บทที่ 260 ไม่จดทะเบียนสมรส เพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนวานหรือไง

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หยานชิงเจ๋อเห็นว่าได้บัตรคิวมาแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นแล้วจึงดึงซูสือจิ่นไปนั่งที่ที่นั่งพักทางด้านข้าง

แต่ทว่า พึ่งจะนั่งได้ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกเจ็บแสบขึ้นที่แผ่นหลังอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว

เป็นความเจ็บราวกับในฤดูหนาวแรกอย่างชัดเจน ที่หน้าผากของหยานชิงเจ๋อยังมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมาชั้นหนึ่งอีกด้วย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับซูสือจิ่นด้วยเสียงเย็น ๆ ว่า “ฉันไปสูดอากาศก่อน ถึงคิวแล้วก็มาเรียกฉัน”

พูดไป ก็ไม่รอให้ซูสือจิ่นตอบกลับ เขาก็สาวเท้าก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอกแล้ว

ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้นเอง ซูสือจิ่นแม้กระทั่งก็ยังนึกว่าเขารู้สึกเสียใจในภายหลังหรือเปล่านะถึงจากไปแบบนั้น หัวใจของเธอรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย แต่ทว่าในตอนนั้นเองหลับนึกอะไรขึ้นมาได้

ถ้าหากว่าเขาจากไปแล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ไปเสียสิ! เรื่องราวของเมื่อคืนทั้งหมด เป็นเธอที่ไม่ยอมผลักเขาออกเอง ดังนั้นแล้ว เรื่องในวันนี้ทั้งหมดเธอก็จะไม่โทษเขา

อีกทั้งเธอในวันนี้ เพื่ออนาคตของตนเองก็เลยลองดูอีกสักครั้ง ลองกล้าขึ้นอีกสักหน่อย ในอนาคตหากหวนกลับมานึกถึง ก็จะได้ไม่รู้สึกเสียใจในภายหลังอีกต่อไปแล้ว

หยานชิงเจ๋อเดินออกไปที่โถงใหญ่ด้านนอก มีสายลมเย็น ๆ พัดเข้ามาหา ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังก็ค่อย ๆ บรรเทาลงไปบ้างแล้ว สมองจึงแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เขาก้มศีรษะลงไปมอง เห็นว่าในมือของตนเองยังคงกำสมุดทะเบียนบ้านเอาไว้อยู่ ทันใดนั้นเอง ก็สัมผัสได้แล้วว่าตนเองนั้นได้กระทำการบุ่มบ่ามอะไรลงไปบ้างแล้ว

ในตอนที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อเช้านั้นเอง เขาก็รู้สึกราวกับว่าไม่ใช่ตนเองเลย

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามองเห็นซูสือจิ่นบนเตียงของตนเอง การจู่โจมเช่นนี้นั้นมันมากเกินกว่าจะรับเกินไปแล้ว นั่นจึงทำให้เขารู้สึกว่าโลกทั้งนั้นพังทลายลงมา

ดังนั้นแล้ว หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไปหมด ท้าทายบิดาของตนเอง พูดคำพูดทิ่มแทงเหล่านั้นต่อซูสือจิ่น แม้กระทั่ง ยังตกปากรับคำว่าจะไปแต่งงานด้วย!

เขาจะต้องแต่งงานแล้วจริง ๆ หรือเนี่ย?

ยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขายังคงคิดว่าตนเองจะต้องแต่งงานกับเจียงซีหยู่อยู่เลย อีกทั้งซูสือจิ่น ก็เป็นคนที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาโดยตลอดเลยด้วย

แต่ตอนนี้……

หยานชิงเจ๋อบีบนวดระหว่างคิ้วที่รู้สึกปวดตุบ ๆ เล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เขาเปิดรายชื่อการโทร สุดท้ายแล้ว เรียวนิ้วมือก็ไปหยุดอยู่ตรงรายชื่อของเจียงซีหยู่

ในตอนนั้นเอง มีคนเดินผ่านมาที่ทางด้านข้างของเขา ผู้หญิงคนนั้นยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “วันนี้จดทะเบียนสมรสแล้ว พวกเรากลับบ้านไปทานเค้กกันเถอะค่ะ!”

ผู้ชายเอ่ยขึ้นอย่างรักใคร่ว่า “ได้เลย ภรรยาใหญ่ที่สุด จะทานอะไรก็ทานอันนั้นแหละครับ!”

ผู้หญิงหัวเราะ “ทำไมปากหวานขนาดนี้ละคะ?”

ผู้ชายเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นเพราะว่าในที่สุดก็ได้จดทะเบียนสมรสแล้วน่ะสิครับ! ตั้งแต่ยังไม่มีใบขับขี่จนมาถึงมีทะเบียนสมรสมายืนยัน ดังนั้นแล้วจอต้องฉลองกันหน่อยแล้วจริง ๆ ละนะ!”

“คุณ——” ผู้หญิงแสร้งทำเป็นยกหมัดขึ้นจะไปตีชายคนนั้น หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยและหัวเราะกันก่อนจะไปหยิบบัตรคิวแล้ว

หยานชิงเจ๋อได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกัน สีหน้าบนใบหน้าก็ยิ่งสับสนมากขึ้น

เมื่อก่อน เขาเคยจินตนาการว่าสถานการณ์ในตอนจดทะเบียนสมรสก็จะเป็นแบบนี้แหละ กับหญิงสาวที่ตนเองชื่นชอบ เดินพูดคุยแล้วยิ้มแย้มเข้าไปด้วยกัน ถือทะเบียนสมรสออกมากันอย่างมีความสุข

แต่ทว่า ทำไมภายในค่ำคืนเดียว ทั้งหมดกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้เสียแล้วล่ะ?!

เมื่อคิดมาได้จนถึงตอนนี้แล้ว ทรวงอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง แม้กระทั่ง เลือดภายในกายก็ตีรวนขึ้นมา ทำให้สมองของตนเองชัดเจนขึ้นเล็กน้อยแล้ว ก่อนจะเริ่มมีอะไรบางอย่างเลอะเทอะขึ้นมา

เขาไม่รู้ว่าตนเองยืนอยู่ที่ประตูนานมากขนาดไหน จนกระทั่งมีคนเดินเข้ามา ไม่ทันระวังจึงชนกับเขาเข้าให้แล้ว

หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าความเจ็บปวดที่แผ่นหลังตีรวนขึ้นมาในทันที หลังจากนั้น เรียวนิ้วมือสั่นเทา ในตอนที่ตนเองไม่ทันได้รู้สึกตัวอยู่นั้นเอง ก็กดโทรศัพท์หาเจียงซีหยู่ไปเสียแล้ว

ที่เขาคิดไม่ถึงเลยนั่นก็คือ สายนั่นโทรติดแล้ว

เธอรับสายแล้ว

หยานชิงเจ๋อยกโทรศัพท์ขึ้นที่ข้างหู

ทางสายฝั่งนั้น เจียงซีหยู่ไม่ได้เอ่ยอะไร แล้วก็ไม่ได้วางสายด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคนจึงได้ฟังเพียงแค่เสียงลมหายใจของกันและกันเช่นนั้น

เนิ่นนาน ในตอนที่เจียงซีหยู่คิดว่าหยานชิงเจ๋อจะไม่เอ่ยอะไรนั้นเอง ในที่สุดเขากลับเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซีหยู่ครับ”

“อื้ม” เธอขานรับเสียงเบาครั้งหนึ่ง

“ขอโทษนะ” หยานชิงเจ๋อบีบโทรศัพท์มือถือแน่น

มาจนถึงตอนนี้แล้ว เขาสามารถทำได้เพียงแค่เอ่ยขอโทษเท่านั้น

เขากับซูสือจิ่นเกิดความสัมพันธ์กันขึ้นมาจริง ๆ ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ เขาก็ทำเรื่องผิดต่อเจียงซีหยู่ไปเสียแล้ว

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ซูสือจิ่นเห็นว่าหมายเลขด้านหน้าของเธอกำลังจะทำเรื่องเสร็จแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อีกทั้งยังคงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะโทรหาหยานชิงเจ๋อไป

เพียงแต่ พึ่งจะโทรไปเมื่อครู่นี้เอง ในสายกลับมีเสียงดังขึ้นมาว่า ‘กรุณาอย่าพึ่งวางสาย เบอร์โทรศัพท์ที่คุณกำลังติดต่อกำลังต่อสายอื่นอยู่’

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของซูสือจิ่นก็ซีดเผือดขึ้นมาหมดแล้ว

ข้อมือของเธอสั่นเทาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ วางโทรศัพท์มือถือออกจากใบหูลงไป

ที่แท้แล้ว เขาออกไปก็เป็นเพราะเพื่อที่จะไปโทรศัพท์หรือ?

เขาคงจะโทรศัพท์ไปหาเจียงซีหยู่ใช่ไหม? ในเมื่อเช้าวันนี้เจียงซีหยู่ก็เห็นฉากทุกอย่างหมดแล้วแล้วก็ออกจากห้องไป เขาเป็นเพราะว่าคำพูดของบิดาก็เลยไม่สามารถออกไปหาได้ ตอนนี้กว่าจะออกมาได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เขาจะไม่ได้ไปหาเธอได้อย่างไร?

ไม่แน่ ตอนนี้เขาอาจจะกำลังเดินทางไปหาเธอแล้วก็ได้!

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นี้เขาจะตกปากรับคำว่าจะแต่งงานแล้ว ถ้าหากว่าเขาคิดอยากที่จะหลบหนีไปกับเจียงซีหยู่กันสองคน? หรือจะบอกว่าเขาหยิบสมุดทะเบียนบ้านออกมา แล้วก็จะไปจดทะเบียนกับเจียงซีหยู่?!

ซูสือจิ่นรู้สึกเพียงแค่ว่ามีน้ำเย็น ๆ สาดเข้ามาที่ศีรษะอย่างแรง ทำให้เธอเปียกปอนไปหมดแล้ว

เธอสบตามองช่องหน้าต่างของสำนักงานกิจการพลเรือนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แล้วก็เดินราวกับไร้วิญญาณออกไปด้านนอก

เพียงแต่ ในตอนที่เธอเดินไปถึงประตูนั้นเอง ก็มองเห็นเงาของหยานชิงเจ๋อแล้ว

เขาหันหลังให้กับเธอ ร่างทั้งร่างดูผิดหวังทั้งยังดูเหงาหงอย เป็นท่าทางที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

ฝีเท้าของซูสือจิ่น หยุดลงอยู่ที่ด้านหลังของหยานชิงเจ๋อ

หยานชิงเจ๋อยังคงเอ่ยขึ้นกับโทรศัพท์ต่อว่า “ซีหยู่ หาเวลาว่าง แล้วพวกเรามาคุยกันหน่อยเถอะนะ!”

ที่แท้เขาก็โทรศัพท์หาเจียงซีหยู่จริง ๆ สินะ……ซูสือจิ่นกำหมัดเข้าหากันแน่น เธอไม่กล้าที่จะฟังต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ก้าวถอยหลังไป แต่ทว่า กลับไม่รู้เลยว่าทางด้านหลังมีของวางอยู่ เธอยืนไม่มั่นคง ก่อนจะถอยหลังไปชนเข้าแล้วล้มลงไปแล้ว

ด้วยสัญชาตญาณ เธอส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ

ในตอนที่หยานชิงเจ๋อได้ยินเสียงก็กำโทรศัพท์แน่นก่อนจะหมุนตัวกลับไป ในตอนนั้นเองก็เห็นซูสือจิ่นล้มลงไปเรียบร้อยแล้ว

เขายื่นมือเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า มันกลับสายไปเสียแล้ว

เธอนั่งอยู่บนพื้น แทบจะเป็นเพราะเจ็บมาก สีหน้าบนใบหน้าจึงกักเก็บเอาไว้ เจ็บจนพูดไม่ออก

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินผ่านมาที่ด้านข้างของซูสือจิ่น หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วเอ่ยว่า “คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ให้ฉันช่วยพยุงคุณไหมคะ?”

ซูสือจิ่นพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนภายใต้การช่วยพยุงของหญิงสาวคนนั้น

หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่นด้วยสายตาราบเรียบครู่หนึ่ง ก่อนจะหันตัวกลับไป แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อ

ในช่วงเวลานั้นเอง ซูสือจิ่นแม้กระทั่งรู้สึกว่านี่มันเจ็บปวดมากกว่าที่ตนเองล้มลงไปเสียอีก

ริมฝีปากของเธอสั่นเทา ท้ายที่สุดแล้วก็สามารถส่งเสียงออกมาได้

ในตอนที่เธอกำลังจะหันไปเอ่ยกับเขาว่าช่างมันเถอะ ในตอนที่จะไม่จดทะเบียนสมรสแล้ว หยานชิงเจ๋อไม่รู้ว่าพูดคุยกับอะไรกับเจียงซีหยู่ในสายบ้าง เขาดูมีความหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะวางสายไปแล้ว หลังจากนั้น เขาหมุนตัวแล้วสาวเท้าก้าวยาว ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่

ช่วงเอวของซูสือจิ่นยังคงรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่ทว่า ก็ยังคงข่มความเจ็บปวดและเดินตามเข้าไปแล้ว

“จะทำอะไรคะ?” เธอเอ่ยถามเขา

“จดทะเบียนสมรส” หยานชิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ก็เดินไปนั่งลงที่ช่องหน้าต่างที่เรียกหมายเลขของพวกเขาเมื่อครู่นี้แล้ว

ซูสือจิ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หรือว่า เมื่อครู่นี้เขาโทรศัพท์ไปปฏิเสธอะไรเจียงซีหยู่หรือ ดังนั้นแล้วถึง……

“ทั้งสองท่าน นำคิวหมายเลขเมื่อครู่นี้กับเอกสารรับรองมาให้ฉันได้เลยค่ะ” พนักงานทำลายความคิดของซูสือจิ่นเข้าให้แล้ว

หยานชิงเจ๋อส่งสมุดทะเบียนบ้านไปให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าซูสือจิ่นยังไม่ขยับ เขาจึงหันศีรษะกลับไปมอง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เร็วสิ ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกนะ”

ซูสือจิ่นส่งเอกสารไปให้ราวกับว่าเป็นหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน หลังจากนั้นถึงจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่หยานชิงเจ๋อเขาเอ่ยว่ามีธุระเมื่อครู่นี้……

เขาจะไปหาเจียงซีหยู่หรือ? แต่ทว่า ทำไมต้องจดทะเบียนสมรสกันอีกด้วยล่ะ?

พนักงานส่งเอกสารสองใบมาให้ “ทั้งสองท่าน เชิญเขียนข้อมูลลงในใบตารางค่ะ”

หยานชิงเจ๋อรับมา ก่อนจะหยิบปากกาขึ้น เดิมก็ไม่มีความลังเลใด ๆ เลย ดังนั้นจึงเขียนลงไปแล้วอย่างรวดเร็ว

ซูสือจิ่นไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ เธอในตอนนี้ นั่งมองหยานชิงเจ๋อที่กำลังนั่งเขียนอยู่ทางด้านข้าง รู้สึกเพียงแค่ว่าภายในหัวสมองขาวโพลนไปหมด

เธอบีบปากกาแน่น ก่อนจะมองเห็นตัวอักษรทีละตัวเข้าสู่สายตา เดิมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร

แทบจะรู้สึกได้ถึงซูสือจิ่นไม่ขยับเขยื้อนมาโดยตลอด หยานชิงเจ๋อหันศีรษะกลับไปมอง ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “ทำไมไม่เขียนแล้วล่ะ ไม่จดทะเบียนสมรสกันเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เธอทำเมื่อคืนวานแล้วหรือไง?”

ปากกาในมือของซูสือจิ่นสั่นเทาในทันที ทันใดนั้นเอง บนเอกสารก็มีเส้นหยัก ๆ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งเส้น

เธอรู้ว่าเมื่อคืนวานเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแล้ว เขาจะต้องเกลียดเธอเป็นอย่างมาก อีกทั้งก็ไม่สามารถยอมรับเธอได้

แต่ทว่า เธอก็เข้าใจ ถ้าหากว่าตนเองถอดใจเช่นนี้แล้ว บางทีในอนาคตพวกเราก็อาจจะเป็นคนแปลกหน้าบนถนนขึ้นมาแล้วจริง ๆ ก็ได้

ภายในหัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรง แม้กระทั่งดวงตาก็ยังรู้สึกแสบร้อนขึ้นมาแล้ว ซูสือจิ่นยังคงบีบปากกาเอาไว้แน่น ก่อนจะเริ่มเขียนข้อมูลของตนเองลงใบ

เรียวนิ้วมือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย มันสั่นไหวไม่หยุด การเขียนตัวอักษรออกมานั้น มันยากลำบากมากเลย

จนท้ายที่สุดแล้ว ในที่สุดเธอก็เขียนเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ส่งใบตารางกลับคืนไป

พนักงานที่ช่องหน้าต่างรับเอกสารเข้าไปพิมพ์ข้อมูลลงในระบบ เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของทั้งสองคนไม่ค่อยดีมากนัก จึงอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “การแต่งงานเป็นเรื่องที่จะต้องผ่านการยินยอมจากทั้งสองคน ขออนุญาตถามนะคะว่าพวกคุณทั้งสองคนยินยอมหรือไม่คะ?”

หยานชิงเจ๋อพยักหน้า แต่ทว่าที่หัวคิ้วกลับขมวดติดกันแน่น ที่ใบหูของเขา ก็ยังคงมีคำพูดที่เจียงซีหยู่ที่บอกกล่าวกับเขาอยู่เลย เธอบอกว่าเธอจะไม่ให้อภัยเขาตลอดไป

ซูสือจิ่นสบตามองหยานชิงเจ๋อครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าแก่พนักงาน

พนักงานพิมพ์ข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ถ่ายเอกสารกระดาษผ่านหนึ่งออกมา “ทั้งสองท่านนำกระดาษใบนี้ไปชำระเงินที่ตู้ถ่ายรูปนะคะ หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็ไปที่ตึกด้านข้างเพื่อไปจดทะเบียนสมรสฟรี หลังจากนั้นก็ค่อยกลับมารับเอกสารค่ะ”

หยานชิงเจ๋อพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปรับเอกสาร หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน

ซูสือจิ่นเดินตามเขาอยู่ทางด้านหลัง เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหยานชิงเจ๋อดูแข็งเกร็งเล็กน้อยแล้ว เธอคิดอยากที่จะถามเขาว่าเขาเจ็บที่แผลหรือเปล่า แต่ทว่า ตอนนี้เขาเดินไปที่ช่องหน้าต่างชำระเงินแล้ว หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจเธออีก แล้วเดินมุ่งตรงไปที่ห้องถ่ายรูป

คู่ก่อนหน้านี้พึ่งจะถ่ายรูปกันเสร็จไปเมื่อครู่นี้เอง หยานชิงเจ๋อวางเอกสารเอาไว้อย่างดี หลังจากนั้น ก็เดินไปนั่งบนม้านั่งตรงกลางแล้ว

ซูสือจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ทางด้านข้างของเขา

เธอไม่กล้าหันศีรษะกลับไปมองเขาเลย เพียงแค่รู้สึกว่าร่างทั้งร่างที่แข็งเกร็งของตนเองพิงเข้ากับทางฝั่งด้านข้างของเขาแล้ว แทบจะไร้หนทางที่จะขยับเขยื้อนไปไหนเลย

“ทั้งสองท่านคือหยานชิงเจ๋อกับซูสือจิ่นใช่ไหมครับ?” ตากล้องเอ่ยถาม “เจ้าสาวนั่งไกลเกินไปแล้วครับ เข้าใกล้เจ้าบ่าวอีกนิดหนึ่ง ยิ้มน้อย ๆ เลยครับ……”

ซูสือจิ่นนั่งตัวตรงราวกับเป็นต้นไม้ รู้สึกว่ามือไม่ทันได้ระวังจึงไปแตะเข้ากับหยานชิงเจ๋อเข้าให้แล้ว ร่างทั้งร่างของเธอจึงอดที่จะสั่นไหวไม่ได้

“ผ่อนคลายครับ——” ตากล้องยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “ทั้งสองท่านเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่สวยหล่อกันมากเลยนะครับเนี่ย เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมเห็นว่ามีคู่สามีภรรยาที่เหมาะสมกันมากขนาดนี้ ทุกคนยิ้มน้อย ๆ หน่อยครับ เตรียมตัวนะครับ สาม สอง หนึ่ง! เรียบร้อยแล้วครับผม!”

ตามมาด้วยเสียงบันทึกภาพจากกล้องถ่ายรูปดังขึ้นมา ตากล้องหันกลับไปดูหน้าคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเอ่ยว่า “ทั้งสองท่านมาดูภาพถ่ายของตัวเองกันสิครับ!”

ซูสือจิ่นเห็นหยานชิงเจ๋อลุกขึ้นยืนแล้ว เธอก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นตาม ก่อนจะเดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์

ภาพด้านใน เธอกำลังยิ้มอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าร่างของตนเองนั้นเกร็งไปทั้งร่าง แต่ทว่า สายตากลับเป็นประกายส่องสว่างออกมา

ในที่สุดเธอก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอหลงรักมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาอาจจะยังไม่สามารถยอมรับเธอได้ แต่ทว่า ถ้าหากว่าเธอทำดีต่อเขา ลองตั้งใจดูสักตั้งแล้วละก็ ในอนาคต ในอนาคตที่จะถึงนี้ก็คงจะสามารถมีความสุขหรือเปล่านะ?