บทที่ 236 มาที่ร้านขายผ้าอีกครั้ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 236 มาที่ร้านขายผ้าอีกครั้ง

บทที่ 236 มาที่ร้านขายผ้าอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าและกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ได้ ข้าจะยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านตอนนี้ ข้าจะรอท่านลุงข่ง”

“ได้!” ข่งฟางกล่าวอย่างมีความสุข “เช่นนั้นแม่นางกู้ก็ไปรอที่บ้านของข้า”

ครั้นทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย ข่งฟางพาทั้งสามกลับเข้าเมือง เมื่อพวกเขาไปถึงถนน ข่งฟางก็รีบจากไป เขาต้องรีบไปเจรจาราคากับผู้ขาย

พวกกู้เสี่ยวหวานทั้งสามคนลงจากเกวียนลา และพบร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง แต่ละคนสั่งบะหมี่หยางชุนคนละหนึ่งชาม ซึ่งราคาชามละสิบห้าเหรียญ

ป้าจางคิดว่ามันแพงเกินไป นางจึงรีบกล่าวว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ข้าไม่ต้องการเนื้อสัตว์ เถ้าแก่ เอาบะหมี่ธรรมดามาให้ข้าเถอะ!”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและกล่าวว่า “ท่านป้าจาง ถ้าท่านออกมากับข้าก็กินบะหมี่หยางชุนได้ ตราบใดที่ท่านป้าไม่รู้สึกขายหน้า!” ป้าจางและฉือโถวใช้เกวียนวัวเพื่อพานางเข้ามาในเมืองซึ่งเสียเวลาไปแทบจะทั้งวัน ตนเองจะเลี้ยงแค่บะหมี่หยางชุนชามหนึ่ง นางก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว

“เจ้าเด็กนี่!” ป้าจางดุ “บะหมี่หยางชุนนี้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามารถกินได้บ่อยอย่างนั้นหรือ? บะหมี่หยางชุนชามละตั้งสิบห้าเหรียญ นี่สามารถซื้อบะหมี่เกาเหลียงได้ถึงห้าชั่งเชียวนะ”

กู้เสี่ยวหวานรู้ความหมายของป้าจางดี นางเคยชินกับการใช้ชีวิตที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบจึงไม่สามารถใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยได้

“เถ้าแก่ เอาบะหมี่หมูมาสามชาม!” กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจคำพูดของป้าจางและหันไปพูดกับเถ้าแก่ที่อยู่ข้าง ๆ เถ้าแก่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าสาวน้อยผู้นี้จะเป็นคนเลี้ยง เขาจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างเร่งรีบและลวกเส้นลงไป

ป้าจางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกฉือโถวที่อยู่ด้านข้างจับมือไว้ “ท่านแม่ นี่คือความตั้งใจของเสี่ยวหวาน อย่าขัดเจตนานางเลย!”

ป้าจางยังคงอยากจะบ่นพึมพำบางอย่าง แต่เมื่อเห็นฉือโถวกล่าวเช่นนี้ นางจึงทำได้เพียงยอมแพ้ แม้ว่าในใจจะมีความสุขมาก แต่ก็ยังรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยกับความหรูหรานี้ นางพึมพำ “มันแพงมาก!”

แต่หลังจากที่บะหมี่ถูกยกมา ครั้นป้าจางเห็นหมูในชามก็ยังลังเลที่จะกินมัน นางหยิบตะเกียบหลายคู่ส่งให้กู้เสี่ยวหวานและฉือโถวพลางกล่าวว่า “พวกเจ้ากินให้เยอะ ๆ!”

กู้เสี่ยวหวานจะหลบเลี่ยงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ นางเห็นป้าจางคีบหมูจากชามของนางมาใส่ชามของตนเอง กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปฏิเสธ และลงมือกินบะหมี่ในชาม แต่แอบสาบานในใจว่าในอนาคตนางจะทำให้ป้าจางได้กินเนื้ออย่างไร้กังวล

เนื่องจากนางต้องรอให้ข่งฟางเจรจาราคา หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะรออีกสักครู่ การเจรจาการค้านี้ไม่สามารถทำสำเร็จได้ในครั้งเดียว และการไปรอที่บ้านของข่งฟางนั้นก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นนางจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นรอบเมือง

วันนี้อากาศร้อนขึ้นอีกแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงวางแผนไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน เมื่อบอกกับป้าจาง เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเพราะป้าจางก็มีความคิดเดียวกัน

กู้เสี่ยวหวานและทั้งสามไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียงอีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงเที่ยงคนในร้านจึงไม่มากนัก

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกลับมาอีกครั้ง พี่ฝูก็ดีใจมากรีบก้าวไปข้างหน้า และทักทายอย่างอบอุ่น “สาวน้อยเสี่ยวหวานมาแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานก็ตอบกลับอย่างไพเราะ เมื่อป้าจางเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานคุ้นเคยกับเจ้าของร้านนี้จึงเดาได้ว่าเสื้อผ้าของนางน่าจะถูกทำขึ้นที่นี่ ป้าจางไม่เคยมาที่ร้านนี้มาก่อนเพราะปกติแล้วนางจะซื้อผ้าจางแผงลอยและนำกลับไปเย็บเอง

แต่กู้เสี่ยวหวานนั้นเย็บเสื้อผ้าไม่เป็น จึงทำได้แค่มาที่ร้านขายผ้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปเท่านั้น

“สาวน้อยเสี่ยวหวาน พี่สาวท่านนี้คือผู้ใดกัน?” นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ฝูได้พบกับป้าจาง หญิงชาวนาที่อยู่ตรงหน้าอายุประมาณสี่สิบปี และคงทำงานใช้แรงตลอดทั้งปี ผิวพรรณของนางจึงมีสีเข้ม แต่รูปร่างหน้าตาของนางนั้นดูเรียบร้อย และยังมองเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อตอนเป็นสาวนางคงเป็นคนสวยคนหนึ่ง

กู้เสี่ยวหวานแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

กู้เสี่ยวหวานดึงผ้าสีเหลืองห่าน[1]ออกมาผืนหนึ่งเพื่อใช้ทำชุดให้กู้เสี่ยวอี้ และหยิบผ้าสีอ่อนสำหรับตนเอง แล้วเลือกสีครามและสีฟ้าสำหรับกู้หนิงอันและกู้หนิงผิง

“สาวน้อยเสี่ยวหวาน สีนี้เป็นตัวเลือกสีที่ดีนะ”

สีเหลืองห่านช่างสีสันสดใสนัก กู้เสี่ยวอี้ยังอยู่ในวัยที่สดใสและมีชีวิตชีวา สีเหลืองห่านนี้จึงเหมาะกับนางมาก ส่วนสีครามและสีฟ้า ถ้าเป็นกู้หนิงอันก็คงจะเหมาะกับทั้งสองสี เพราะทั้งสองสีมีความมั่นคงและสง่างาม แต่กู้หนิงผิงที่มักจะตามตนเองออกไปข้างนอก สีครามนั้นสกปรกได้ยากและสามารถซักออกได้ง่าย

ส่วนตัวนางนั้นชอบสีที่เรียบง่าย ดังนั้นจึงเลือกสีที่เรียบง่ายแต่ยังดูสง่างาม

พี่ฝูเทียบสีที่กู้เสี่ยวหวานเลือกไว้บนตัวของกู้เสี่ยวหวานและกล่าวว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวานผู้นี้มีดวงตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ พี่จาง ดูสิ ผ้านี้ถ้าอยู่บนตัวของสาวน้อยเสี่ยวหวานมันก็เหมาะสมมาก!”

ป้าจางยิ้มและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ สีนี้ดีมาก! เข้ากันจริง ๆ!”

ฉือโถวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน เขายิ้มพลางมองกู้เสี่ยวหวานที่มีผ้าลายดอกไม้อันหรูหราทาบอยู่

ป้าจางก็เลือกเช่นกัน สีพวกนี้เข้มมาก ทำให้ไม่สกปรกได้ง่ายเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ และถึงแม้จะสกปรก แต่ก็จะเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก

กู้เสี่ยวหวานวัดขนาด ทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่ง และพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “พี่ฝู ข้าลืมไปอย่างหนึ่ง”

สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่เสมอคือพี่ฝูมีขนาดของพวกเด็ก ๆ แต่นางลืมไปว่าส่วนสูงและน้ำหนักของเด็ก ๆ เปลี่ยนไปมากในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงที่เคยมีรูปร่างใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้พวกเขาก็แตกต่างกันเล็กน้อย

เด็กสองคนเปลี่ยนไปมาก กู้หนิงอันผอมลงเล็กน้อย แต่กู้หนิงผิงกลับต่างออกไป เขามีกล้ามเนื้อบางส่วนในร่างกายแล้ว นี่คือเด็กที่ทำงานเกษตร และกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาจึงค่อนข้างแข็งแรง จะตัดเสื้อผ้าให้มีขนาดเหมือนกันได้อย่างไร!

พี่ฝูคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร น้องชายของเจ้ากำลังเรียนอยู่ที่หอหนังสืออวี้ใช่หรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่นั่นเพื่อวัดขนาดตัวน้องชายของเจ้าด้วยตัวเอง!”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย แต่นั่นคือทั้งหมดที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้ นางรีบขอบคุณอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ตกลง อย่างนั้นคงต้องรบกวนพี่ฝูแล้ว พี่คนโตเรียนหนังสืออยู่ ชื่อกู้หนิงอัน ถ้าวันใดที่ข้าเข้าเมืองมาอีกครั้ง ข้าจะพาน้องคนที่สามและสี่มาด้วย”

“ตกลง ข้าจะเก็บผ้านี้ไว้ให้เจ้าก่อน!” พี่ฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

กู้เสี่ยวหวานจึงรีบขอบคุณนาง หลังจากวัดขนาดของกู้เสี่ยวหวานเสร็จ ครั้นนางกำลังจะวัดขนาดป้าจางและฉือโถว ป้าจางก็รีบกล่าวว่า “ไม่ต้องไม่ต้อง ข้าจะเอากลับไปเย็บเอง!”

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าป้าจางพยายามเก็บเงินอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไร นางจึงอธิบายกับพี่ฝูด้วยรอยยิ้มแทนว่า “ฝีมือของท่านป้าก็ดีเช่นกันเจ้าค่ะ พวกเราเอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะนำผ้าบางส่วนกลับไป น้องคนที่สามและสี่จะขอให้ป้าจางเย็บเสื้อผ้าให้ ส่วนข้าและน้องคนที่สองก็รบกวนท่านด้วย”

*[1] สีเหลืองอ่อน