บทที่ 264 ข้าคิดถึงพี่สาว

“เป็นจริงหรือไม่ฉีเหยาเหวิน?” ใต้เท้าจูตบค้อนในมือถามชายหนุ่มต่อ

ตอนนี้ฉีเหยาเหวินไม่สามารถควบคุมปากของเขาได้เลย

“ใช่ เจียงเฉิงเป่ามันโง่! มันคิดว่าข้าเป็นสหายของมันจริง ๆ มันเอาเงินมาให้ข้าใช้เอง ไอ้หมูตอนไม่ยอมส่องกระจกดูตัว ใครจะเป็นเพื่อนคบหากับคนอย่างมันได้! ข้าสนใจแค่เงินของมันเท่านั้นแหละ ไอ้หมูอ้วนที่น่าสมเพช! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”

ฉีเหยาเหวินหัวเราะออกมาอย่างน่ารังเกียจ

คำพูดของฉีเหยาเหวินหยาบคายทำร้ายจิตใจผู้คนที่ได้ยินเป็นอย่างมาก จะมีคนเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร? ถังหลี่อดเหลือบมองเจียงเฉินเป่าไม่ได้ เขาหันมาคลี่ยิ้มให้ถังหลี่ เขารู้ว่านางเป็นห่วงเขา แต่ตอนนี้เขาสบายดีไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใจอีกต่อไป เจียงเฉิงเป่าได้ก้าวออกมาจากอดีตของเขาแล้ว ตอนนี้เขามีมิตรแท้อย่างเว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และจั๋วชู เรียกได้ว่าดีกว่าฉีเหยาเหวินเป็นร้อยเท่าเลยไม่ใช่หรือ?

ใต้เท้าจูโกรธมากจนเมื่อได้ยินคำพูดร้ายกาจนั่น เขาตบโต๊ะอย่างแรง ฉีเหยาเหวินยอมสารภาพทุกออกมาอย่างง่ายดาย

ความผิดแรกของฉีเหยาเหวินคือต้องชดใช้เงินที่นำมาจากเจียงเฉิงเป่า ประการที่สองคือการดักทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นต้องถูกตีด้วยไม้กระดานสามสิบไม้ รวมถึงต้องไปทำงานใช้แรงงานหนักถึงสามปี!

ฉีเหยาเหวินหยุดหัวเราะ ปากเม้มสนิทใบหน้าซีดเผือด จบกัน! ชีวิตของเขาจบลงแล้ว…

ตอนนี้ฉีเหยาเหวินเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาจะไปเอาเงินมาจากไหน? ส่วนใหญ่เขานำเงินไปใช้จ่ายหรือมอบให้แก่ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องของเขาต่างได้ใช้ชีวิตดี มีบ้านและไร่นาจำนวนมาก รวมไปถึงซื้อร้านค้าในเมืองอีกด้วย

ฉีเหยาเหวินไม่สามารถหาเงินได้ ใต้เท้าจูจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปยังบ้านของฉีเหยาเหวินเพื่อนำเงินมาจากครอบครัวสกุลฉี ในตอนนั้นเองทั้งหมู่บ้านจึงรู้กันทั่วว่าฉีเหยาเหวินถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาแล้ว อีกทั้งยังทำผิดกฎหมายของต้าโจวและได้รับโทษไปทำงานใช้แรงงานหนักอีกด้วย!

ชั่วพริบตาเดียวฉีเหยาเหวินผู้เคยเป็นที่อิจฉาของคนทั้งหมู่บ้าน ก็กลายเป็นตัวตลก

เดิมทีตระกูลฉีไม่เต็มใจที่จะชดใช้เงิน แต่เพราะโดนบีบบังคับจากเจ้าหน้าที่ พวกเขาจึงจำใจขายทุกอย่างเพื่อชดใช้หนี้ หลังจากได้เงินมาสองพันกว่าตำลึง จึงได้ส่งเงินนั้นคืนให้กับเจียงเฉิงเป่าไปจนหมด

“คุณชายเจียง เจ้าหน้าที่นำเงินมาจากตระกูลฉีได้เพียงเท่านี้เอง”

เจ้าหน้าที่อดไม่ได้ที่จะพูดตอนนำเงินมาให้เขา

“ไอ้คนแซ่ฉีมันรู้จักใช้เงินจริง ๆ เงินสามสี่พันตำลึงละลายหายไปหมดในสามปี”

เจียงเฉิงเป่ารับเงินมา เขาไม่ได้สนใจว่าจะนำเงินมาครบหรือไม่? เขาต้องการให้ฉีเหยาเหวินได้รับผลกรรมที่ทำลงไปเท่านั้นเอง

“ในเมื่อไม่มีเงินจ่าย เขาก็ควรโดนลงโทษให้ทำงานหนักมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?”

เจียงเฉิงเป่ากล่าวขึ้น เจ้าหน้าที่พยักหน้าเห็นด้วย

“ย่อมถูกแล้ว ข้าจะคุยกับใต้เท้าจูเรื่องนี้ภายหลัง”

ไม่นานเกินรอ ใต้เท้าจูก็เพิ่มบทลงโทษให้ฉีเหยาเหวินอีกครั้ง โดยเพิ่มโทษทำงานหนักจากสามปีเป็นห้าปี

ในวันที่เขาถูกคุมตัวไป ถังหลี่ได้เจอกับฉีเหยาเหวินอีกครั้ง เขาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส

ยามที่เขากลายเป็นขอทาน เขาคิดว่านั่นคือหุบเหวลึกที่สุดแล้ว คงไม่มีสิ่งไหนจะเลวร้ายมากไปกว่านี้อีก แต่ไม่คิดเลยว่าในวันนี้ทุกอย่างจะเลวร้ายลงกว่าเดิม

การถูกโบยสามสิบไม้ทำให้ฉีเหยาเหวินบาดเจ็บสาหัส ไหนจะยังมีการใช้แรงงานหนักอีกห้าปีที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า

เมื่อเขาเห็นถังหลี่ แววตาจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัว เขาจ้องนางก่อนจะหลบสายตาอย่างรวดเร็ว

“ฉีเหยาเหวิน ทำชั่วยอมได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดกับเจ้านั้นเป็นผลมาจากตัวเจ้าทั้งนั้น”

“เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย จั๋วชู และเจียงเฉิงเป่า ทั้งสี่คนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของข้า หากวันใดที่เจ้าพ้นโทษต้องการกลับมาแก้แค้นพวกเขาล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจไปตลอดชีวิต..”

น้ำเสียงของถังหลี่แผ่วเบาทว่าเย็นยะเยือกจนฉีเหยาเหวินอดสั่นสะท้านไม่ได้ เขารู้ว่านางสามารถทำตามที่พูดได้อย่างแน่นนอน!

ฉีเหยาเหวินเงยหน้าขึ้น เขาเห็นความเกลียดชังปรากฏบนใบหน้าของถังหลี่ เขาจึงรีบก้มศีรษะส่ายหัวไปมาอย่างแรง

ไม่กล้า ข้าไม่กล้า!

ฉีเหยาเหวินถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไป

ในที่สุดถังหลี่ก็ได้กลับบ้านเสียที ใบหน้าของหญิงสาวปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนดั่งเดิม วันนี้เป็นวันเทศกาลแข่งเรือมังกร ที่บ้านสกุลเว่ยกำลังจะลงมือทำบ๊ะจ่างกัน นางเชิญแขกบางคนมากินมื้อเย็นที่บ้าน ถังหลี่เองก็กลับไปช่วยเตรียมงานด้วยเช่นกัน

หลังจากเข้ามาในลานบ้าน นางเห็นป้าจ้าวกำลังห่อเกี๊ยว โดยมีซานเป่านั่งอยู่ข้าง ๆ เด็กหญิงพยายามห่อเกี๊ยวด้วยท่าทีงุ่มง่าม เกี๊ยวที่ห่อออกมาดูหน้าตาน่าเกลียด หลังจากที่ซานเป่าห่อเสร็จ ป้าจ้าวก็มาช่วยแต่งให้รูปทรงดูสวยงามมากขึ้น

ป้าจ้าวชมเชยตู้เสี่ยวไป๋ที่นั่งห่อเกี๊ยวอย่างมีความสุข ส่วนซานเป่าก็คอยโอ้อวดผลงานของตัวเองเช่นกัน ตอนนี้หางของเสี่ยวไป๋แทบจะชี้ขึ้นฟ้าไปแล้ว

….

สำนักศึกษาหลวง

“จั๋วชู วันนี้เป็นวันเทศกาลแข่งเรือมังกร ท่านพี่ให้ข้าเชิญเจ้าไปที่บ้านของข้าในวันหยุดนี้” สวี่เจวี๋ยเอ่ยชวน

“พวกเราจะฉลองเทศกาลด้วยกันใช่ไหม?” ต้าเป่าถามพร้อมกระพริบตา

ด้วยคำพูดเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น จั๋วชูจึงตกลงทันที เมืองเหอตงและบ้านของเขาอยู่ห่างกันมาก เขาจึงไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ หากเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยไม่เชิญเขาไปบ้าน เห็นที่เทศกาลครั้งนี้เขาคงจะต้องฉลองตามลำพังแต่เพียงผู้เดียว

“เลิกเรียนแล้วไปกันนะ” ต้าเป่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเจียงเฉิงเป่าได้ยินคนทั้งสามคุยกัน ร่างอ้วน ๆ ของเขาค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้ จนยากที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น

“เฉิงเป่า เจ้าจะไปบ้านข้าในวันหยุดนี้ไหม?”

ต้าเป่าถามอย่างสุภาพ เพราะเจียงเฉิงเป่ามีครอบครัวเขาอาจจะอยากอยู่กับครอบครัวของเขาก็เป็นได้ เจียงเฉิงเป่าแทบอยากจะเอ่ยปากตอบรับในทันที หากแต่เขายังเม้มปากสงวนทีท่าสักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยปาก

“ตกลง”

เมื่อเลิกเรียน พวกเขาจึงพากันเดินกลับไปยังบ้านสกุลเว่ยทันที

เทศกาลแข่งเรือมังกร ถังหลี่ลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง โดยมีซานเป่า ตู้เสี่ยวไป๋และตู้ชิงหยูรั้งรออยู่ด้านนอกห้องครัวอย่างใจจดจ่อ

อาหารที่ถังหลี่ทำอร่อยมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กิน พวกเขาจึงรอคอยที่จะได้กินอาหารค่ำนี้ เนื่องจากเอ้อร์เป่ากำลังจ้องเขม็ง ตู้เสี่ยวไป๋จึงไม่กล้าเข้าใกล้ซานเป่ามากเกินไป

เด็กชายได้แต่นั่งข้าง ๆ น้องสาวที่เขาชื่นชอบเท่านั้น เสี่ยวไป๋สูดกลิ่นหอมจนน้ำลายไหล ในที่สุดอาหารทั้งหมดก็พร้อมตั้งโต๊ะ

เมื่อถังหลี่อนุญาตตะเกียบของทุกคนเริ่มขยับทันที

“จั๋วชูกินผักสิ”

“เฉิงเป่า…เจ้าเองก็เป็นพี่น้องของสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าเช่นกัน ปฏิบัติกับเขาแบบคนในครอบครัวไม่ต้องสุภาพหรอก”

ถังหลี่ใช้ตะเกียบส่วนกลางคีบอาหารให้กับจั๋วชูและเจียงเฉิงเป่า

“ใช่ ไม่ต้องสุภาพหรอกหากสุภาพมากไปจะกินไม่ทันผู้อื่นนะ!”

“อาหารฝีมือเสี่ยวหลี่อร่อยที่สุด กินให้มาก ๆ ถือได้ว่าเป็นกำไรของชีวิต”

ตู้ชิงหยูพูดสองสามคำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยัดข้าวเข้าปาก เจียงเฉิงเป่าและจั๋วชูค่อย ๆ ผ่อนคลาย อาหารอร่อยและบรรยากาศอบอุ่นดูมีชีวิตชีวา

หลังจากกินอาหารร่วมกันจนอิ่มหนำกันดีแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยท้องที่แน่นตึง จั๋วชูกลับไปยังสำนักศึกษาเช่นกัน หลังจากที่อาบน้ำชำระตัวดีแล้ว เขายังคงนอนไม่หลับ เอาแต่มองพระจันทร์ที่อยู่นอกหน้าต่าง จมดิ่งอยู่ในความคิด ในตอนที่เขามองมารดาของจื่ออั๋ง ทำให้เขานึกถึงพี่สาวของตัวเอง

ไม่รู้ว่าท่านพี่ยังอยู่หรือไม่? ชีวิตนี้เขาจะได้เจอพี่สาวอีกไหม?

จั๋วชูนึกถึงตอนยังเป็นเด็ก พี่สาวจะคอยอยู่เคียงข้างและปกป้องเขาเสมอ ทำให้ไม่มีใครกล้ารังแกเขา ตราบใดที่พี่สาวอยู่ข้างกายจั๋วชู

พี่สาวบอกว่าจั๋วชูเป็นคนฉลาด ให้จั๋วชูตั้งใจเรียนสอบให้ผ่านจะได้ไม่มีคนมาดูถูกพวกเขาอีกตอนที่พูดนั้นพี่สาวของจั๋วชูหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

จั๋วชูจึงตัดสินใจว่าเขาจะต้องตั้งใจเรียนไม่ทำให้พี่สาวตัวเองผิดหวังเป็นอันขาด ตอนนี้เขาสอบเข้าสำนักศึกษาหลวงได้แล้ว อีกทั้งยังได้คะแนนดีเป็นอันดับสาม หากท่านพี่รู้เข้า นางคงภูมิใจในตัวเขา

ท่านพี่ …ตอนนี้ท่านอยู่ไหนกันนะ?