บทที่ 262 จดหมายจากเว่ยฉิง

เอ้อร์เป่าร้อง “เหอะ” เบา ๆ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินไปหาซานเป่า

“ซานเป่า เจ้าอยากเล่นกับตู้เสี่ยวไป๋หรือไม่?” เอ้อร์เป่าถามน้องสาว

“เสี่ยวไป๋มีขนมอร่อย ๆ เยอะแยะมาก” ซานเป่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอียงศีรษะพูดตอบพี่ชาย

“เขาเอาอะไรให้เจ้ากินหรือ?” เอ้อร์เป่าถามต่อ

“ฝูหรง[1] ลี่โต้วเกา[2]..” ซันเป่านับนิ้วเล็ก ๆ ของนาง

“ของพวกนี้พี่รองก็มี ไปเถอะพี่จะซื้อให้เจ้ากินเอง”

เอ้อร์เป่าพูดพลางพยักหน้า แววตาเจ้าเล่ห์วาบผ่านดวงตากลมโตของซานเป่า ถังหลี่ที่ยืนดูอยู่ไกล ๆ ก็เห็นท่าทางเช่นนี้ของซานเป่าเข้าพอดี เด็กหญิงลอบกลืนน้ำลายขณะที่พูด เป็นใครก็มองออกว่านี่คือแผนการณ์ที่ซานเป่าล่อหลอกให้พี่รองซื้อของที่นางอยากกินให้

แม้ว่าเอ้อร์เป่าจะเป็นเด็กฉลาด แต่ก็ยังถูกเด็กหญิงตัวเล็กๆหลอกเข้าจนได้ จากนั้นเอ้อร์เป่าจึงออกไปพร้อมกับน้องสาว

ในตอนนั้นเองถังหลี่มองเห็นเหยี่ยนเสี่ยวตวนที่กำลังขี้เกียจ หญิงสาวจึงดึงเขามาคุยด้วย เด็กหนุ่มโดนถังหลี่ซื้อตัวมาหลายวันแล้ว นางคิดว่าเหยี่ยนเสี่ยวตวนเป็นเด็กที่น่าสนใจประกอบกับเป็นคนที่พูดจาน่าขบขัน

“เหยี่ยนเสี่ยวตวน เจ้ารู้สึกอย่างไรกับการมาเป็นบ่าวรับใช้?” ถังหลี่ถามเขา

“ดีเยี่ยม! อาหารก็อร่อยตอนที่พวกเขาเรียนหนังสือข้าก็หาที่นอนได้” เหยี่ยนเสี่ยวตวนตอบอย่างจริงใจ

“เจ้าอายุมากกว่า หากพวกเขามีปัญหาเจ้าต้องพวกป้องพวกเขาล่ะ” ถังหลี่กำชับเขา

“ถ้าเป็นคนอ่อนแอข้าจะชกเขาเสีย แต่ถ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าจะหนีไปโดยที่ไม่สนใจพวกเขาแน่นอน” เหยี่ยนเสี่ยวตวนพูดในลำคอ

“เจ้าเป็นบ่าวรับใช้แต่จะปล่อยให้เจ้านายโดนรังแกหรือ ระวังเถอะข้าจะขายเจ้าทิ้ง” ถังหลี่ขู่

“ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าข้ารับใช้ผู้คนไม่เป็น อย่าได้ซื้อข้าเลย หากท่านอยากจะขายข้าคืนได้โปรดอย่าลังเล ข้าจะขอบคุณนายหญิงมาก”

เหยี่ยนเสี่ยวตวนพูดอย่างเฉยเมย

ทั้งสองคุยกันสักพักมีหัวเราะเสียงดังขึ้น ก่อนจะออกไปรับเอ้อร์เป่ากับซานเป่า

ตกดึกคืนนั้น ขณะที่ถังหลี่กำลังหลับใหลด้วยความง่วงงุน นางสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะหน้าต่าง

ใครกัน?

หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย สีหน้าหวาดระแวง ถังหลี่ค่อย ๆ เดินไปที่หน้าต่าง ประสาทสัมผัสของนางเฉียบคมขึ้นเรื่อย ๆ นางหยุดฟังความเคลื่อนไหว เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอกแล้วจึงเปิดหน้าต่างออก ก่อนที่จะพบว่าไม่มีใครอยู่ที่ด้านนอกเลย

สายตาของถังหลี่กวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าที่ขอบหน้าต่างมีจดหมายวางอยู่หนึ่งฉบับ หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาและปิดหน้าต่างลง ที่ซองจดหมายไม่ได้จ่าหน้าอะไรไว้แม้แต่ประโยคเดียว แต่ถังหลี่สามารถคาดเดาได้ หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น มือไม้เริ่มสั่น หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หยิบจดหมายด้านในออกมา เมื่ออ่านข้อความในนั้น นางรู้สึกคัดจมูกขึ้นทันที

ตัวหนังสือใหญ่โตเทอะทะน่าเกลียดนั่น เป็นผู้ชายหน้าเหม็นสามีของนางเขียนมานั่นเอง!

ไอ้เจ้าบ้าผู้นี้หายตัวไปนานกว่าครึ่งปีโดยไร้แม้แต่ข่าวคราว ในที่สุดวันนี้ก็ส่งจดหมายมาหานาง!

หญิงสาวรู้สึกขบขันหลังจากที่อ่านประโยคแรก ช่างเป็นประโยคที่ตรงไปตรงมาเหลือเกิน

ฮูหยิน ข้าคิดถึงเจ้า แม้กระทั่งยามกิน ยามเดิน ยามนอน หรือแม้แต่ยามที่ข้าฝัน ข้าก็ยังฝันถึงเจ้านับได้ร้อยหกสิบเอ็ดครั้งแล้วตั้งแต่ที่เราจากกัน บางครั้งหากเหนื่อยแล้วหลับไปโดยไม่ได้ฝันถึงนางแล้วเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

เว่ยฉิงกล่าวว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ถังหลี่ แม้แต่ก้อนหินที่หน้าประตูยังดูคล้ายนาง ทำให้ถังหลี่รู้สึกขบขันเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางไปเหมือนสิ่งของที่ได้อย่างไร? คำพูดของเว่ยฉิงล้วนไร้สาระ นางจินตนาการได้เลยว่าหากเขาอยู่ที่นี่คงโอบกอดนางเอาไว้พลางกระซิบบอกรักด้วยถ้อยคำที่ซื่อ ๆ เหล่านั้น

มุมปากของถังหลี่ยกยิ้มขึ้นตลอดเวลาที่อ่านตัวหนังสือเหล่านั้น ในตอนสุดท้ายของจดหมาย มีเพียงคำว่า รักษาตัว คงเป็นเพราะตอนนี้เว่ยฉิงยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มาก แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว คำว่า รักษาตัว ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง เพราะตราบใดที่นางและลูก ๆ ปลอดภัย ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

ถังหลี่อ่านจดหมายซ้ำไปซ้ำมามากว่าสิบรอบ แต่นางก็ยังไม่อยากวางมันลง นอกจากจดหมายแล้วยังมีเชือกที่ถักเป็นตัวอักษรแนบมาด้วย ไม่คิดเลยว่าบุรุษหยาบกร้านผู้นั้นจะเป็นคนทำขึ้นมา

ถังหลี่นำจดหมายและเชือกถักของเว่ยฉิงมาทาบตรงตำแหน่งหัวใจของนาง หลับตาลงเพื่อคิดถึงคนรัก เป็นเวลาเกือบแปดเดือนแล้ว ไม่รู้เลยว่าเว่ยฉิงจะผ่ายผอมลงหรืออ้วนขึ้น จะคล้ำขึ้นหรือขาวขึ้นหรือเปล่า?

สามีของข้า… ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน

….

วันถัดมา

ในขณะที่สวี่เจวี๋ยและต้าเป่ากลับจากสำนักศึกษา พวกเขาก็เจอปัญหาเข้าจริง ๆ มีขอทานกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ หนึ่งในนั้นคือฉีเหยาเหวิน เขาจ้องมาเด็กทั้งสองคนด้วยความเกลียดชัง

หลังจากที่ฉีเหยาเหวินถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาหลวงแล้ว เขาก็ไม่มีหน้าจะกลับไปที่หมู่บ้านอีก ฉีเหยาเหวินเป็นเสมือนความหวังของหมู่บ้าน หากคนอื่นรู้ว่าเขาถูกไล่ออกล่ะก็… ชาวบ้านคงจะหัวเราะเยาะเขา จนเขาทนไม่ไหวเป็นแน่ เขาจึงปักหลักอยู่ในเมืองเหอตงแทน

แต่ตอนนี้ฉีเหยาเหวินไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย สหายที่เคยคบค้าด้วยต่างก็พาหลีกเลี่ยงหนีเขา อีกทั้งเขายังไม่มีความสามารถอะไรนอกจากเรียนหนังสือ การกระทำของเขาทำให้เหล่าบัณฑิตพวกนั้นไม่พอใจ แม้กระทั่งจะไปทำงานในตำแหน่งเสมียนก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องมารวมกลุ่มกับขอทานเหล่านี้

คนที่ทำให้เขาต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้เป็นพวกมันทั้งสี่คน

เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย จั๋วชู เจียงเฉิงเป่า…

ฉีเหยาเหวินจดจำความแค้นนี้ไว้ในหัวใจ หวนนึกถึงเมื่อไหร่ก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยความชิงชัง

เหตุใดคนเหล่านี้จึงได้มีชีวิตที่ดี ส่วนตัวเขาต้องกลายเป็นเช่นนี้ไปได้! เขาไม่ยอม!

ฉีเหยาเหวินต้องแก้แค้น!

ฉีเหยาเหวินแฝงตัวไปกับกลุ่มขอทาน ด้วยวาทะศิลป์คำพูดของเขา จึงสามารถหลอกล่อขอทานพวกนั้นไปช่วยแก้แค้นให้เขาได้

ฉีเหยาเหวินเดินนำกลุ่มขอทานมุ่งหน้ามายังเด็กสองคนพลางจ้องมองเขาอย่างอาฆาตมาดร้าย

“มันเป็นความผิดของเจ้า ! เจ้าทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ขณะที่พูด เขาก็ขว้างปาก้อนหินไปยังเด็กทั้งสองคน เมื่อขอทานคนอื่นเห็นเช่นนั้นพวกเขากระหน่ำพากันปาก้อนหินใส่ด้วยทันที เหยี่ยนเสี่ยวตวนกัดฟันยืนอยู่เบื้องหน้าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยรับการโจมตีแทนหลายครั้ง

“วิ่งหนีไป!” เหยี่ยนเสี่ยวตวนตะโกนบอก

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยหันหลังเพื่อที่จะวิ่งหนี แต่ก่อนไปเขาหันไปคว้าตัวเหยี่ยนเสี่ยวตวนให้วิ่งไปพร้อมกับพวกเขาเหยี่ยนเสี่ยวตวนมีอายุมากกว่า เขาปกป้องเด็กทั้งคู่จากก้อนหินที่ปามาได้ พวกเขาวิ่งมาไกลจนเหนื่อยหอบแต่ไม่อาจจะหยุดได้จนกว่าจะหนีขอทานเหล่านั้นพ้น

ทั้งสามหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ใบหน้าของต้าเป่าซีดเซียว โชคดีที่ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นมาก

ฉีเหยาเหวินเป็นบ้าไปแล้วหรือ?

“ต้าเป่าเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ข้าไม่เป็นไร แล้วเจ้าล่ะสวี่เจวี๋ย”

“ข้าสบายดี”

ทั้งสองคนฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ พวกเขารีบมองไปทางเหยี่ยนเสี่ยวต้วนพร้อมกัน เด็กหนุ่มแสร้งไว้ท่าทีพูดอย่างใจเย็นว่า

“ข้าสบายมาก แค่ขอทานกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หากพวกเจ้าไม่อยู่ด้วยข้าคงจะทุบพวกมันจนหมอบไปแล้ว”

หลังจากพูดจบทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน

“พี่เสี่ยวตวน! เลือด!”

“หน้าพี่เลือดอาบเต็มเลย!”

[1] ฝูหรงคือดอกพุดตาน แป้งขนมดอกฝูหรงมีสีขาว-ชมพูอ่อน-ชมพูอยู่ด้วยกัน เหมือนดอกพุดตานที่สีจะเปลี่ยนในช่วงวัน

[2] เค้กถั่วเขียว