ขณะที่ซูสือจิ่นกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หยานชิงเจ๋อก็เดินไปถึงหน้าประตูแล้ว เดิมทีเขาไม่ได้มองไปที่รูปถ่ายเลยด้วยซ้ำ เอาแต่มองไปทางอื่น แต่ตอนนี้พบว่าซูสือจิ่นไม่ได้ตามมาด้วย
ความเจ็บปวดที่ด้านหลังค่อยๆกัดกินเรี่ยวแรงของเขาทีละนิดๆ เขาจึงหันกลับมาอย่างหงุดหงิด ก็เห็นว่าซูสือจิ่นยังคงมองรูปถ่ายอยู่ คิ้วของเขาก็อดที่จะขมวดขึ้นมาไม่ได้
เขาคว้าแขนของเธอมา ไม่พูดไม่จา ดึงเธอเดินตรงออกไป
หยานชิงเจ๋อดึงเธอไปยังห้องตรวจร่างกายก่อนแต่งงานที่อยู่ข้างๆ
หมอเอาข้อมูลของทั้งสองคนมาแล้ว จากนั้นก็พูดว่า : “ทั้งสองท่าน จำเป็นจะต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจดู มีใครกลัวเลือดไหม?”
ซูสือจิ่นหน้าซีดเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรเธอก็กลัวการฉีดยามาตลอด เพียงแต่ว่าเธอยังคงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ส่ายหัว
หยานชิงเจ๋อชำเลืองมองเธอ แล้วพูดกับหมอว่า : “เธอไม่สะดวกที่จะเจอะเลือด เจอะแค่ฉันก็พอ”
หมอยิ้มอย่างอดไม่ได้ : “การตรวจร่างกายก่อนแต่งงานจำเป็นต้องตรวจทั้งสองคน ดังนั้นจำเป็นจะต้องเจอะเลือดทั้งคู่ อย่างนั้นคุณผู้ชายก่อนเลย! เชิญวัดความดันโลหิตก่อนเจอะเลือดสักเล็กน้อย”
หยานชิงเจ๋อนั่งลง จากนั้นหมอก็วัดความดันโลหิตให้ หมอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “ยังหนุ่มอยู่เลย ทำไมความดันโลหิตของคุณถึงค่อนข้างสูงเลยล่ะ?”
หยานชิงเจ๋อเองก็รู้ดีว่ามันเกิดจากการได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน เขาจึงส่ายหัว : “อาจจะเป็นเพราะว่าฉันดื่มเหล้ามากไป”
หมอจึงกล่าวแนะนำว่า : “อย่าเห็นว่ายังหนุ่มยังแน่นอยู่ก็ไม่ต้องระมัดระวังสุขภาพนะ ต้องรักทะนุถนอมดูแลร่างกายของตนเองเอาไว้……”
เธอเจาะเลือดให้หยานชิงเจ๋อไปด้วย แล้วถามซูสือจิ่นไปด้วย : “คุณซู ก่อนหน้านี้พวกคุณเคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนไหมคะ? เคยทำแท้งหรือเปล่า? แล้ววางแผนจะมีลูกกันเมื่อไหร่คะ?”
ในชั่วพริบตาใบหน้าของซูสือจิ่นก็แดงขึ้นมา สายตาของซูสือจิ่นมองไปทางหยานชิงเจ๋อเล็กน้อย แล้วดึงสายตากลับทันที พูดว่า : “ไม่เคยทำแท้งค่ะ เอ่อคือเมื่อวาน เพิ่งเป็นครั้งแรก……แล้วก็ยังไม่ได้วางแผนจะมีลูกค่ะ”
หมอพยักๆหน้า : “ปกติแล้วประจำเดือนมาตรงเวลาไหม? กี่วันมาครั้งหนึ่ง? ปริมาณของแต่ละครั้งเป็นอย่างไรบ้าง?”
ถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหยานชิงเจ๋อแล้ว แต่คำถามเหล่านี้ยังคงทำให้ใบหน้าของซูสือจิ่นร้อนผ่าว
เธอพูดเบาๆว่า : “มาปกติตรงเวลาค่ะ โดยประมาณ 30 วัน ปริมาณก็ค่อนข้างจะเท่าๆกันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา”
หมอกล่าวว่า : “อืม พวกคุณดีมากเลย ไม่เหมือนบางคนที่มาจดทะเบียน เคยทำแท้งตอนอายุ 14 ปี……เพียงแต่ถ้าพวกคุณยังไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก ก็อย่าลืมใช้ยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมด้วยนะคะ”
ซูสือจิ่นอยากจะมุดดินหนีอย่างมาก แต่หมอยังพูดต่ออย่างเป็นเรื่องปกติว่า : “สวมถุงยางอนามัยจะดีที่สุด ถึงแม้ว่าการสวมถุงยางอนามัยแล้วยังตั้งครรภ์ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่อัตราที่เป็นไปได้มันต่ำมาก ส่วนยาคุมกำเนิด ทานให้น้อยจะดีที่สุด โดยเฉพาะหลังจากทานยาคุมกำเนิดแล้ว หนึ่งปีไม่ควรเกินสองครั้ง มิเช่นนั้นจะทำให้ประจำเดือนมาแปรปรวน และส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ค่ะ……”
ซูสือจิ่นก้มหน้าลงเล็กน้อย มันไม่ง่ายเลย จนกระทั่งรอหมอพูดจนจบ
ในที่สุดการตรวจทั้งหมดก็เสร็จสิ้น ทั้งสองคนนำใบเสร็จกลับไปที่ช่องเคาน์เตอร์
เจ้าหน้าที่รับใบเสร็จมา จากนั้นก็พิมพ์ที่คอมพิวเตอร์สักพัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องปริ้นตามมาทันที
ซูสือจิ่นมองเห็นที่ข้างๆเครื่องปริ้นมีใบรับรองค่อยออกมาทีละแผ่นๆ หลังจากรอพิมพ์ใบรับรองของทั้งสองคนเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็หยิบสมุดสีแดงมาสองเล่ม นำใบรับรองใส่เข้าไป แล้วยื่นให้ตรงช่องเคาน์เตอร์ ยิ้มแย้มแล้วพูดกับทั้งสองคนว่า : “ทั้งสองท่าน กรุณาเก็บทะเบียนสมรสไว้ให้ดีๆ ขอให้ทั้งสองท่านมีความสุขในวันแต่งงานนะคะ!”
เมื่อซูสือจิ่นได้ยินประโยคนี้ เธอก็ตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอมองไปที่เจ้าหน้าที่แล้วถามอย่างใจลอยว่า : “เราจดทะเบียนสมรสกันเสร็จแล้วเหรอคะ?”
เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วพูดว่า : “ค่ะ ได้บันทึกเข้าสู่ระบบแล้ว การสมรสของทั้งสองท่านยังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศ อีกอย่างหนึ่ง ที่สำนักงานเขตของเราเริ่มจัดให้มีพิธีกล่าวคำปฏิญาณสำหรับคู่บ่าวสาวฟรี ทั้งสองท่านสามารถนำทะเบียนสมรสไปดำเนินการกล่าวคำปฏิญาณและความยุติธรรมเที่ยงตรงได้เลยค่ะ”
“อ๋อ” ซูสือจิ่นรู้สึกเหมือนว่าฝันไป เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า : “ขอบคุณค่ะ”
เธอกำลังจะหยิบสมุดเล่มนั้น หยานชิงเจ๋อก็หยิบมันขึ้นมาทั้งสองเล่ม หลังจากนั้นก็เดินไปยังด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ซูสือจิ่นเดินตามหลังเขา รู้สึกแค่ว่าเท้าที่เหยียบลงบนพื้น แต่ละก้าวๆสัมผัสได้ชัดเจนและมั่นคงยิ่งขึ้น
ในที่สุดเธอก็ได้แต่งงานกับเขา ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเขาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ดังนั้นเธอจึงเป็นภรรยาของหยานชิงเจ๋อ และเขาก็เป็นสามีของเธอ……
เมื่อนึกถึงคำว่าสามี หัวใจที่รู้สึกเย็นชาของซูสือจิ่น ก็มีความอบอุ่นซึมผ่านออกมา ร่างกายและจิตใจมีความอบอุ่นขึ้นมาในทันที มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
เพียงแต่เพิ่งจะออกจากประตูห้องโถงสำนักงานเขตไป หยานชิงเจ๋อก็หยุดเดิน จากนั้นก็นำสมุดเล่มแดงในมือโยนให้ซูสือจิ่น : ” เอากลับไปรายงานผลได้เลย!”
เดิมทีหัวใจที่โบยบินของซูสือจิ่นก็ราวกับจมลงสู่ก้นบึ้งในทันที ที่แท้ที่เขารีบร้อนจดทะเบียนสมรส เพียงเพื่อจะรายงานผลโดยเฉพาะเลยใช่ไหม?!
เพราะความใจลอยของเธอ ทะเบียนสมรสสองเล่มนั้นที่โยนมาให้ซูสือจิ่นไม่ได้รับไว้ มันจึงตกลงไปบนพื้น
สมุดเล่มแดงตกลงบนพื้น สีสันสดใสแสบตา และคำว่า ‘ทะเบียนสมรส’ ข้างบนนั้น ยิ่งเหมือนมีดหนึ่งเล่ม ที่ตรงเข้ามาทิ่มแทงดวงตาของเธอ
ซูสือจิ่นก้มลงไปเก็บสมุดสองเล่มนั้นขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา
เธอรู้สึกได้ว่าน้ำตาของตนเองไหลออกมา ดังนั้นจึงก้มลงเป็นเวลานานไม่ได้ลุกขึ้น จนกระทั่งขอบตาแห้งแล้ว เธอจึงลุกขึ้นมา
แต่ในเวลานี้ หยานชิงเจ๋อก็ได้ออกไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
ใช่สิ เขาบอกว่าเขามีธุระ น่าจะรีบไปหาเจียงซีหยู่ใช่ไหม?
ซูสือจิ่นถือสมุดเล่มแดงสองเล่มนั้นไว้ รู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปโอบกอดตัวเองไว้แน่น
และในเวลานี้หยานชิงเจ๋อได้เดินอย่างรีบร้อนไปที่รถ แล้วดึงประตูเปิดออก
เขาไม่ได้สตาร์ตรถ เขาเอนหลังพิงเบาะ แล้วหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
ที่ด้านหลังเจ็บปวดอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าตนเองแทบจะรับไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงเปิดหน้าต่างรถเป็นช่องเล็กๆ จากนั้นจึงสตาร์ตรถ เพื่อเปิดลมร้อน
เสียงข้างหูยิ่งห่างออกไปมากขึ้น ในสมองก็เริ่มไม่ชัดเจนขึ้นมาทีละน้อยๆ พละกำลังที่แข็งแรงทั้งหมดก็เริ่มหายไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งมีดวงดาวปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่หยุด ในที่สุด ก็สูญเสียความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง
หน้าประตูทางเข้าสำนักงานเขต ซูสือจิ่นยืนอยู่ที่นั่นอย่างอกสั่นขวัญหาย เพราะไม่ได้พกเงินมา ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้มือถือเรียกรถ
เธอรออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดรถคันหนึ่งก็มาถึง จึงดึงเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่ง
ตอนที่เธอเรียกรถ เธอไม่ได้ใส่ข้อมูลปลายทาง ดังนั้น คนขับรถจึงต้องกล่าวถามเธอ: “คุณผู้หญิง จะไปไหนดีครับ?”
ซูสือจิ่นได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมาทันที
ต้องการกลับบ้านไหม? เธอจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ถ้ากลับไป หยานชิงเจ๋อไปได้กลับไปด้วยกันกับเธอ เช่นนั้น เธอจะอธิบายว่าอย่างไรล่ะ?
แต่ถ้าไม่กลับไป เธอจะไปที่ไหนดีล่ะ?
ซูสือจิ่นเห็นคนขับคล้ายกับรีบร้อน ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า: “คุณขับไปเรื่อยๆก่อนเถอะ!”
เมื่อรถเคลื่อนที่ เธอมองวิวทิวทัศน์ภายนอก เธอก็พบว่าไม่รู้ว่าตนเองจะไปไหนจริงๆ วันนี้จดทะเบียนสมรสฉุกละหุกเกินไป แม้แต่เรื่องเรือนหอทั้งสองตระกูลก็ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกันด้วยซ้ำ ตอนนี้…….
และในเวลานี้ มือถือของซูสือจิ่นก็ดังขึ้น เธอเห็นว่าเป็นพ่อ ด้วยเหตุนี้จึงรีบกดรับสาย: “พ่อ”
ซูเผิงฮวากล่าวว่า: “เสี่ยวจิ่น จดทะเบียนสมรสกับชิงเจ๋อเสร็จแล้วหรือยัง? ตอนเย็นพวกเราไปทานข้าวกันที่Royal Empireดีไหม?”
ซูสือจิ่นใจสั่น ลังเลใจอยู่สองวินาที ก็เอ่ยปากออกมาว่า: “พวกเราจดทะเบียนกันแล้วค่ะ แต่เขาบอกว่าตอนเย็นต้องการไปกับฉันตามลำพัง ดังนั้น…..”
เพียงซูเผิงฮวาได้ฟังก็ยิ้ม แล้วกล่าวว่า: “โอเค เดิมทีก็คือวางแผนให้ทุกคนมาด้วยกันนั่นแหละ ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็คงไม่รบกวนพวกคุณสองสามีภรรยาแล้ว เว่ยคุนจัดการเรื่องเรือนหอให้พวกคุณแล้วนะ ก่อนหน้านี้ได้ตกแต่งปรับปรุงสถานที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ตอนบ่ายจะให้คนเข้าไปจัดการเก็บกวาดทำความสะอาด ตอนเย็นพวกคุณก็สามารถเข้าไปพักที่นั่นได้เลย กุญแจที่นั่นชิงเจ๋อมีอยู่แล้ว……”
ซูสือจิ่นได้ฟังคำพูดของพ่อแล้ว ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที คืนนี้ คาดว่าหยานชิงเจ๋อคงจะอยู่ด้วยกันกับเจียงซีหยู่ เมื่อกี้ที่จดทะเบียนสมรสแล้ว เขาก็จากไปอย่างรีบร้อน แม้แต่ใบทะเบียนสมรสก็โยนไว้บนพื้นโดยไม่ชายตามองแม้แต่น้อย
แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยต่อหน้าผู้ใหญ่
ซูสือจิ่นกับซูเผิงฮวาพูดคุยกันอีกสองสามคำ จากนั้น ก็วางสายไป
คืนนี้ เธอไม่สามารถไปที่ไหนได้เลย เช่นนั้น——
ซูสือจิ่นจึงกล่าวกับคนขับรถว่า: “พี่คนขับ คุณช่วยไปส่งฉันที่โรงแรมHoliday ที่ถนนหนานเหว่ยด้วยค่ะ!”
มาถึงโรงแรมเช็กอินเข้าพักแล้ว ซูสือจิ่นก็นั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง รู้สึกเงียบสงัดจนทำให้คนหวาดกลัว
เธอทำได้เพียงเปิดทีวี ถึงแม้จะไม่ได้ดูโดยสิ้นเชิง แต่ความครึกครื้นเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ก็คล้ายกับว่าจะดีกว่าเมื่อกี้
ซูสือจิ่นนั่งอยู่หน้าทีวีอยู่แบบนั้น มองดูหน้าจออยู่ตลอด
จนกระทั่ง ในทีวีมีเสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา——
เธอจึงเหลือบตาไปมองอย่างไร้จิตวิญญาณ ก็เห็นว่าเจ้าบ่าวสวมชุดย้อนยุคสีแดงในละครทีวีกำลังส่งแขกไปพลาง พูดกับตัวเองไปพลางว่า: “สี่เรื่องที่ทำให้มีความสุขที่สุดในชีวิต การส่งตัวเข้าหออยู่ในอันดับต้นๆ……”
ดวงตาที่ว่างเปล่าของซูสือจิ่นหดแคบลงในทันที
วันนี้ คือวันแต่งงานของเธอกับหยานชิงเจ๋อไม่ใช่เหรอ?
และวันนี้ ตามประเพณีแล้ว เป็นคืนแห่งการแต่งงานของพวกเขา…..
เธอรู้สึกหิวเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนสายตามองไปนอกหน้าต่าง
ที่แท้ เวลาก็ผ่านมานานแล้วเหรอ? สีท้องฟ้าได้มืดสนิทลงแล้ว เพราะเป็นเดือนแรกของฤดูหนาว ข้างนอกจึงค่อนข้างมืดเร็ว ในชั้นบนที่เธอพักอยู่ สามารถมองเห็นแสงไฟที่สว่างไสวของเมืองด้านล่างได้
ซูสือจิ่นลุกขึ้นยืน เดินไปยังหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น ข้างหูของเธอมีเสียงของแม่ที่เคยพูดกับเธอในตอนนั้นดังขึ้น
เวลานั้น แม่ยังไม่ได้จากโลกนี้ไป จำได้ว่าเป็นคืนในฤดูหนาวคืนหนึ่ง เธอยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่างมองดูคนจำนวนไม่น้อยนำโคมไฟมาแขวนที่ระเบียงหน้าต่างในช่วงเทศกาลปีใหม่
แม่ได้เดินมาข้างๆเธอแล้วถามว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เธอหันหน้ากลับมา: “ฉันกำลังคิดว่าเมื่อตอนยังเด็กมันง่ายมากที่จะมีความสุขและอิ่มอกอิ่มใจในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่เมื่อยิ่งโตขึ้น ก็เหมือนกับว่าความสุขก็ยิ่งลดน้อยลงไป
ในตอนนั้นแม่ลูบผมของเธอ ชี้ไปที่แสงไฟด้านล่างแล้วกล่าวว่า: “สือจิ่น เห็นไหมว่า แสงไฟแต่ละดวงเป็นตัวแทนของแต่ละครอบครัว และในแต่ละครอบครัว ล้วนมีเรื่องที่มีความสุขและไม่มีความสุข เพียงแต่ สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้มีความสุขมากที่สุด ในความสามารถที่มีอย่างจำกัดของตนเอง
ซูสือจิ่นเป่าปากไปที่หน้าต่าง บนหน้าต่างก็เกิดเป็นไอหมอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอยกปลายนิ้วขึ้น แล้วเขียนไปที่ด้านบนเบาๆ
‘ชิงเจ๋อ’
เธอไม่รู้ว่ากี่ครั้งกี่หนแล้วที่แอบเขียนชื่อของเขา
เพียงแต่ไอหมอกได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว ชื่อของเขาก็ละลายกลายเป็นหยดน้ำ
แต่ถึงแม้ว่าจะหายไป ด้านบนก็ยังคงเหลือร่องรอยจางๆ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เคยเขียนเอาไว้
ซูสือจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆหายใจนำความโศกเศร้าที่มีมาตลอดทั้งวันออกมาอย่างช้าๆ
เธอพูดกับแสงไฟด้านล่างว่า: “แม่ ฉันจะมีความสุขให้ได้”
ก่อนหน้านี้ รู้สึกว่ามันยากมากที่จะตีสนิทกับหยานชิงเจ๋อถึงแม้จะมีความเกี่ยวข้องกันเล็กน้อยแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอได้เป็นภรรยาของเขาแล้ว นี่คือเรื่องที่ในอดีตไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แม้แต่เรื่องแบบนี้ยังสามารถเกิดขึ้นจริงได้ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกล่ะ?
ซูสือจิ่นคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าในเลือดมีความร้อนที่ค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นมา ช่วยอบอุ่นหัวใจที่เศร้าสลดและหนาวเหน็บทีละน้อยๆ
เธอส่งยิ้มไปยังนอกหน้าต่าง
พรุ่งนี้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว