บทที่ 255 โปรดออมมือเหลือหนวดเครา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 255 โปรดออมมือหนวดเครา

สนามแข่งขันล่าสัตว์อยู่ที่ป่าไม้ล่าสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวัง

ได้ยินมาว่า

ที่นั่นต้นไม้เขียวชอุ่ม ต้นหญ้าสดใส ทิวทัศน์ล้ำเลิศ พวกเหยื่อก็อ้วนพี เป็นที่ที่เหมาะสมแก่การล่าสัตว์อย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม!

ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ ที่จะสามารถเป็นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ได้

ในวันล่าสัตว์ ถนนหนทางก็จะคึกคักกว่าปกติ ทั้งคนและรถราวิ่งขวักไขว่ไปมา ผู้คนมากมายจนต้องเบียดไหล่กัน แต่ก็ยังมีคนที่พยายามจะเบียดเข้าไปบนถนน

โชคดี แม้ว่าคนบนถนนจะเยอะมากมาย แต่ก็ไม่ถึงกับปิดทางจนไม่สามารถสัญจรได้

รถม้ายังสามารถที่จะดำเนินไปข้างหน้าได้เรื่อยๆตามลำดับ เพียงแค่ช้าลงเท่านั้น

ช้าจนสามารถใช้ความเร็วของเต่ามาเปรียบเทียบได้……

หลานเยาเยาในเวลานี้ ยังนั่งอยู่บนเตียงที่วิจิตรตระการตาในจวน กินขนม ดื่มชา ท่าทางไม่เหมือนคนที่จะไปร่วมการแข่งขันล่าสัตว์แม้สักนิด

นางสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงที่ดูธรรมดาเรียบง่าย บวกกับริมฝีปากสีแดงเพลิง รอยดอกไม้ที่ดูเย้ายวน รวมทั้งเสน่ห์ที่มีมากับตัวเองตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการนอนอยู่บนเตียงที่สวยงาม นั้นก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้คนหลงใหลได้แล้ว

เพียงแต่……

หลานเยาเยาเอ้อระเหยอย่างสบายใจ และจื่อซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ร้อนใจเป็นอย่างมาก

เขาหันไปมองจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ถามเบาๆ “เจ้าดูท่าทีของคุณหนู นางจะไปล่าสัตว์หรือไม่ไปกันแน่นะ?”

“ไป!”

จื่อเฟิงที่สีหน้าเคร่งขรึมตอบเพียงหนึ่งคำ

เมื่อสองสามปีที่ผ่านมาจากความเข้าใจคุณหนูของเขา คุณหนูต้องไปแน่นอน เพียงแต่ว่าคุณกำลังรอ แล้วเพียงแค่เขาไม่รู้ว่ากำลังรออะไรอยู่เท่านั้น

“ไป?”

จื่อซีอดไม่ได้ที่จะทำหน้ากลุ้มใจ

นี่ท่าทางเหมือนจะไปหรือไง?

อีกทั้ง?

แม้แต่รถม้าและม้าคุณหนูก็ไม่ได้ให้พวกเขาเตรียมไว้ นี่ยังจะไปอีกที่ไหนกัน!

นี่เป็นการปล่อยให้ฮ่องเต้รอเก้อชัดๆ!

ใช่!

คำที่คุณหนูพูดบ่อยๆก็ใช้เช่นนี้

ในขณะที่จื่อซีกำลังลังเลอยู่ ว่าจะต้องเข้าไปบอกหลานเยาเยาหรือไม่ ว่าจะถึงเวลาของการแข่งขันล่าสัตว์แล้ว

“ซ่าซ่า…..”

เงาร่างสีเท่าร่างหนึ่งก็แวบผ่านไป

มือของหลานเยาเยาชะงัก หยุดดื่มชาทันที แววตาเปล่งประกายขึ้นอย่างฉับพลัน ริมฝีปากสีแดงที่อ่อนนุ่มยกขึ้น :

“ในที่สุดก็มาแล้ว”

ถ้ายังไม่มาอีกนางก็ไม่อยากไปแล้ว

นางกำลังคิดจะโบกมือให้กับเงาร่างสีเทา แต่กลับคิดไม่ถึง……

เงาคนสีเทานั่นกลับเหาะผ่านหน้าของนางไป เพิกเฉยต่อการมีตัวตนของนางไปอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้หลานอดไม่ได้ที่จะกรอกตาขาวใส่เงาคนผู้นั้นแวบหนึ่ง

ตาบอดหรอ!

นางตัวใหญ่ขนาดนี้นอนอยู่ตรงนี้ทั้งคน มองไม่เห็นหรือไงว่านางอยู่ตรงนี้?

ด้วยเหตุนี้!

นางลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็จรดปลายเท้ากับพื้นเบาๆ เหาะตามเงาร่างสีเทาไป ท่าทางผ่าเผย รวดเร็ว

จื่อซีและจื่อเฟิงเห็นแล้ว ดวงตาก็เปล่งประกายในพริบตา

“วิชาตัวเบาของคุณหนู……”

“พัฒนาขึ้นอีกแล้ว!”

พระเจ้า!

ชั่งน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่กี่วันก่อน คุณหนูที่ไม่ได้แสดงวิชาตัวเบาต่อหน้าพวกเขามานาน อยู่ดีๆก็อยากลองเหาะขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ผลสุดท้ายทำให้พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน

วิชาตัวเบาของคุณหนูนั้นมีความรวดเร็วดั่งเงาก็ไม่ปาน อีกทั้งยังอยู่ในระยะเวลาอันสั้น

ตอนนี้วิชาตัวเบาของคุณหนูก็พัฒนาขึ้นอีกแล้ว แม้จื่อเฟิงก็ได้เพียงแค่ตามอยู่ด้านหลัง

ดังนั้น……

นี่คุณหนูจะทำผิดกฎสวรรค์!

เพียงแค่!

พวกเขาล้วนแปลกประหลาดมาก

คุณหนูก็รู้จักแต่กินกินกินทุกวัน ทำไมแค่กินอย่างเดียววิชาตัวเบาถึงพัฒนาได้?

ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้?

หลานเยาเยาที่เหาะข้ามหลังคาบ้าน เพียงแค่ไม่กี่อึดลมหายใจ ก็ตามไปถึงเงาร่างสีเทาได้ และเพียงแวบเดียวก็ไปดักอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว

“ตาใหญ่จะไปไหน?”

“……” คนที่ถูกเรียกว่าตาใหญ่ โดนหลานเยาเยาที่ปรากฏตัวกะทันหันทำให้ตกใจ เขาชี้หลานเยาเยา พูดด้วยความเหลือเชื่อ :

“เจ้าเจ้าเจ้า ทำไมเจ้าถึงรวดเร็วเช่นนี้?”

เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่ายังอยู่ด้านหลังเขาหรือ?

ทำไมเพียงแวบเดียวก็วิ่งมาอยู่ด้านหน้าเขาได้?

หรือว่า……

วิชาตัวเบาของนางได้พัฒนาขึ้นอีกแล้ว?

หลานเยาเยาเหลือบไปมองตาใหญ่แวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร และถามอย่างช่วยไม่ได้ว่า :

“ม้าของข้าล่ะ?”

เหตุที่นางดื่มชาอย่างสบายใจ ก็เพราะว่ารอให้ตาใหญ่เอาม้ามาให้นาง

ตาใหญ่เป็นคนสำนักหงอีของนาง

อายุไม่ต่างจากตาแก่

ไม่ว่ายังไง ในสำนักหงอีของนาง ก็ล้วนเป็นพวกตาแก่ทั้งนั้น และแต่ละคนก็ยังมีอารมณ์นิสัยที่ยอดเยี่ยมมาก ชอบตะโกนกับนางเสียงดังโหวกเหวก

จุดนี้ทำให้นางไม่พอใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เพื่อเรียกพวกเขาด้านนี้ นางจึงได้เรียกพวกเขาว่าตาใหญ่ ตารอง ตาสาม

เรียงลำดับไปเช่นนี้เรื่อยๆ ยังไงซะก็มีแต่คนแก่ ดังนั้นจึงเรียกแบบนี้ตลอดแล้วกัน

ตอนแรกพวกเขาก็คัดค้านอย่างหนัก ในภายหลังเรียกชินแล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว

“ม้า? ตัวไหนรึ? เป็นม้าตัวที่โดนข้ากินไปตัวนั้นหรือ?”

ตาใหญ่เกาศีรษะ ราวกับว่ากำลังค้นหาอย่างหนักว่าม้าของเจ้าสำนักเป็นม้าตัวที่เขากินไปหรือไม่

เมื่อหลานเยาเยาได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ม้าของนางเป็นม้าที่แข็งแกร่งมาก หาได้ยากยิ่ง และยังมีไหวพริบดีมากอีก

กล้ากินม้าของนาง ไม่ต้องการมีชีวิตแล้ว?

ด้วยเหตุนี้!

นางจึงแวบเข้าไปทันที แล้วคว้าหนวดเคราของตาใหญ่ไว้ ถามด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่ว่า :

“ม้าล่ะ?”

“ข้าคิดคิด ข้าคิดคิด เจ้าสำนัก ท่านอย่ารีบร้อน อย่าดึงหนวดเคราของข้า เจ็บมากนะ”

เพียงครู่หนึ่งตาใหญ่ก็เจ็บจนหน้าเบี้ยวตาจมูกปากบี้เข้าหากัน มือทั้งสองข้างอยากจะดึงมือของหลานเยาเยาออกแต่ก็ไม่กล้า

เกรงว่าหลานเยาเยาจะถลกเคราของเขาออกไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว

“พูด ม้าล่ะ?”

นางเพิ่มแรงที่มือเข้าไปอีก จากนั้นก็เริ่มดึงขนทีละเส้น……

ไม่ถูก ต้องเป็นถอนหนวดเครา!

ถอนจนตาใหญ่นั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บที่เกินจะบรรยาย

“โอ้ย เจ็บเจ็บเจ็บ เจ้าสำนัก โปรดออมมือเหลือหนวดเครา ไม่ว่ายังไงก็จะต้องเหลือหนวดเครา!”

เมื่อคิดถึงหนวดเคราของเขาที่เมื่อก่อนขาวเป็นยวงใหญ่ๆ ตอนนี้เหลือเพียงหย่อมเล็กๆหย่อมหนึ่งที่น่าสงสาร ก็รู้สึกทั้งโกรธและทั้งเจ็บขึ้นมาในทันที

“จะถามอีกครั้ง ม้าล่ะ?”

ตอนนี้ หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น ทันใดนั้นในมือก็ปรากฏมีดสั้นขึ้นมาเล่นหนึ่ง จากนั้นก็เล็งไปที่หนวดเคราของเขาตรงๆ ข่มขู่เขาอย่างองอาจเปิดเผย

“มีดต่อสู้ภาคสนามเล่มนี้ ใช้ประโยชน์ได้มากมาย อยู่กับข้ามาเป็นเวลานานที่สุด และมันเคยฉาบไปด้วยเลือดนับไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยโกนหนวดเคราให้ใคร

ตาใหญ่ ไม่งั้น……วันนี้เอาหนวดเคราของเจ้ามาลองมือ ลองเสร็จแล้ว ข้าก็จะโกนหัวให้เจ้าไปด้วยเลย จะได้ให้เจ้าไปเป็นพระ กินกินเจ”

พูดจบ

หลานเยาเยาก็ไม่ได้รอคำตอบของตาใหญ่ ก็ได้วาดไปทางหนวดเคราของเขาโดยตรง

คราวนี้ตาใหญ่ร้อนใจแล้ว จึงรีบปกป้องหนวดเคราของตัวเองไว้ทันที พูดอย่างรีบร้อนว่า :

“อย่าอย่าอย่า อยู่ด้านนอกกำแพงลาน ข้าไม่ได้กินมัน นั้นเป็นของล้ำค่าที่สุดของท่าน ข้าจะกล้ากินหรือ?”

เมื่อเขาพูดจบ หนวดเคราก็ถูกปล่อยทันที ความเจ็บที่คางก็หายไป หลานเยาเยาที่อยู่ตรงหน้าก็หายตัวไปแล้ว

“เอ๊เอ๊เอ๊……เจ้าสำนัก คนล่ะ?”

หึ!

เขาเอาม้ามาให้ตั้งไกล ต้องมาเจอกับการกระทำเช่นนี้?

การปรนนิบัติม้าของเจ้าสำนักนั้นยากยิ่ง ทั้งยังไม่ให้เขาแตะต้องอีก เขาแทบจะต้องวิ่งตามม้ามาตลอดทาง

เขาแก่ขนาดนี้แล้ว เขาง่ายนักหรือ?

เจ้าสำนักไม่ได้ต้อนรับเขาอย่างดีก็ไม่เป็นไร ยังไม่ให้เขาชมทิวทัศน์รอบๆจวนดีๆอีก แล้วยังคาดไม่ถึงอีกว่าจะตัดหนวดเคราของเขา

“หึ!”

“ชั่งน่าเกลียดยิ่งนัก!”

ตาแก่นั่นก็เพียงแค่ปรับแต่งรถม้าหนึ่งคันไม่ใช่หรือไง! ทำไมคนอื่นเขาถึงได้กินปลาตัวใหญ่เนื้อชิ้นโต? แต่เขากลับไม่มี?

ฮือฮือฮือ……

ไม่ยุติธรรม

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ตาใหญ่จึงอดไม่ได้ที่จะแบะปาก จากนั้นก็ทำเรื่องที่เขาถนัดเป็นที่สุด.