ตอนที่ 298 หลานสาวมีหลานสาว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 298 หลานสาวมีหลานสาว

บนโต๊ะอาหารตัวยาว มีคิงแครบ คิงแซลมอน ล็อบสเตอร์สีฟ้า เพรียงคอห่าน ปลาโครเกอร์เหลืองตัวใหญ่ ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน หอยต่างๆ เป็นต้น มีทั้งอาหารทะเลที่พบเห็นได้ทั่วไปและหากินได้ยาก

มีทั้งเมนูต้ม นึ่ง ผัด แกง…สารพัดเมนูอาหารทะเล ยกเว้นเอาไปดอง

กลิ่นหอมโชยไปทั่ว

ขนาดมู่เถาเยายังแทบอยากกลืนลิ้นลงไปด้วย

เธอชอบทุกเมนู กินไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ถ้าไม่ติดว่าคนตระกูลเย่ว์กลัวเธอไม่สบายท้อง เธอยังกินได้อีก

เย่ว์เลี่ยงมองหลานสาวที่ดวงตาเปล่งประกายใบหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกขำ “เสี่ยวเยาเยา ไว้พวกหลานกลับมาจากป่าพิษหมาป่าพวกเราค่อยกินกันอีก วันศุกร์ใช่ไหม”

“ค่ะ”

เธอไม่น่าจะเบื่ออาหารทะเลได้

นอกจากพวกของทะเลที่หายากแล้วก็เป็นพวกของทั่วไปอย่างกั้ง หอยนางรม หอยเชลล์ หอยลาย หอยหลอด ปลิงทะเล เป็นต้น ขอแค่สดพอเธอก็ชอบกินทั้งนั้น

อย่าว่าแต่มู่เถาเยาเลย คนอื่นๆ ก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ตี้อู๋เปียนก็กินไปไม่น้อย

เมื่อก่อนสุขภาพแย่มาก กินไม่ได้หลายอย่าง เขาไม่เคยได้กินอาหารทะเลอย่างเป็นกิจจะลักษณะนอกจากตอนเด็กๆ ที่ยังไม่ป่วยหนัก อย่างมากก็ได้แค่ซดโจ๊กทะเล แถมขิงยังเยอะกว่าของทะเลด้วยซ้ำ

หลังจากกินอาหารทะเลมื้อใหญ่เสร็จก็ย้ายไปคุยที่ห้องรับแขก พ่อบ้านลุงหลานให้คนยกชาขิงที่เตรียมไว้เข้ามา

มู่เถาเยาส่งรูปเยี่ยนหงกับชวนไป๋ที่ถ่ายในเขาเทพจันทราเข้ากลุ่มที่มีอาจารย์ใหญ่กับพวกศิษย์พี่ อีกทั้งยังส่งให้นักพฤกษศาสตร์จินเฉิงเจียงด้วย จากนั้นก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับพืชสองชนิดนี้กับตี้อู๋เปียน ลู่จือฉิน เฉิงอันนั่ว ปาเฝ่ย ปาอิน หมอประจำตำหนักพระจันทร์ เป็นต้น

น่าเสียดายที่ทุกคนก็ไม่รู้เกี่ยวกับมัน

“อาจารย์อาเล็กครับ ผมว่าพวกมันคล้ายดอกฉยงฮวานะครับ”

เฉิงอันนั่วก็เคยเห็นดอกฉยงฮวาของตี้อู๋เปียน

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ภายนอกก็แค่เหมือนกันนิดหน่อย แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนกันมาก บางทีดอกฉยง ฮวาอาจเป็นสภาพตอนที่พวกมันยังไม่โตเต็มที่หรือเปล่า แบบความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่”

ลู่จือฉินครุ่นคิด “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

เย่ว์เลี่ยง “แต่เยี่ยนหงกับชวนไป๋เอามาเพาะไม่ได้ ตอนนี้สองต้นนี้ต่อให้ปลูกในตำหนักพระจันทร์ก็คงอยู่ได้ไม่นาน ฉันเคยลองแล้ว”

มู่เถาเยา “มันถึงได้แปลกไงคะอา พอตายแล้วพวกมันเป็นยังไงเหรอคะ เปื่อยยุ่ยไหม”

“ไม่ ก็แค่เหี่ยวเฉา เหมือนพืชที่ตากลมตากแดด สีของเยี่ยนหงจะซีดลงทุกวัน ชวนไป๋ก็จะค่อยๆ โปร่งแสง…”

โทรศัพท์มือถือของมู่เถาเยาดังติ๊ดๆ

พอกดเปิดดูข้อความในกลุ่มก็ประเดประดัง พูดคุยกันอย่างออกอรรถรส

แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเกี่ยวกับพวกมัน

พวกเขาคุยกันไปถึงว่าเอามาต้มกินได้หรือเปล่า

พูดตามตรง มู่เถาเยาก็แอบมีความคิดแบบนั้น ยังคิดอยู่ว่ารอเธอกลับจากป่าพิษหมาป่าจะไปเด็ดมาอีกสองสามต้นลองต้มกินดู

แต่ก็คิดได้ว่าคนตระกูลเย่ว์คงไม่ยอมให้เธอลองกิน เธอจึงล้มเลิกความคิด

“เสี่ยวเยาเยา คนตระกูลเย่ว์แต่ละรุ่นเคยให้หมอตระกูลปาเอามาตรวจสอบ ถึงแม้ในเยี่ยนหงกับชวนไป๋จะยังมีสารที่ตรวจไม่พบว่าคืออะไร แต่ก็แน่ใจได้ว่าพวกมันไม่มีพิษเจือปน”

“อาคะ เคยลองในสัตว์หรือยังคะ เยี่ยนหงกับชวนไป๋กินได้หรือเปล่า”

“เคยให้กระต่ายกิน มันกินแล้วก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร เดิมเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น”

มู่เถาเยาพยักหน้า

เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ อะไรที่ทำได้พวกเราก็ทำหมดแล้ว ผ่านมาหลายรุ่นหลายพันปีก็ยังระบุพวกมันชัดเจนไม่ได้ ลูกก็ไม่ต้องรีบร้อนนะ”

“ค่ะ”

ไม่รีบจริงๆ อย่างไรเสียก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ เธอยังตั้งใจศึกษาจริงจังไม่ได้

ปาอิน “งั้นเสี่ยวเยาเยา ฉันกับเสี่ยวเฉิงกลับก่อนนะ”

“พวกเธอค้างที่ตำหนักพระจันทร์ดีกว่าไหม พรุ่งนี้เช้าฉัน อาจารย์ และก็พี่รองจะไปป่าพิษหมาป่ากันแล้ว อีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ”

“ได้”

เหลียงจีก็ค้างด้วย

เมื่อก่อนเธอเป็นนักบินของหัวหน้าเผ่า ในตำหนักพระจันทร์ย่อมมีห้องของเธอ

ปาเฝ่ยกับอวิ๋นไป๋กลับบ้านตัวเอง

ไม่ใช่ว่าคนตระกูลเย่ว์ไม่รั้ง แต่พรุ่งนี้พวกเขามีประชุมงานสำคัญที่ต้องจัดการ

เฉิงอันนั่วพูดด้วยความลังเล “อาจารย์อาเล็กครับ ผมอยากไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดกลับไปอ่านหน่อยครับ”

ไม่รอให้มู่เถาเยาเอ่ยปาก เย่ว์จือกวงก็เรียกลุงหลานให้พาเฉิงอันนั่วไปเลือกหนังสือ ปาอินตามไปด้วยบราวนี่ออนไลน์

ปู่เย่ว์ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ของที่เตรียมไปขึ้นเขาวันพรุ่งนี้เสร็จหมดแล้ว จะไปดูสักหน่อยไหม”

มู่เถาเยาส่ายหน้า

บรรดาผู้อาวุโสจะต้องเตรียมให้เธอครบแน่นอน

คุณยายลูบผมยาวของมู่เถาเยา พูดอย่างใจดี “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้พอพวกหลานออกไปแล้วยายกับตาก็กลับบ้าน พอพวกหลานกลับมาค่อยมาใหม่”

“ค่ะ คุณตาคุณยายกลับไปเก็บของเตรียมไปหมู่บ้านเถาหยวน พอพวกหนูกลับมาจะไปรับคุณตาคุณยายที่บ้านตระกูลเป่ยค่ะ”

คุณตาส่ายมือ “เสี่ยวเยาเยา พวกหลานกลับมาแล้วก็พักผ่อนไปเถอะ ยังจะต้องเยี่ยมชมเผ่าอีกไม่ใช่เหรอ เวลากระชั้น อย่ามาเสียเวลาเลย ให้คนขับรถมาส่งตากับยายก็ได้”

เขาสงสารหลานสาว

ก่อนหน้านี้มู่เถาเยาวางแผนจะเยี่ยมชมให้ทั่วเผ่า หลักๆ คือสำรวจสภาพภูมิประเทศเพื่อตั้งสมมติฐานว่าตอนเด็กเธอหายออกจากเผ่าได้อย่างไร

แต่เรื่องนี้ก็ไม่รีบ หรือเธอดูจากแผนที่แล้วให้คนตระกูลเย่ว์อธิบายก็ได้

คนในครอบครัวตามสืบมาตั้งหลายปี เป็นไปไม่ได้ที่เธอแค่มาถึงก็จะไขคำตอบได้เลย

เธอไม่ฉลาดขนาดนั้น คนตระกูลเย่ว์ก็ไม่ได้โง่

“คุณยายคะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนได้ สืบมาตั้งหลายปียังไม่สำเร็จ ไม่มีใครน่าสงสัยไปกว่าครอบครัวเหมียวฉีแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ไม่ว่ายังไงหนูก็จะทำให้เหมียวฉียอมเปิดปากพูดให้ได้”

คนต่างกันก็ย่อมต้องใช้วิธีที่แตกต่าง

ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพราะคนตระกูลเย่ว์ เธอก็ไม่อยากสืบ รู้สึกว่ามันเสียเวลา

ตอนนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย

เมื่อก่อนการอารักขาคุ้มกันจะเข้มงวดกับคนนอกหละหลวมกับคนใน ตอนนี้เข้มงวดกับทั้งคนนอกและคนใน หากคนร้ายมีความเคลื่อนไหวก็จะถูกจับได้ทันที

ความสามารถของคนตระกูลเย่ว์ใช้ได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นเผ่าที่ไม่ถือว่าใหญ่นี้คงไม่มีทางแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

ศัตรูไม่มา เราไม่ยุ่ง ควรใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ไป จะให้คอยสนใจอยู่ตลอดก็ไม่ได้ แบบนั้นจะพลาดสิ่งอื่นไปอีกมาก

ไม่คุ้มกัน

เย่ว์หลั่งแสดงท่าทีก่อน “แล้วแต่ลูกเลยนะ”

มู่เถาเยา “…ท่าทีของเหมียวฉีชวนให้ไม่เข้าใจ แต่เธอไม่รู้ว่าหนูคือเย่ว์จืออิ๋ง และก็ไม่รู้ว่าน้าเหมียวยังมีชีวิตอยู่ คงไม่มีทางพุ่งเป้ามาที่พวกเรา เว้นเสียแต่…เธอจะอยากกลับมามอบตัว”

เย่ว์จือกวงพูดด้วยความเคียดแค้น “ต่อให้มามอบตัวก็ต้องโดนโทษหนักอยู่ดี”

เผ่าหมาป่าพระจันทร์ผ่านมาตั้งกี่ยุคสมัยยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดกับตระกูลหัวหน้าเผ่า ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน!

“ว่าไปตามเห็นควรค่ะ”

มู่เถาเยาไม่มีความคิดเห็น

เธอโชคดีมากแล้ว ด้วยเหตุนี้ตัวเธอไม่ขอพูดเรื่องให้อภัยหรือไม่ให้อภัย แต่คนตระกูลเย่ว์ทุกข์ทรมาน ตำหนิตัวเองมาสิบแปดปี ย่อมต้องมีคำตอบให้พวกเขา

“คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายคะ ครอบครัวเหมียวฉีออกจากเผ่าไม่พ้นหรอกค่ะ หนูเองก็รู้ทุกความเคลื่อนไหวของเหมียวฉีในเมืองหลวง ไม่กลัวพวกเขาจะหนี อย่ามัวแต่กังวลเรื่องนี้เลยนะคะ ทำใจสบายๆ ใช้ชีวิตไป รอหนูทำยาอายุวัฒนะเสร็จ อยู่จนถึงสองร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ”

“ได้ๆๆ พวกเราจะอยู่ให้ถึงสองร้อยปี อยากเห็นหลานสาวของหลานมีหลานสาว” ย่าเย่ว์ยิ้มจนตาหยี

มู่เถาเยา “…”

เธอพูดได้ไหมว่าเธอไม่เคยคิดจะแต่งงานเลย

ต่อไปมีเยี่ยนหังเป็นหัวหน้าเผ่าก็พอ

ต่อให้ไม่มีเยี่ยนหังก็ยังมีลูกของพี่ใหญ่พี่รอง ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนสืบทอด

ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอแต่งงานมีลูก

ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยา จากนั้นหูก็แดง

อยากให้หลานสาวมีหลานสาว เธอก็ต้องแต่งงานกับเขาก่อน

————————