บทที่ 263 เจ้ากล้ารังแกลูกข้า

ถังหลี่อยู่ที่บ้าน ยามที่นางได้รับข่าวจากเพื่อนร่วมชั้นของต้าเป่าว่าเด็กทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอ ทำให้นางรู้สึกร้อนใจ

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?” ถังหลี่ถามอย่างกังวล

“ข้าพบกับจื่ออั๋งระหว่างทาง เขาขอให้ข้านำข่าวมาบอกท่าน ว่าเขาไม่เป็นอะไรท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

เด็กที่นำข่าวมาบอกตอบคำถามนาง

ถังหลี่ไม่สนใจ นางเป็นห่วงเด็ก ๆ จนต้องรีบวิ่งไปโรงหมอ เมื่อได้พบกับลูกทั้งสอง นางกวาดตามองพวกเขาทีละคนจนทั่ว ก่อนจะโล่งอกเมื่อเห็นว่าพวกเขาปลอดภัยดี

“ท่านแม่พวกเราไม่เป็นอะไร แต่พี่เสี่ยวตวนบาดเจ็บ” ต้าเป่ากล่าว

หญิงสาวมองไปยังเหยี่ยนเสี่ยวตอนที่นอนอยู่บนเตียง ศีรษะของเขาถูกพันด้วยผ้า แต่ท่าทีของเขายังดูหยิ่งยโสอยู่เช่นเดิม

“เจ็บไหม?” ถังหลี่ถาม

“แผลแค่นี้จะเจ็บอะไร” เหยี่ยนเสี่ยวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก

“ข้าว่ามันเจ็บมากนะ ตอนที่ท่านหมอทำแผลให้พี่เสี่ยวตวนร้องไห้ด้วย” ต้าเป่าพูดเปิดโปงเขา

ใบหน้าของเหยี่ยนเสี่ยวตวนเปลี่ยนสี เขาจ้องสายตาไปยังต้าเป่า

“ข้าไม่ได้ร้องไห้ เจ้าคงตาฝาด ต้าเป่าเจ้านี่มันสมองดีแต่ตาถั่วหรืออย่างไร?”

เด็กหนุ่มมองไปที่เสี่ยวตวนก่อนจะสะดุ้งโหยง เขารีบพูดทันทีว่า

“ใช่ ๆ พี่เสี่ยวตวนไม่ได้ร้องไห้ ข้าคงตาฝาดไป”

ถังหลี่หันไปถามอาการของเขากับหมอ ท่านหมอกล่าวเพียงว่าเป็นรอยฟกช้ำควรพักผ่อนและห้ามโดนน้ำสักพัก นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปที่ด้านในห้อง

“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหลี่ถาม

“ฉีเหยาเหวินกลายเป็นขอทาน พวกเขาพาขอท่านเหล่านั้นมาขว้างก้อนหินใส่พวกเรา พี่เสี่ยวตวนขวางไว้ให้พวกเราวิ่งหนี ข้ากับสวี่เจวี๋ยเลยไม่เป็นอะไร” ต้าเป่ากล่าว

“พี่เสี่ยวตวนได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเรา” สวี่เจวี๋ยกล่าว

หากเหยี่ยนเสี่ยวตวนเลือกที่จะหลบหนีไปก่อน เขาคงไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างนี้ ในหัวใจของเด็กทั้งสองคนล้วนรู้สึกผิด

“พี่เสี่ยวตวนข้าขอโทษนะ”

“ขอบคุณพี่เสี่ยวตวนมากที่ช่วยพวกเรา”

เหยี่ยนเสี่ยวตวนรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยบอกว่าจะวิ่งหนีหากเจอเรื่องอันตรายไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงโง่เช่นนี้เล่า” ถังหลี่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

นางตั้งใจหยอกล้อเขา เพราะเมื่อวานนี้เด็กหนุ่มบอกถังหลี่ว่าหากเจอปัญหาใหญ่ขึ้นมา เขาจะหนีไปโดยทิ้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยแน่นอน

เป็นเด็กที่ปากแข็งแต่ใจอ่อนจริง ๆ นั่นแหละ

“ข้าก็อยากวิ่งหนีอยู่หรอกนะ แต่ข้าตัวใหญ่กว่าเลยตกเป็นเป้าที่เห็นได้ชัดเจนง่ายต่อการโดนหินปาใส่”

เหยี่ยนเสี่ยวตวนพูดอย่างดื้อดึง

ถังหลี่ยิ้ม

“ท่านหมอมาแล้ว พวกเจ้าไปช่วยพาพี่เสี่ยวตวนกลับบ้านเถอะ” ถังหลี่กล่าว

ทั้งต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเดินไปช่วยพยุงเหยี่ยนเสี่ยวตวนขึ้น ในขณะที่ถังหลี่ไปรับยากับหมอที่รักษา ก่อนพวกเขาจะกลับไปที่บ้านพร้อมกัน

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยคอยดูแลเสี่ยวตวนเมื่อกลับถึงบ้าน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด ล้างหน้าล้างตา คอยดูแลเด็กหนุ่มเป็นอย่างดี ถังหลี่มองดูลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อหันหน้ากลับ สีหน้าของถังหลี่เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นทันที

ฉีเหยาเหวิน?

ใบหน้าของคนหน้าซื่อใจคดผุดขึ้นมาในความคิดของถังหลี่ เขาถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาไปแล้วแต่ยังไม่อาจกลับตัวกลับใจได้ คนเช่นนี้คงจะเน่าเฟะไปถึงเนื้อในยากจะกลับตัวเป็นคนดีได้อีก เห็นได้จากการที่เขาเลือกจะมาแก้แค้นบุตรชายของนาง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะประมาท

วันถัดมา

ถังหลี่ไปที่ศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องฉีเหยาเหวิน เพียงแต่วันนี้ถังหลี่ไม่ได้ไปเพียงคนเดียว นางยังพาเจียงเฉิงเป่าไปกับนางด้วย ใต้เท้าจูและถังหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาเป็นเวลานาน เมื่อได้ยินเรื่องนี้เขารีบให้เจ้าหน้าที่ไปหาตัวฉีเหยาเหวินมาทันที ไม่นานนักพวกเขาก็พบฉีเหยาเหวินในกลุ่มขอทาน พวกเจ้าหน้าที่ทางการรวบตัวเขาไปยังศาลาว่าการทันทีโดยไม่อธิบายอะไรแม้แต่คำเดียว

“พวกเจ้ามาจับข้าทำไม? ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้ากำลังจับผู้บริสุทธิ์นะ!”

ฉีเหยาเหวินตะโกนร้องไปตลอดทาง

ถังหลี่ได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก นางรู้ทันทีว่าเขากำลังกลัว แต่ในเมื่อกลัวแล้วเหตุใดจึงกล้าทำร้ายลูกชายของนาง ฉีเหยาเหวินถูกพามาคุกเข่าที่ลานพิจารณาคดีทันที

ถังหลี่มองเขา เห็นฉีเหยาเหวินสกปรกโสโครกไปทั้งตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามอมแมมน่าขยะแขยงมีกลิ่นเหม็น ไม่เหลือคราบของอดีตบัณฑิตหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

“ข้าไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร พวกเจ้าจับข้าทำไม!” เขาร้องโวยวาย

“ห้ามเสียงดังในศาล!”

ใต้เท้าจูตวาด ทำให้ฉีเหยาเหวินตกใจจนหุบปากในที่สุด

“เจ้าเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านฉีเจีย ชื่อฉีเหยาเหวินใช่หรือไม่?” ใต้เท้าจูถาม

“ขอรับ”

“ฮูหยินเว่ย ท่านต้องการฟ้องร้องฉีเหยาเหวินด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

“ข้าต้องการฟ้องร้องที่เขาพาพวกขอทานมาทำร้ายลูกชายข้า” ถังหลี่กล่าว

หญิงสาวเล่าความคับข้องใจทั้งหมดระหว่างฉีเหยาเหวิน ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย รวมถึงเหตุการที่ฉีเหยาเหวินพาขอทานไปดักทำร้ายต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยระหว่างทางกลับบ้าน แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หญิงสาวก็รู้สึกว่ามันน่าหวาดกลัว หากพวกเขาโดนหินปาเข้าใส่ล่ะ…

“ใต้เท้า โชคดีที่บ่าวรับใช้ปกป้องพวกเขาเอาไว้ได้ ท่านคิดดูสิหากหินปาไปโดน เด็กทั้งสองคนจะเป็นอันตรายสักเพียงใด ใต้เท้าได้โปรดพิจารณาด้วยเจ้าค่ะ” ถังหลี่กล่าว

ใต้เท้าจูรู้สึกโกรธจนหนวดของสั่นเทิ้ม เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยคือความภาคภูมิใจของมณฑลเหอตง ก่อนหน้านี้ ยามที่เขาเข้าไปเมืองหลวง ก็ได้คุยโวว่าเด็กทั้งสองเก่งมากและจะต้องสอบผ่านในระดับต่อไปได้อย่างแน่นอน! สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งคือสิ่งเชิดหน้าชูตาของใต้เท้าจู หากมีใครกล้าทำร้ายพวกเขาใต้เท้าจูย่อมเดือดเนื้อร้อนใจเป็นคนแรก

“ฉีเหยาเหวิน เรื่องที่ฮูหยินถังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่? เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวไหม” ใต้เท้าจูถาม

ใบหน้าของฉีเหยาเหวินน่าเกลียดมาก เขามีแต่ความเกลียดชังพุ่งขึ้นมา เขาต้องการให้เด็กสองคนนั่นตายไปเสีย ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะถูกพาตัวมาขึ้นศาลเช่นนี้! เขาไม่ยอม!

เขาต้องยืนยันอย่างหนักแน่นว่าตนเองโดนใส่ร้าย

ฉีเหยาเหวินตัดสินใจที่จะไม่พูด แต่ทว่าปากของเขาไม่สามารถควบคุมได้อย่างใจคิด

“ใช่ ข้าเป็นคนทำ! ข้าอยากจะฆ่าเจ้าสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งให้ตาย! ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น หากยังรวมไปถึงเจียงเฉิงเป่าและจั๋วชูก็ด้วย! ข้าอยากให้พวกมันทั้งหมดตายไปซะ ที่ข้าต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะพวกมัน ทั้งสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง เหตุใดพวกมันถึงยังชูคออยู่ได้ ทำไมไม่ตายไปซะ!” ฉีเหยาเหวินเหมือนคนบ้าที่ใบหน้าดุร้าย เขาพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิดออกมาจนหมด

ถังหลี่แอบเอานิ้วลงอย่างเงียบ ๆ

นางรู้ดีว่าฉีเหยาเหวินจะไม่พูดความจริง จึงจำเป็นต้องใช้เวทมนต์ของนางเล็กน้อยเพื่อให้เขาสารภาพทุกอย่างออกมา!

“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ?! ตำรับตำราที่เจ้าอ่านไปหลายเล่มไม่ได้ซึมเข้าไปในหัวของเจ้าเลยหรือ?” ใต้เท้าจูเกรี้ยวกราด

“นายท่านโปรดใส่ใจภาพลักษณ์ของท่านด้วย” ผู้ช่วยรีบเตือนอย่างรวดเร็ว

ใต้เท้าจูพยายามข่มอารมณ์โกรธของตนเอง

“ใต้เท้าขอรับ ข้าต้องการฟ้องร้องฉีเหยาเหวินเช่นกัน” เจียงเฉิงเป่าที่ตามมาด้วยกล่าวขึ้น เมื่อได้ยินว่าฉีเหยาเหวินนั้นทำร้ายสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเขารู้สึกโกรธมาก! เหตุใดถึงได้เป็นคนเลวเช่นนี้? เมื่อเห็นท่านน้าถังหลี่มาที่ศาลาว่าการเจียงเป่าเฉินจึงตัดสินใจตามมาด้วย

“ใต้เท้า ข้าต้องการฟ้องร้องฉีเหยาเหวินที่นำเงินข้าไปและไม่ชำระหนี้คืนรวมทั้งสิ้นเป็นเงินหกพันสามร้อยตำลึงขอรับ!” เจียงเฉิงเป่ากล่าว

เขาคำนวณเงินเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ เขาให้เงินค่าขนมที่บิดาให้ทั้งหมดไปกับฉีเหยาเหวินเป็นจำนวนกว่าหกพันตำลึง! เจียงเฉิงเป่าสมเพชความโง่เง่าของตัวเองในอดีต จนอยากจะตบหน้าตัวเองสักสองครั้ง!