บทที่ 265 แขกผู้มาเยี่ยมเยียน

ไม่กี่วันหลังจากนั้นที่บ้านสกุลเว่ยก็มีโอกาสได้ต้อนรับแขกหลายคน โดยเฉพาะแขกที่มาจากเมืองฉินโจวคือเถ้าแก่เนี้ยฮวา เฉาจี ฟางจวิ่นและนางไช่ ถังหลี่และนางไช่พูดคุยกันผ่านจดหมายมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องการย้ายบ้านของถังหลี่และการเปลี่ยนสำนักศึกษาของเอ้อร์เป่า หลังจากที่จดหมายถึงมือนางไช่ นางอยากเจอเอ้อร์เป่ามากแต่เพราะฟางจวิ่นนั้นยุ่งมากเกินไป จึงเลื่อนการเดินทางมาเรื่อย ๆ วันนี้เป็นวันที่ทั้งคู่ว่าง นางไช่ต้องการมาหาถังหลี่ นางจึงชวนเถ้าแก่เนี้ยฮวามาด้วย หญิงสาวตอบตกลงทันที และแน่นอนว่าเฉาจีเองก็ตามภรรยามาด้วยเช่นกัน

ที่ถนนเส้นใหญ่จึงมีรถม้าทั้งหมดสามคัน คันแรกอัดแน่นไปด้วยผู้คน ส่วนคันที่เหลือเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย ที่ต้องใช้บ่าวรับใช้สองสามคนจัดการการขนย้ายจึงจะสำเร็จ

“พี่ไช่ พี่ฮวาท่านจะย้ายบ้านหรือ?” ถังหลี่ถามด้วยรอยยิ้ม

เถ้าแก่เนี้ยฮวายิ้มแย้มอย่างแจ่มใสก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดถังหลี่

“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของพี่ไช่ทั้งนั้น”

“เป็นของเอ้อร์เป่าต่างหาก เขาสูงขึ้นบ้างไหม? ข้าตัดชุดใหม่มาให้เขาด้วย” นางไช่ยิ้ม

ถ้าหากฟางจวิ่นไม่ปรามนางไว้ นางไช่คงจะได้ย้ายสกุลฟางมาอยู่กับเอ้อร์เป่าอย่างแน่นอน นางคิดถึงบุตรชายมาก นางไช่อยากเจอเอ้อร์เป่า แต่กลับไม่เห็นเขา

ถังหลี่จึงพูดว่า

“พี่ไช่ เอ้อร์เป่าไปเรียนที่สำนักศึกษา พี่ไช่กับพี่ฟางไปรับเขาดีหรือไม่? ข้าจะบอกเส้นทางไปที่สำนักศึกษาเหอตงให้พวกท่านเอง”

นางไช่และฟางจวิ่นแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ไปรับบุตรชาย

เถ้าแก่เนี้ยฮวาดึงตัวถังหลี่มาคุย โดยมีเฉาจียืนห่างอยู่ไม่ไกลนัก เขากำลังมองภรรยาของเขาอย่างมีความสุข เกือบปีแล้วที่ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ เถ้าแก่เนี้ยฮวาเลือกสามีได้ถูกคนจริง ๆ เฉาจีทำให้นางมีความสุขเห็นได้จากใบหน้าที่สดใสมีเลือดผาด

“พี่ฮวา หมอซูกับฮูหยินซูเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม

ถังหลี่ส่งสามีภรรยาทั้งคู่ไปยังเมืองฉินโจวขอให้เถ้าแก่เนี้ยฮวาและคนสกุลฉินดูแลให้ดี

“สบายดี อย่างที่ข้าบอกเจ้าในจดหมาย หมอซูรักษาโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนฮูหยินก็ทำงานฝีมือ ทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดี” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

ตราบใดที่พวกเขามีความสุขก็ดีแล้ว

ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ไม่นานหลังจากนั้นสองสามีภรรยาสกุลฟางก็กลับมาพร้อมกับเอ้อร์เป่า

นางไช่ทักทายเอ้อร์เป่าอย่างอบอุ่น เอ้อร์เป่าเองก็เช่นกันเขาพูดคุยกับมารดาแท้ ๆ อย่างว่าง่าย ทำให้นางไช่แทบอยากจะกลืนกินลูกชายด้วยความรักที่ล้นหัวอก นางจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา อยากจะคว้าตัวบุตรชายมากอดไว้ในอ้อมแขนลูบศีรษะเล็ก ๆ ไปมา

“ท่านพี่ คงจะดีมากหากพวกเราย้ายกิจการมาที่เหอตงได้” นางไช่พูดกับสามี

หากพวกนางมาอาศัยที่เมืองเหอตงได้ คงจะได้เห็นเด็กคนนี้เติบโตทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วสกุลฟางนั้นวางรากฐานหยั่งลึกในเมืองฉินโจวจนไม่สามารถถอนตัวได้ ฟางจวิ่นเป็นหัวหน้าตระกูลฟางจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทอดทิ้งคนทั้งตระกูลเพื่อย้ายมาอยู่ที่เมืองเหอตง

“ฮูหยิน ครั้งนี้เราพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้นานสักหน่อย ใช้เวลากับลูกให้มาก ๆ” ฟางจวิ่นเห็นใจภรรยา

“งั้นข้าจะอยู่ที่นี่สักหนึ่งปี ให้ท่านพี่กลับบ้านไปคนเดียวก่อน” นางไช่บอกสามี

“ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่นาน ๆ แล้วถังหลี่ล่ะ?” ฟางจวิ่นพูดเสริมขึ้น

“น้องสาวถังยินดีต้อนรับข้า!” นางไช่เถียงกลับ

ฟางจวิ่นจับมือของภรรยาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ

“ฮูหยิน ใจคอเจ้าจะปล่อยให้ข้าอยู่เพียงลำพังยามค่ำคืนแต่ผู้เดียวหรือ?”

พอได้ยินเช่นนั้นนางไช่ก็พูดไม่ออก ด้านหนึ่งก็บุตรชายอีกด้านหนึ่งเป็นสามี นางคงได้แต่ใช้เวลาที่อยู่ที่นี้ให้เป็นประโยชน์

ตกกลางคืน

ถังหลี่ทำอาหารสองสามอย่าง ส่วนนางไช่เดินไปหยิบสุราที่นางนำมาด้วยออกมา

“น้องฮวา น้องถัง พวกเราสามคนมาดื่มด้วยกันดีหรือไม่?”

นางไช่พูดชวนขึ้น คนที่โลดโผนอย่างเถ้าแก่เนี้ยฮวาตอบตกลงทันที ส่วนถังหลี่รู้สึกว่านี่คือโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบปะกันอย่างวันนี้

พวกนางนั่งดื่มเหล้าที่โต๊ะโดยให้ฟางจวิ่นและเฉาจีออกไปดูแลเด็ก ๆ แทน

ทั้งสามคนร่ำสุรากันสองสามจอก เมื่ออาการร้อนวูบวาบเริ่มทุเลาก็พูดคุยสิ่งต่าง ๆ ด้วยกันมากมาย

“ข้ากับถังถังรู้จักกันมาสองปีแล้วสินะ” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดขึ้น เวลาสองปีผ่านไปไวเหมือนความฝัน

นางได้พบกับสามีที่ดี กิจการของโรงเตี๊ยมเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งวันเวลาผ่านไป ก็ยิ่งมีแต่ดีขึ้น แต่ปมเพียงอย่างเดียวในใจของนางคือการตามหาน้องชายที่หายสาบสูญไป…

ไม่รู้ว่าน้องชายของนางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ต้องทรมานมากหรือเปล่า? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เถ้าแก่เนี้ยฮวารู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที นางเอามือปิดหน้าร้องไห้

“เซี่ยเอ๋อร์… เจ้าร้องไห้ทำไม?” นางไช่บีบไหล่ของนาง

“ข้าแค่มีความสุขเท่านั้น ข้าดีใจมากที่ได้พบพวกเจ้า ข้ามีความสุขเหลือเกินที่มีเจ้าทั้งสองคนเป็นสหาย… ดื่มกันเถอะ!” เถ้าแก่เนี้ยฮวายกจอกสุราขึ้น

ทั้งสามเริ่มชนจอกและจิบสุราอีกครั้ง

“ข้าเองก็ยินดีที่ได้คบหาพวกเจ้าเป็นสหายเช่นกัน” นางไช่กล่าว

ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริง ๆ ที่เราจะสามารถหาคนที่สนิทและคบหาไว้ใจได้ในชีวิตนี้

นางไช่ได้พบกับบุตรชายที่ถูกพรากออกจากอก มิฉะนั้นแล้ว แม้ตายไปเป็นผีนางคงต้องเสียใจเรื่องนี้ไปตลอด ทั้งสามคนรู้สึกมึนเมาจนแทบจะฟุบหลับไป

เฉาจีเดินเข้ามาอุ้มฮวาเฟิ่งเซี่ยออกไป ส่วนฟางจวิ่นเองก็เข้ามาพยุงภรรยาทันที ทางด้านถังหลี่นั้นมีต้าเป่าและสวี่เจวี๋ย รวมถึงป้าจ้าวเข้าดูแล ล้างหน้าล้างเท้าให้แก่นาง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ที่ลานด้านนอกของบ้าน เด็กหนุ่มทั้งสองคนกำลังนั่งมองพระจันทร์อยู่ด้วยกัน

“ท่านแม่คิดถึงท่านพ่ออีกแล้ว” ต้าเป่าเอ่ยขึ้น

ทุกครั้งที่ท่านแม่คิดถึงท่านพ่อ สายตาของนางจะเปลี่ยนไปทำให้ต้าเป่ารู้สึกได้ เมื่อไหร่ท่านพ่อจะกลับมานะ?

สวี่เจวี๋ยหันไปมองต้าเป่า เขาคงคิดถึงบิดาเช่นกัน แม้กระทั่งสวี่เจวี๋ยเองก็อดคิดถึงเว่ยฉิงไม่ได้!

….

ถังหลี่เมาและหลับลึกมาก ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาหลวง ส่วนนางไช่และฟางจวิ่นก็เป็นคนพาเอ้อร์เป่าไปส่งที่สำนักศึกษาเหอตง ในตอนนั้นเองตู้เสี่ยวไป๋แอบใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีคนอยู่เข้ามาเล่นกับซานเป่า เมื่อเห็นว่ามารดาออกมาจากห้อง เด็กหญิงเรียกนางด้วยเสียงอ่อนหวาน

“ท่านแม่”

ถังหลี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหยาดเหงื่อที่หน้าผากเล็ก ๆ ของซานเป่า ทันใดนั้นเองประตูอีกบานหนึ่งก็เปิดออก

เป็นเถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจีนั่นเอง

ถังหลี่คิดว่าตัวนางจะเป็นคนสุดท้ายที่ตื่นขึ้น ไม่คิดเลยว่าจะยังมีคนที่ตื่นสายกว่านาง ทั้งสามคนอาบน้ำและทานมื้อเช้าด้วยกัน

“ถังถัง ข้ากับเฉาจีจะไปเดินซื้อของในเมือง พวกเรายังไม่เคยมาเมืองเหอตงเลยน่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาเอ่ยขึ้น

ถังหลี่ไม่ได้เสนอตัวที่จะพาพวกเขาไปเที่ยวเล่น หากนางแนะนำสถานที่แก่พวกเขา

“ที่เหอตงมีที่น่าสนใจมากมาย..” ถังหลี่แนะนำสถานที่น่าสนใจให้พวกเขา

เฉาจีจดจำเอาไว้ ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่า ‘สะพานนกกางเขน’ ‘แม่น้ำคู่รัก’ ทั้งสองออกจากบ้านไปพร้อมกัน พวกเขาเดินซื้อของที่ถนนก่อนเป็นอันดับแรก เถ้าแก่เนี้ยฮวากวาดซื้อทุกอย่างตลอดทาง จนตอนนี้ทั้งสองแขนของเฉาจีเต็มไปด้วยสัมภาระมากมาย

ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็เห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ ฮวาเฟิ่งเซี่ยรีบวิ่งไปหาคนผู้นั้นทันที แต่เมื่อเข้าไปในตลาดที่จอแจและพลุกพล่าน เขาก็คลาดสายตานางไป นางมองหาไปรอบ ๆ ตัวเองอย่างเหม่อลอย

เฉาจีที่วิ่งตามมาคว้าภรรยาเข้าไปกอดในอ้อมแขน

“เซี่ยเซี่ย เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าเหมือนจะเห็นน้องชายของข้า..”เถ้าแก่เนี้ยฮว่าพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง

“แต่…เขาหายไปอีกแล้ว”