจาวมองไปที่แม่สามีที่นอนอยู่แทบเท้า ก่อนจะเตะนางออกไป

“เจ้าถามว่าข้าทำใจแข็งได้อย่างไร เหตุใดเจ้าไม่ถามลูกชายของเจ้าบ้างเล่าว่าทนใจแข็งได้อย่างไร อย่างไรซะข้าก็เป็นภรรยาของเขา และยังเป็นคนช่วยชีวิตของพวกเจ้าสองคนแม่ลูก! เจ้าช่วยเขาหลอกข้ามาตั้งแต่แรก ปฏิบัติกับข้าอย่างดี บอกว่าจะเป็นแม่ให้ข้า เอาเกี๊ยวมาส่งให้ข้านอกห้องร่ายรำในวันที่หิมะตกหนาวจนสั่นไปทั้งตัว จนข้าเห็นพวกเจ้าเป็นเหมือนครอบครัวจริง ๆ!

แต่เจ้ากลับเผยธาตุแท้ออกมาในภายหลัง ข้ามีอะไรที่ผิดต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ!? เอาเงินของข้าไป ซื้ออนุคนแล้วคนเล่าให้จางจวิ้นเซิง ทั้งยังตั้งใจกลั่นแกล้งข้า บอกว่าผู้หญิงเหล่านั้นบริสุทธิ์ไร้ราคี ดังนั้นให้ข้าคุกเข่าเวลาอยู่กับพวกนาง!

และหลังจากที่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์ก็เอาแต่พูดว่าข้าเป็นหญิงไม่บริสุทธิ์ ลูกที่เกิดมาอาจจะมีปัญหา! ทำไม ตอนที่พวกเจ้าใช้เงินของข้า กลับไม่รังเกียจแม้แต่นิดเดียวเลยไม่ใช่หรือ”

จี้จือฮวนรู้สึกมาตลอดว่าผู้หญิงจะสะอาดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ความบริสุทธิ์ ในฐานะคนสมัยใหม่ นางยิ่งไม่มีทางมองมู่หรงจาวด้วยสายตาที่รังเกียจอย่างแน่นอน

“จางจวิ้นเซิงทำตัวเอง วันนี้ข้าจะต้องตัดสัมพันธ์กับเขาให้ได้!”

นางจางได้ยินประโยคนี้ก็รู้ว่าไม่มีทางกู้สถานการณ์คืนมาได้แล้ว นางจึงรีบเอ่ยขึ้นมา “จากกันด้วยดี พวกเราจากกันด้วยดีเถอะ ส่วนเด็กก็ยกให้สะใภ้ไป พวกเราไม่เอาแล้ว”

อย่างไรเสียที่พวกนางมาก็เพื่อต้องการจับนางกลับไปให้ท่านผู้ว่าการ

“ตอนนี้เจ้าอยากจากกันด้วยดี? ใครบอกพวกเจ้าว่ามีสิทธิ์เช่นนั้นกัน ตามกฎหมายต้าจิ้น หากทรัพย์สินที่เตรียมไว้ก่อนแต่งงานเป็นเงินจากฝ่ายหญิงทั้งหมด ต้องบอกว่าพวกเจ้าถูกหย่าร้างถึงจะถูก ข้าเองก็จำใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ข้าจะเขียนจดหมายหย่าร้างให้พวกเจ้าเดี๋ยวนี้ มู่หรงซื่อ อีกเดี๋ยวเจ้าแค่ประทับลายนิ้วมือก็พอ”

.

.

.